ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ฮีเยโรนีมึส โบส"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 22:
ในศตวรรษต้น ๆ หลังจากโบสเสียชีวิตไปแล้ว มักจะเชื่อกันว่างานจิตรกรรมของโบสได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะนอกศาสนาคริสต์ในยุคกลางหรือประเพณีท้องถิ่นที่ลึกลับต่าง ๆ แต่บางคนก็เชื่อว่าเป็นงานเขียนที่สร้างขึ้นเพียงที่จะยั่วอารมณ์ของผู้ดูหรือเพื่อความชวนหัวคล้ายกับลักษณะศิลปะที่เรียกว่า "[[ศิลปะแบบอัปลักษณ์]]" (Grotesque) ของ[[สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาในอิตาลี|ศิลปะเรอแนซ็องส์แบบอิตาลี]] ขณะที่ศิลปะของจิตรกรผู้มีฝีมือคนอื่น ๆ ในสมัยนั้นยังวาดภาพสิ่งต่าง ๆ ที่เห็นรอบตัว โบสมักจะวาดภาพจากจินตนาการเช่นที่นักประวัติศาสตร์ศิลปะวอลเตอร์ กิบสันกล่าวว่าเป็นงานเขียนที่แสดงให้เห็นถึง "โลกของความฝัน (และ) ความฝันร้ายในรูปที่แทบจะกระโดดโลดเต้นออกมาได้ต่อหน้าต่อตาผู้ชม" คำบรรยายแรกที่เกี่ยวกับงานของโบสในปี ค.ศ. 1560 ของ[[เฟลิเป เด เกบารา]] (Felipe de Guevara) ชาวสเปนกล่าวถึงโบสว่าเป็น "ผู้สร้าง[[สัตว์ประหลาด]]และ[[คิเมียรา]]" เมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 นักประวัติศาสตร์ศิลปะชาวดัตช์[[กาเริล ฟัน มันเดอร์]] (Karel van Mander) บรรยายงานของโบสว่าประกอบด้วย "wondrous and strange fantasies" แต่ก็สรุปว่าภาพเขียนมักจะไม่ชวนดูและดูแล้วน่าขยะแขยง<ref>กิบสัน, หน้า 9</ref>
 
ในคริสต์ศตวรรษที่ 20 นักวิชาการเห็นว่าภาพของโบสไม่ได้เป็นภาพอัศจรรย์บรรเจิดอย่างมากมายอย่างที่เคยเชื่อกันแต่เป็นงานที่แสดงให้เห็นความเชื่อทางศาสนาที่เป็นแบบออร์ทอด็อกซ์ของสมัยนั้น โบสวาดภาพความบาปของมนุษย์ และ ภาพสวรรค์และนรกที่ละม้ายคล้ายคลึงกับคำบรรยายทางวรรณกรรมและคำเทศนาในสมัยปลายยุคกลาง นักเขียนหลายคนให้ความสำคัญต่องานของโบสมากกว่าที่เคยเป็นมาและพยายามตีความหมายงานจากมุมมองของจริยธรรมของยุคกลาง นอกจากนั้นก็เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่างานของโบสสร้างขึ้นเพื่อสอนศีลธรรมเช่นงานเขียนอื่น ๆ ของ[[สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาตอนเหนือ]]ในสมัยนั้นเช่นของกวี[[โรเบิร์ตรอเบิร์ต เฮนรีสันเฮนริสัน]] (Robert Henryson) และรายละเอียดแต่ละอย่างภายในภาพเป็นรายละเอียดที่โบสจงใจเขียน ดีร์ก บักซ์กล่าวว่าภาพเขียนของโบสเป็นงานจักษุศิลป์ที่ถอดความหมายมาจากคัมภีร์ไบเบิลและตำนานพื้นบ้านของสมัยนั้น<ref>แบ็กซ์, 1949</ref>
 
แต่นักเขียนบางคนกล่าวว่าโบสเป็นผู้ริเริ่มการเขียนแบบเหนือจริงของยุคกลางและมักจะเปรียบเทียบกับงานของ[[ซัลบาดอร์ ดาลี]] ในคริสต์ศตวรรษที่ 20 นักเขียนบางคนพยายามตีความหมายของภาพโดยใช้ทฤษฎีจิตวิทยาของ[[ซีคมุนท์ ฟร็อยท์]] แต่ทฤษฎีนี้ไม่เป็นที่ยอมรับกัน กิบสันกล่าวว่า "สิ่งที่เราเรียกกันว่า libido ก็คือสิ่งเดียวกับที่สถาบันศาสนาในยุคกลางประณามที่เรียกว่า[[ปฐมบาป]] และสิ่งที่เราเรียกว่าจิตใต้สำนึกก็คือสิ่งที่สมัยกลางใช้เรียกพระเจ้าและสิ่งชั่วร้าย"<ref>กิบสัน, 12</ref>
 
โบสเไม่เคยลงวันที่บนภาพเขียนและอาจจะลงชื่อเป็นบางภาพเท่านั้น ซึ่งทำให้ผู้เชี่ยวชาญต้องพิจารณาว่าเป็นภาพเขียนของโบสจริงหรือไม่ แต่ในปี ๆ ที่ผ่านมานักวิชาการอ้างว่าเป็นงานของโบสน้อยลงจนปัจจุบันก็มีเพียง 25 ภาพเท่านั้นที่นักวิชาการเชื่อว่าแน่นอนเป็นงานของโบส [[พระเจ้าเฟลิเปที่ 2 แห่งสเปน]] ทรงซื้อภาพเขียนของโบสหลายภาพหลังจากที่จิตรกรเสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งทำให้[[พิพิธภัณฑ์ปราโด]]ที่[[มาดริด]]กลายเป็นเจ้าของภาพเขียนหลายภาพของโบส รวมทั้งภาพ "[[สวนสำราญ]]" ด้วย