ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เปเตอร์ เปาล์ รือเบินส์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
BotKung (คุย | ส่วนร่วม)
เก็บกวาดบทความด้วยบอต
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 9:
ในสมัยนั้น[[ประเทศฮอลแลนด์]]และประเทศเบลเยียมมีฐานะเป็นแว่นแคว้นรวมอยู่ในประเทศเดียวกัน โดยอยู่ภายใต้การปกครองของชาว[[สเปน]]และประชาชนทั้งหลายต่างก็กำลังจะเริ่มก่อกบฏต่อต้านผู้กดขี่พวกเขา บิดาของรือเบินส์ต้องหลบหนีจากสเปนไปยัง[[ประเทศเยอรมนี]] และที่นั้นในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่มีชื่อว่าเมืองซีเกิน ก็กลายเป็นที่กำเนิดของรือเบินส์ พอเขาอายุ 9 ปี ก็มาอยู่เมืองโคโลญกับบิดา มารดา และฟีลิปผู้เป็นพี่ชาย ใน พ.ศ. 2130 บิดาของเขาถึงแก่กรรมลง มารดาของเขาจึงส่งบุตรคนน้องนี้กลับไปนครแอนต์เวิร์ป
 
รือเบินส์เข้าโรงเรียนในนครแอนต์เวิร์ป และเรียนรู้[[ภาษาละติน]]และ[[ภาษากรีก]]ด้วย ผู้เป็นมารดาต้องการให้เขาเป็นข้าราชสำนัก พอเขาอายุ 13 ปี เธอจึงส่งเขาไปเป็นมหาดเล็กในราชสำนักของเจ้าฟ้าหญิงใหญ่ ทรงพระนามว่า มาร์เกอริต เดอ ลีญ ชีวิตที่นี่ไม่มีอะไรน่าสนใจสำหรับหนูน้อยผู้นี้เลย (รือเบินส์พบว่า การเป็นเด็กมาหาดเล็กมหาดเล็กรับใช้ในราชสำนักช่างเป็นชีวิตที่น่าเบื่อเสียจริง ๆ) เพราะเขาพร้อมที่จะเริ่มแสดงสัญญาณแห่งอัจฉริยะทางการเขียนภาพให้ปรากฏอยู่แล้ว
 
รือเบินส์ร้องขอให้มารดาพาเขาออกไปจากราชสำนัก และแล้วในปี พ.ศ. 2134 เขาถูกส่งตัวไปศึกษากับจิตรกรภาพทิวทัศน์นามว่า [[โตบียัส เฟอร์ฮาคต์]] (Tobias Verhaecht) หลังจากนั้นอีก 6 เดือน เขาก็ได้ไปทำงานอยู่กับศิลปินอีกคนหนึ่ง คือ [[อาดัม ฟัน โนร์ต]] (Adam van Noort) และใช้เวลา 4 ปีอยู่ในห้องปฏิบัติงานศิลปะที่ค่อนข้างจะไม่เรียบร้อยของศิลปินผู้นี้ แต่ก็สนุกสนานมากเลยทีเดียว ครูคนที่ 3 ของเขาเคยเดินทางท่องเที่ยวมามาก และเป็นคนฉลาดหลักแหลมมาก ด้วยครูคนนี้มีนามว่า [[โอตโต ฟัน เฟน]] (Otto van Veen) ซึ่งรือเบินส์ก็ได้ทำงานในห้องปฏิบัติศิลปะของเขาเรื่อยมาจนกระทั่ง พ.ศ. 2143
 
แต่สำหรับพรสวรรค์ทางศิลปะที่ยิ่งใหญ่ของเขา แม้แต่แอนต์เวิร์ป (ซึ่งในขณะนั้นใหญ่กว่า[[ลอนดอน]]หรือ[[ปารีส]]) ก็ยังเล็กเกินไป เขาเริ่มเดินทางไป[[อิตาลี]] ตอนนี้เขาศึกษา วาด และลอกทุกอย่างในศิลปะอิตาลีที่เขาสามารถเจอเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ[[ทิเชียน]]
บรรทัด 17:
ที่[[โรม]] [[ศิลปะบาโรก]]กำลังเกิดขึ้นในฐานะ[[สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา|ศิลปะเรอแนซ็องส์]]ครั้งที่สอง ขณะนั้นเป็นสมัยของ[[สมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่ 5]] รือเบินส์อยู่ในโนโรมเกือบสี่ปี เขาศึกษางานของ[[มีเกลันเจโล]]ใน[[โบสถ์น้อยซิสทีน]] การศึกษากับ[[ราฟาเอล]]ของเขาละเอียดไม่น้อยกว่ากัน รือเบินส์จากโรมในพ.ศ. 2151 และกลับไปแอนต์เวิร์ป ทันทีทันใดหลังการกลับของเขา เขาวาด[[การชื่นชมของแมไจ]]สำหรับศาลาว่าการเมืองแอนต์เวิร์ป
 
ชีวิตของรือเบินส์น่าทึ่งและโลดแล่นอย่างมีพลังคล้ายองค์ประกอบภาพของเขา ในฤดูร้อนของ พ.ศ. 2152 เขาแต่งงานกับ[[อีซาแบ็ลลา บรันต์]] (Isabella Brant) ลูกสาวของผู้สูงศักดิ์แอนต์เวิร์ป และไม่นานเขาย้ายไปในบ้านหลังใหญ่ซึ่งในหลายปีต่อมาเขาขยายให้มีเป็นบางอย่างที่คล้ายลักษณะราวกับพระราชวังด้วยห้องทำงานขนาดใหญ่ รือเบินส์ได้รับการแต่งตั้งเป็นจิตรกรในราชสำนักของอาร์ชดุ๊กอัลเบรชท์ชดุ๊กอัลเบร็ชท์ ข้าหลวงสเปน แต่เขาได้รับระยะเวลาในสัญญาที่ให้เขาอยู่และทำงานในแอนต์เวิร์ปมากกว่าที่นั่งของรัฐบาลใน[[บรัสเซลส์]] หลังจากนั้นพ่อของเขาเป็นนายกเทศมนตรีแอนต์เวิร์ป เมืองที่ร่ำรวยสุดใน[[ยุโรป]]
 
การสัมผัสอย่างใกล้ชิดกับสภาเมืองแอนต์เวิร์ปของเขา, ข้าหลวงสเปนในบรัสเซลล์ และความมีเมตตาสุดนำรือเบินส์ไปในศูนย์กลางของอำนาจทางการเมือง สตูดิโอของเขากลายเป็นจุดศูนย์กลางของกิจกรรมทางการทูต โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการเกิดขึ้นของสงคราม 30 ปีใน พ.ศ. 2161 พระราชากษัตริย์แห่งสเปนพระราชทานตำแหน่งอันมีเกียรติแก่รือเบินส์ และระหว่างภารกิจทางการทูตครั้งหนึ่ง เขารับพระราชทานการแต่งตั้งเป็นอัศวินโดย[[พระเจ้าชาลส์ที่ 1 แห่งอังกฤษ]]
 
== ดูเพิ่ม ==