ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ปาราชิก"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
หน้าใหม่: เกี่ยวกับการสละสมณเพศหรือการลาสิกขาบทจากการเป็นพระภิกษุ ... |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 1:
เกี่ยวกับการสละสมณเพศหรือการลาสิกขาบทจากการเป็นพระ
ต้องปรากฏข้อเท็จจริงว่า บุคคลนั้นต้องเป็นพระภิกษุ และต้องอาบัติปาราชิกสี่ข้อใดข้อหนึ่ง
แม้จะไม่กล่าวลาสิกขาบทก็ถือว่าขาดจากความเป็นพระภิกษุทันทีเมื่อความผิดสำเร็จ
(ตามพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับหลวง เล่ม 1 ข้อที่ 10-300)
ปาราชิก
1. เสพเมถุน
2.เอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ตั้งแต่ 5 บาสกขึ้นไป
3. ฆ่ามนุษย์
4. อวดอุตริมนุษสธรรมอันไม่มีในตน
การบอกลาสิกขาบทตามพระธรรมวินัยองค์ประกอบ 2 ประการคือ
1. บุคคลนั้นมี "การกระทำเป็นผู้ทุรพลให้แจ้ง" หมายความว่า ไม่ประสงค์เป็นพระภิกษุอีกต่อไป
มีอาการเบื่อหน่ายเพศสมณะ ประสงค์จะเป็นคฤหัสถ์ (ตามพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับหลวง เล่ม 1
ข้อที่ 30)
2. มีการเปล่งวาจาให้ผู้อื่นทราบว่าตนเองมีเจตนาลาสิกขาบทจริง การกล่าวนั้นต้องชัดเจน
ไม่กำกวม ไม่มีข้อแม้ ไม่ใช่เพราะถูกบังคับ มิฉะนั้นจะยังไม่ขาดจากความเป็นพระภิกษุ (ตามพระไตร
ปิฎกภาษาไทย ฉบับหลวง เล่ม 1 ข้อที่ 30 และ 31) การกล่าวเพราะฟุ้งซ่าน เพราะไม่เข้าใจ กล่าวเล่น ๆ
ไม่ขาดจากความเป็นพระภิกษุ (ตามพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับหลวง เล่ม 1 ข้อที่ 32)
แต่อย่างไรก็ตาม การวินิจฉัยคดีของศาลที่เคยปฏิบัติมา มักจะวินิจฉัยคำว่า "สละสมณเพศ"
ในรูปแบบของการแต่งกายเท่านั้นว่า เมื่อจำเลยยินยอมเปลื้องสบงจีวรออก ถือว่าจำเลยลาสิกขาบทแล้ว
โดยไม่ได้วินิจฉัยลึกไปถึงขั้นตอนการลาสิกขาบทตามพระธรรมวินัยข้างต้น
|