ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ซุน ฮุ่ยหมิง"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
หน้าใหม่: '''ซุน ฮุ่ยหมิง''' ({{lang-zh|孫慧明}}) เป็นจู่ซือคนสุดท้ายของลัทธิอนุตต...
 
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 2:
 
== ประวัติ ==
ซุน ฮุ่ยหมิง มีนามเดิมว่า '''ซุน ซู่เจิน''' ({{lang-zh|孫素真}}) เกิดที่อำเภอซั่น เมือง[[เหอเจ๋อ]] [[มณฑลซานตง]] [[ประเทศจีนราชวงศ์ชิง|จักรวรรดิชิง]] รัชสมัย[[จักรพรรดิกวังซวี่]] เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ. 1895 ได้เข้าเป็นสมาชิกลัทธิอนุตตรธรรมในสมัยที่[[ลู่ จงอี]] เป็นจู่ซือรุ่นที่ 17 ได้รับศาสนนามว่า'''ฮุ่ยหมิง''' เธอได้พบกับ[[จาง เทียนหรัน|จาง ขุยเซิง]] ทั้งสองได้ช่วยกันเผยแผ่ลัทธิอนุตตรธรรมจนแพร่หลาย ขุยเซิงมีภรรยาคนแรกแซ่จู แต่เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1909 เขาจึงสมรสใหม่กับสตรีแซ่หลิว และรับซู่เจินเป็นภรรยาคนที่สอง (ที่ยังมีชีวิตอยู่) โดยอ้างว่าทำตามพระประสงค์ของสวรรค์ และยกย่องซูเจินว่าเป็นซู่เจินว่าเป็น[[อวตารของ|พระภาค]]ของพระจันทรปัญญาโพธิสัตว์ ({{lang-zh|月慧菩薩}})
 
เมื่ออาจารย์ลู่ถึงแก่กรรมในปี ค.ศ. 1925 ก็เกิดความแตกแยกขึ้นภายในลัทธิเพราะศิษย์อาวุโสแต่ละคนต่างตั้งตนเป็นใหญ่เป็นอิสระต่อกัน ต่อมาลู่ จงเจี๋ย น้องสาวของอาจารย์ลู่อ้างว่า[[พระแม่องค์ธรรม]]ได้มาประทับทรงประทาน[[อาณัติสวรรค์]]แต่งตั้งให้ตนเป็นผู้รักษาการจู่ซือไป 12 ปี แต่มีเพียงขุยเซิงคนเดียวที่ยอมรับ หลังจากรักษาการได้ 6 ปี ถึงปี ค.ศ. 1930 จงเจี๋ยจึงประกาศว่าพระแม่องค์ธรรมให้ขุยเซิงและซู่เจินรับสืบทอดอาณัติสวรรค์ ร่วมกันปกครองสำนักต่อในฐานะจู่ซือรุ่นที่ 18 และโดยขุยเซิงได้นามใหม่ว่า'''กงฉัง''' และซู่เจินได้นามใหม่ว่า'''จื่อซี่'''<ref name="พระพุทธบรรพจารย์เทียนหยาน">ศุภนิมิต, ''พระพุทธบรรพจารย์เทียนหยาน'', กรุงเทพฯ : ส่งเสริมคุณภาพชีวิต, หน้า 31</ref> แต่กงฉังยังคงเป็นผู้นำหลักของลัทธิ และสามารถเผยแพร่ลัทธิจนแพร่หลายไปทั่วลุ่มแม่น้ำแยงซี
 
เมื่อกงฉังถึงแก่กรรมในปี ค.ศ. 1947 ได้เกิดความแตกแยกขึ้นอีกในสำนักเพราะ'''จาง อิงอวี้''' (บุตรชายคนเดียวของกงฉัง) และฮุ่ยหมิงต่างอ้างตนเป็นผู้นำลัทธิสืบต่อจากกงฉัง ฮุ่ยหมิงได้เปรียบกว่าเพราะได้รับแต่งตั้งเป็นจู่ซือคู่กับกงฉังมาตั้งแต่แรก เธอยังอ้างว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ประกาศผ่านร่างทรง (ซันไฉ) รับรองความชอบธรรมของเธอให้ปกครองสำนัก นอกจากนี้จื่อซี่ยังอ้างตนเป็นพระภาคหนึ่งของพระแม่องค์ธรรมเองด้วย<ref>[http://books.google.co.th/books?id=VRIwtPyCkCQC&pg=PA69&lpg=PA69&dq=Zhang+tianran+son&source=bl&ots=-g0Rjv_0S0&sig=PdKSZhcTUAapXXD2elLctnc-0MY&hl=en&sa=X&ei=7w7NUuTKGMP_rQe66YGIAw&ved=0CEQQ6AEwAw#v=onepage&q=Zhang%20tianran%20son&f=false Religion and Democracy in Taiwan]</ref> สาวกลัทธิอนุตตรธรรมส่วนมากจึงสนับสนุนฮุ่ยหมิง ทำให้เธอได้เป็นผู้นำสูงสุดมานับแต่นั้น
 
ลัทธิอนุตตรธรรมในสมัยฮุ่ยหมิงถูกทางการปราบปรามอย่างหนัก เธอจึงลี้ภัยไปอยู่[[ฮ่องกง]]ในปี ค.ศ. 1949 อยู่[[กัวลาลัมเปอร์]]ช่วงปี ค.ศ. 1951-2 แล้วย้ายกลับไปฮ่องกง สุดท้ายย้ายไปอยู่ไต้หวันตั้งแต่ปี ค.ศ. 1954 ขณะนั้นทางการไต้หวันยังถือว่าลัทธิอนุตตรธรรมเป็นลัทธิเถื่อน เธอจึงต้องเก็บตัวอยู่ตลอดจนกระทั่งล้มป่วยและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ฮุ่ยหมิงตั้งใจจะให้ Li Wensi บุตรบุญธรรมของตนได้เป็นจู่ซื่อรุ่นที่ 19 ต่อไป แต่ Li Wensi ถูกจับติดคุกในปี ค.ศ. 1953 จนตลอดชีวิต ส่วนฮุ่ยหมิงก็ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 1975 ทำให้ไม่มีใครได้เป็นจู่ซือต่อมา แม้จะมีหลายคนอ้างตนเป็นจู่ซือรุ่นที่ 19 แต่ก็ไม่ได้รับการยอมรับจากสาวกส่วนใหญ่ ซุน ฮุ่ยหมิงจึงเป็นจู่ซือคนสุดท้ายของลัทธิอนุตตรธรรม หลังมรณกรรมของเธอได้มีการประกาศว่าเธอได้รับอริยฐานะเป็น'''จงหัวเซิ่งหมู่''' ({{lang-zh|中华圣母}})
 
ก่อนเสียชีวิต ฮุ่ยหมิงตั้งใจจะให้ Li Wensi บุตรบุญธรรมของตน ได้สืบตำแหน่งต่อเป็นจู่ซื่อรุ่นที่ 19 ต่อไป แต่ Li Wensi ถูกจับติดคุกในปี ค.ศ. 1953 จนตลอดชีวิต ส่วนฮุ่ยหมิงก็ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 1975 ทำให้ไม่มีใครได้เป็นจู่ซือต่อมาซือต่อ แม้จะมีหลายคนอ้างตนเป็นจู่ซือรุ่นที่ 19 แต่ก็ไม่ได้รับการยอมรับจากสาวกส่วนใหญ่ ซุน ฮุ่ยหมิงจึงเป็นจู่ซือคนสุดท้ายของลัทธิอนุตตรธรรม หลังมรณกรรมของเธอได้มีการประกาศว่าเธอได้รับพระแม่องค์ธรรมประทานอริยฐานะเป็นยฐานะให้เธอเป็น'''จงหัวเซิ่งหมู่''' ({{lang-zh|中华圣母}})<ref>ศุภนิมิต, ''สายทอง 3'', กรุงเทพฯ : ส่งเสริมคุณภาพชีวิต, 62-4</ref>
 
== อ้างอิง ==
{{รายการอ้างอิง}}
 
 
{{เริ่มกล่อง}}
{{สืบตำแหน่ง
| สี1 = #FFCC00
| สี2 =
| สี3 = #FFCC00
| รูปภาพ =
| ตำแหน่ง = จู่ซือ[[ลัทธิอนุตตรธรรม]]
| จำนวนตำแหน่ง =
| ก่อนหน้า = [[ลู่ จงอี]]
| จำนวนก่อนหน้า =
| ถัดไป = ไม่มี
| จำนวนถัดไป =
| ช่วงเวลา = ค.ศ. 1930 - 1975
}}
{{จบกล่อง}}
 
{{birth|1895}}{{death|1975}}