ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การเล่นกีฬาของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 3:
[[พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว]]โปรดการเล่น[[กีฬา]]มาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ เมื่อประทับอยู่ ณ [[ประเทศสวิตเซอร์แลนด์]] โปรดกีฬาหลายประเภท เช่น [[สกีน้ำแข็ง]], ยิง[[ปืน]], [[กอล์ฟ]]เล็ก, การแข่งขันรถเล็ก, [[เทนนิส]], [[แบดมินตัน]], [[เครื่องร่อน]] โดยทรงเล่นกีฬาเหล่านี้มาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ โดยทรงศึกษาข้อมูลของกีฬาแต่ละประเภทอย่างละเอียด และทรงฝึกฝนจนปฏิบัติได้ดี นับเป็นแบบอย่างที่ดีของนักกีฬา น่าสังเกตว่ากีฬาที่โปรด มักเป็นกีฬาที่ไม่ได้ใช้แต่พละกำลังเพียงอย่างเดียว คือ ต้องอาศัย ความรู้รอบตัวและเทคนิคไหวพริบ ผนวกกับความรู้ ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในกีฬานั้น ๆ ซึ่งทรงพอพระทัยกับการเผชิญความท้าทายในเกมกีฬาเป็นอย่างมาก เช่น เทนนิส, [[เรือใบ]] เป็นต้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเคารพกฎกติกาของการกีฬาที่ทรงเล่น และมักจะทรงเน้นย้ำให้นักกีฬาทั้งหลายมีวินัยตลอดเวลา ทรงให้ความสำคัญต่อการฝึกซ้อมเป็นอันมาก ทรงสนพระทัยกีฬาที่มีโอกาสได้ฝึกซ้อม ด้วยทรงเห็นว่าการจะเป็นนักกีฬาที่ดีนั้น ต้องให้ความสนใจในการฝึกซ้อม เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และปรับปรุงตนเอง มีประสบการณ์เพิ่มขึ้นถ้านักกีฬาคนใดไม่ฝึกซ้อมก็จะเป็นนักกีฬาที่ดีไม่ได้ แต่ด้วยพระราชภารกิจ อันมากมายของพระองค์ กีฬาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงนั้น ส่วนมากจะทรงเป็นระยะๆ บางช่วง ด้วยไม่สะดวกที่จะทรงฝึกซ้อมเป็นประจำ นอกจากกีฬาแข่งขันแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังสนพระทัยในการออกกำลังพระวรกายเพื่อสุขภาพอีกด้วย เช่น วิ่งเหยาะ และเดินเร็ว การออกกำลังพระวรกายสม่ำเสมออย่างถูกหลักวิชาการ คือ มีการบันทึกพระชีพจร ความดันพระโลหิตทั้งก่อนและหลังการทรงออกกำลังพระวรกาย รวมทั้งทรงกระตุ้นให้เกิดความอบอุ่นแก่พระวรกายก่อนเริ่ม และผ่อนคลายความตึงเครียดของพระกล้ามเนื้อ หลังจากการออกกำลังพระวรกาย โดยทรงปฏิบัติเช่นนี้เป็นกิจวัตร เป็นแบบฉบับของนักกีฬาที่ดี ถึงแม้ในช่วงแปรพระราชฐานไปในที่ต่าง ๆ ในเวลากลางวันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะอุทิศเวลาเพื่อราษฎรของพระองค์ กว่าจะเสร็จสิ้นพระวรกายด้วยการทรงพระดำเนินแล้ว เป็นระยะทางนับเป็นหลายร้อยเมตร เพื่อให้พระวรกายของพระองค์แข็งแรง พร้อมที่จะเสด็จพระราชดำเนินไปในที่ต่าง ๆ เพื่อเยี่ยมเยียนราษฎรของพระองค์ได้เสมอ
 
โดยพระราชทานพระราชดำรัสเกี่ยวกับการกีฬาไว้ว่า '''''"การกีฬามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับชีวิตของแต่ละคนและชีวิตบ้านเมือง"'' ''' พระราชดำรัสนี้แสดงให้เห็นถึงพระราชปณิธานในเรื่องการส่งเสริมการกีฬาว่าเป็นสิ่งจำเป็นและเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาบุคคลและประเทศชาติ จึงทรงส่งเสริมกีฬาทุกประเภท พร้อมทั้งทรงกีฬามากมายหลายประเภทเช่นกัน
ส่งเสริมการกีฬาว่าเป็นสิ่งจำเป็นและเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาบุคคลและประเทศชาติ จึงทรงส่งเสริมกีฬา
ทุกประเภท พร้อมทั้งทรงกีฬามากมายหลายประเภทเช่นกัน
 
== เรือใบ ==
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระราชหฤทัยในกีฬาเรือใบเป็นพิเศษ เนื่องจากพระองค์ท่านโปรดปรานการช่างอยู่แต่เดิมแล้ว เรือใบของพระองค์จะทรงต่อด้วยพระองค์เอง และจะทรงทดลองแล่นในสระน้ำภายใน[[พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน]] เรือใบฝีพระหัตถ์ลำแรกที่ทรงต่อด้วยพระองค์เองเป็นเรือใบพระที่นั่งเอ็นเตอร์ไพรส์ โดยพระราชทานชื่อเรือว่า "ราชปะแตน" และต่อมาทรงต่อเรือใบประเภท โอ เค ขึ้นอีก พระราชทานชื่อว่า "นวฤกษ์" ซึ่งเรือนวฤกษ์นี้เอง ทรงนำมาใช้ในการแข่งขันกีฬาเรือใบในกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ ๔ นอกจากนี้พระองค์ท่านยังทรงคิดค้น ออกแบบ และสร้างเรือใบขึ้นมาด้วยพระองค์เองอีก พระราชทานชื่อว่า "เรือใบแบบมด" ทรงมีรับสั่งว่า '''''"ที่ชื่อมดนั้นเพราะมันกัดเจ็บ ๆ คัน ๆ ดี "''''' ต่อมาทรงพัฒนาเรือแบบมดขึ้นมาใหม่โดยได้พระราชทานชื่อว่า เรือใบ "แบบซูเปอร์มด" และเรือใบในตระกูลมดนี้ลำสุดท้ายที่ทรงออกแบบคือเรือใบ "แบบไมโครมด" ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่นักแล่นเรือใบทั้งหลาย
 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังทรงต่อเรือขึ้นมาอีกลำหนึ่งเป็นเรือใบประเภท โอ เค พระราชทานชื่อเรือว่า "VEGA" หรือ [[เวกา (ดาวฤกษ์)|เวคา]] (ชื่อ[[ดาวฤกษ์]]ดวงหนึ่งที่สุกสว่างมาก) ทรงใช้เรือลำนี้เสด็จฯ ข้าม[[อ่าวไทย]]จาก[[พระราชวังไกลกังวล]][[หัวหิน]] ไปขึ้นฝั่งที่หาดเตยงามใน[[นาวิกโยธินแห่งราชอาณาจักรไทย|หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน]]ด้วยลำพังพระองค์เอง เมื่อวันที่ [[19 เมษายน]] [[พ.ศ. 2509]] ซึ่งในการต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานหางเสือเรือเวคา เพื่อเป็นรางวัลนิรันดรในการแข่งขันเรือใบระยะทางไกลของประเทศไทย นอกจากนี้ยังทรงก่อตั้งสโมสรเรือใบส่วนพระองค์ขึ้นคือสโมสรเรือใบจิตรลดา ทั้งยังมีพระมหากรุณาธิคุณรับสโมสรเรือใบต่าง ๆ มาไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์เช่น สโมสรเรือใบราชวรุณ สโมสรเรือใบ[[กรมอู่ทหารเรือ]] สโมสรเรือใบ[[ฐานทัพเรือสัตหีบ]] สโมสรเรือใบนาวิกโยธิน และสโมสรเรือใบ[[กองเรือยุทธการ]] เป็นต้น
ใบต่าง ๆ มาไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์เช่น สโมสรเรือใบราชวรุณ สโมสรเรือใบ[[กรมอู่ทหารเรือ]] สโมสรเรือใบ[[ฐานทัพเรือสัตหีบ]] สโมสรเรือใบนาวิกโยธิน และสโมสรเรือใบ[[กองเรือยุทธการ]] เป็นต้น
 
ด้วยเหตุที่โปรดการต่อเรือใบประเภทต่าง ๆ ดังกล่าว [[หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี]] ได้ทรงเล่าถึงพระราชดำรัสขององค์ท่านในหนังสือ อสท. เรื่องทรงเรือใบ ฉบับวันที่ [[5 ธันวาคม]] [[พ.ศ. 2534]] ไว้ว่า ''' ''"ปีใหม่คนอื่น ๆ เขาไปฉลองกัน เสียเงินมาก แต่เราเสีย ๑๔๗ บาท เท่านั้น เป็นค่าไม้ยมหอม และค่าเบียร์ฉลองปีใหม่ แต่เรายังสนุกกว่าเขาอีก แล้วเป็นประโยชน์ด้วย"'''''
 
จากพระราชดำรัสที่กล่าวข้างต้นจะเห็นได้ว่าพระองค์ท่านทรงให้ความสนพระทัยในการกีฬาเรือใบนี้ด้วยพระราชหฤทัยอย่างแท้จริง จึงได้ทรงต่อเรือใบด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง ซึ่งมีเพียงแต่พระองค์ท่านที่เป็นพระประมุขของชาติไทยพระองค์เดียวในโลกนี้เท่านั้นที่มีพระปรีชาสามารถในด้านเรือใบ
เส้น 28 ⟶ 25:
นอกจากนี้แล้วยังทรงรับการแข่งขันกีฬา[[เอเชียนเกมส์ 1966|เอเชียนเกมส์ครั้งที่ 5]], [[เอเชียนเกมส์ 1970|6]] และ [[เอเชียนเกมส์ 1978|8]] รวมทั้ง[[กีฬาแหลมทอง 1967|กีฬาแหลมทองครั้งที่ 4]], [[กีฬาแหลมทอง 1975|8]] และ [[กีฬาซีเกมส์ 1985|13]] ซึ่งทั้งหมดนี้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ตลอดจนทรงเป็นองค์ราชูปถัมภ์ของสมาคมกีฬาสมัครเล่นหลายสมาคมอีกด้วย
 
.....=== แบดมินตัน .......===
กีฬาแบดมินตันเป็นกีฬาอีกประเภทหนึ่ง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดปรานมาก เมื่อครั้งที่พระราชภารกิจยังไม่มากมายเหมือนเช่นปัจจุบันนี้ พระองค์ทรงนิยมเล่นหลายประเภท ทั้งประเภทคู่ และประเภทสามคน ในช่วงเวลานั้น กีฬาแบดมินตันของประเทศ ไทยยังไม่เป็นที่แพร่หลาย แต่ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกลของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีรับสั่งกับผู้ใกล้ชิดว่า กีฬาแบดมินตันเป็นกีฬาหนึ่งในไม่กี่ประเภทที่[[คนไทย]]สามารถที่จะไต่เต้าไปสู่ระดับโลกได้ เพราะไม่เสียเปรียบ ทางด้านรูปร่าง และพละกำลังมากจนเกินไป มีรับสั่งถึงประเด็นนี้หลายครั้งและต่อมา ได้พระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ให้กับ[[สมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย]] เมื่อ [[พ.ศ. 2493]][[พุทธศักราช 2493]] พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแบดมินตันอย่างนักกีฬาโดยแท้ คือไม่ทรงแสดงอาการกริ้ว หรือพิโรธอย่างใดเมื่อทรงลูกเสีย หรือแม้กระทั่ง ผู้ที่ถวายตีลูกเสีย หรือทรงถูกกระทบกระทั่งถึงพระวรกาย จากความเข้มข้นในเกมการเล่น ก็ไม่ทรงถือพระองค์แต่อย่างใด อันแสดงให้เห็นว่าทรงเป็นนักกีฬาที่มีน้ำใจ นักกีฬาอย่างแท้จริง นอกจากทรงแบดมินตันเป็นการส่วนพระองค์แล้ว ยังทรงสนพระทัยในการกีฬาแบดมินตันเป็นอันมาก ทรงสามารถวิเคราะห์ถึงการเล่น และรับสั่ง วิจารณ์ถึงวิธีการเล่นของนักแบดมินตันระดับโลกแต่ละคนได้เป็นอย่างดี และทรงนำมาปรับปรุงเพื่อพัฒนาฝีมือ เทคนิคการเล่นของพระองค์เอง กับทั้งทรงชี้แนะ พระราชทานข้อแก้ไขเทคนิคการเล่นแก่นักกีฬาของไทยด้วยพระเมตตา และพระกรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ก่อเกิดการพัฒนาอย่างใหญ่หลวง แก่กีฬาแบดมินตันในประเทศไทย จนเป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศในเวทีแบดมินตันโลกได้ในที่สุด
 
ซึ่งในเรื่องพระจริยวัตรในกีฬาแบดมินตันตรงนี้ ในหนังสือของ [[ศาสตราจารย์]][[เจริญ วรรธนะสิน]] อดีตนักแบดมินตันทีมชาติไทย ความว่า
 
''"การแข่งขันในวันนั้นเป็นการแข่งขันหน้าพระที่นั่งและเป็นการแข่งขันที่คนดูมากที่สุด เป็นที่โปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างยิ่ง ถึงกับทรงมีรับสั่งภายหลังจากการแข่งขันว่าเป็นการแข่งขันที่สนุก ทั้งตันโจฮอค และข้าพเจ้า แข่งขันกันอย่างนักกีฬา มียิ้มหัวกันตลอดเวลาร่วมชั่วโมงที่ขับเคี่ยวกัน"''
 
และยังมีอีกตอนหนึ่งความว่า
 
''"เป็นบุญวาสนาของวงการแบดมินตันไทยเป็นอย่างยิ่ง ที่สมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทยมิเพียงแต่เป็นสมาคมที่อยู่ภายใต้พระอุปถัมภ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเท่านั้น แต่พระองค์ท่านยังทรงกีฬาแบดมินตันเป็นพระราชกิจวัตร และโปรดปรานแบดมินตันอย่างชนิดจะหาพระมหากษัตริย์องค์ใดในโลกมาเปรียบเทียบมิได้ ด้วยพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม วงการแบดมินตันไทยสมัยนั้นได้รับการอุ้มชูสนับสนุนอย่างดีที่สุด และพระนามของ[[สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์]] [[พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุทธสิริโสภา]] จึงมีความสัมพันธ์กับวงการแบดมินตันของไทยอย่างแน่นแฟ้นตราบเท่าทุกวันนี้"''
 
และตอนหนึ่งความว่า
 
'' "พวกเราได้รับพระมหากรุณาธิคุณเข้าเฝ้ากราบบังคมลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่นักแบดมินตันไทยทั้ง 4 ให้พวกเรากระทำตนเป็นนักกีฬาที่ดี รักษาชื่อเสียงของประเทศชาติ และข้าพเจ้าเนื้อตัวสั่นด้วยความตื่นเต้นและตื้นตันใจ เมื่อรับสั่งชมข้าพเจ้าว่า วันที่แข่งขันกับ ตันโจฮอก เจริญเล่นได้ดี เล่นได้สนุก ไม่เคร่งเครียด สมเป็นนักกีฬาที่ดี จากกระแสรับสั่งในครั้งนั้น ได้มีอิทธิพลอย่างมหาศาลทำให้ข้าพเจ้าเพิ่มความสนุกในการเล่นของตนเองเสมอ และทำให้เข้าใจซาบซึ้งถึงแก่นแท้และคุณค่าของคำว่า นักกีฬา"''
 
== วงการมวย ==
สำหรับนักกีฬาไทยแล้ว กีฬา[[มวย]]นับเป็นกีฬาประเภทหนึ่งที่นักกีฬาไทยสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศได้มากมายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระมหากรุณาธิคุณกับวงการมวยมาโดยตลอด โดยจะเสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานทอดพระเนตรการชกของนักมวยไทยกับนักมวยต่างชาติหลายต่อหลายครั้ง เช่น การชกระหว่าง [[โผน กิ่งเพชร]] กับ [[ปาสคาล เปเรซ]] นักมวยชาว[[อาร์เจนตินา]] เมื่อค่ำ[[วันเสาร์]]ที่ [[16 เมษายน]] [[พ.ศ. 2503]] ณ [[สนามมวยเวทีลุมพินี]] ซึ่งผลการชก โผนสามารถเอาชนะคะแนนเปเรซไปอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ ได้ครองตำแหน่งแชมป์โลกเป็นคนแรกของไทย หรือการชกระหว่าง [[ชาติชาย เชี่ยวน้อย]] กับ [[แอฟเฟรน ทอร์เรส]] นักมวยชาว[[เม็กซิโก|เม็กซิกัน]] เมื่อค่ำ[[วันศุกร์]]ที่ [[20 มีนาคม]] [[พ.ศ. 2513]] ณ สนามกีฬากิตติขจร (ปัจจุบันคือ [[อินดอร์สเตเดียม หัวหมาก]]) ผลการชก ชาติชายเป็นฝ่ายคะแนน ได้ครองแชมป์โลกเป็นสมัยที่ 2 เป็นต้น ซึ่งหลังจากการชกทุกครั้ง จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้นักมวยเข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิด และมีพระราชปฏิสันธานอย่างเป็นกันเองและห่วงใย และจะพระราชทานเข็มขัดแชมป์โลกให้ด้วย
 
และเมื่อครั้งที่ [[แสน ส.เพลินจิต]] เดินทางไปป้องกันตำแหน่งแชมป์โลก ณ [[เมืองโอซากา]] [[ประเทศญี่ปุ่น]] กับ [[ฮิโรกิ อิโอกะ]] เมื่อวันที่ [[17 ตุลาคม]] [[พ.ศ. 2538]] ผลการชกแสนเอาชนะน็อกไปได้ในยกที่ 10 หลังการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงส่งพระราชสาสน์ผ่านทางกงสุลไทย ณ เมืองโอซากา ความว่า พระองค์ทอดพระเนตรการชกของแสนอยู่ผ่านทาง[[โทรทัศน์]] ทรงชมว่าแสนชกได้ดี ยังความปลาบปลื้มแก่แสนและคณะเป็นอย่างยิ่ง
 
นอกจากนี้แล้ว เมื่อ [[สมรักษ์ คำสิงห์]] ชนะเลิศในการแข่งขัน[[มวยสากลสมัครเล่น]]รุ่น[[เฟเธอร์เวท]] ใน[[โอลิมปิกฤดูร้อน 1996|กีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 26]] ที่เมือง[[แอตแลนตา]] [[รัฐจอร์เจีย]] [[ประเทศสหรัฐอเมริกา]] เมื่อปี [[พ.ศ. 2539]] ก่อนชกในรอบชิงชนะเลิศ สมรักษ์ให้สัมภาษณ์ว่า จะคว้าชัยชนะให้ได้ เพื่อนำเหรียญทองกลับไปร่วมสมโภชน์เป็นส่วนหนึ่งในงาน[[พระราชพิธีกาญจนาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๓๙|พระราชพิธีกาญจนาภิเษก]] ซึ่งเป็นวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ครบ 50 ปีด้วย และเมื่อสมรักษ์สามารถเอาชนะได้ ได้ครองเหรียญทองโอลิมปิกเป็นครั้งแรกของนักกีฬาไทย สมรักษ์ได้เข้าเฝ้าฯ เพื่อทูลเกล้าถวายเหรียญทองประวัติศาสตร์เหรียญนี้แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย
 
== พระมหากรุณาธิกุลทั่วไปในวงการกีฬา ==
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณแก่วงการกีฬาของชาติอย่างสม่ำเสมอ นอกเหนือจากการเอาพระทัยใส่ และทรงอุปถัมภ์การกีฬาหลาย ประเภทแล้ว ยังปรากฏพระราชกรณียกิจหลายประการอันเป็นคุณประโยชน์ และเป็นสิริมงคลอันสูงยิ่งแก่วงการกีฬา และนักกีฬาชาวไทยชั่วกาลนาน อันได้แก่
 
''';พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์'''
อันได้แก่
 
'''พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์'''
 
พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่นักกีฬา และผู้บำเพ็ญคุณประโยชน์ต่อการกีฬาในปี[[พ.ศ. 2534|พุทธศักราช 2534]] [[พ.ศ. 2535|พุทธศักราช 2535]] และ[[พ.ศ. 2536|พุทธศักราช 2536]] สืบเนื่องจาก[[เอเชียนเกมส์ 1990|การแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 11]] ณ [[ประเทศจีน]] และ[[ซีเกมส์ 1991|การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 16]] ณ [[ประเทศฟิลิปปินส์]] และ[[โอลิมปิกฤดูร้อน 1992|การแข่งขันโอลิมปิก ครั้งที่ 25]] ณ [[ประเทศสเปน]] ซึ่งนักกีฬาทีมชาติไทยได้สร้างชื่อเสียงและเกียรติประวัติแก่ประเทศชาติ
 
''';พระราชทานทุนนักกีฬา'''
 
พระราชทานทุนแก่นักกีฬาจากกองทุนโดยเสด็จพระราชกุศล อาทิ ทุน[[มวยไทย]]ใน[[มูลนิธิอานันทมหิดล]] ซึ่งคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันมวย โดยเสด็จพระราชกุศลได้ทูลเกล้าฯ ถวายเงินรายได้จากการแข่งขัน พระราชทานทุนแก่นักกีฬาที่ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ ดังที่ ศาสตราจารย์เจริญ วรรธนะสิน นักแบดมินตันรองแชมป์โลกชายเดี่ยว ออล อิงแลนด์ 2 สมัยได้รับพระราชทานทุนส่วนพระองค์ไปศึกษาใน[[ประเทศอังกฤษ]] เป็นต้น
 
''';พระราชทานไฟพระฤกษ์'''
 
ในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาครั้งสำคัญ ๆ ไม่ว่าจะเป็นพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาระหว่างประเทศ หรือภายในประเทศพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะพระราชทานไฟพระฤกษ์ให้ แก่คณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาครั้งนั้นๆ นำไปประกอบพิธีเปิดการแข่งขันทุกครั้ง โดยมีพระราชดำรัสพระราชทานแก่คณะผู้เข้าเฝ้า ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ครั้งหนึ่งความว่า '''''"…ไฟนั้นใช้ได้ดีก็จะเป็นประโยชน์ ใช้ไม่ดีก็เป็นผลเสีย การเล่นกีฬาทำให้ มีสุขภาพดีขอให้ผู้เข้าแข่งขันกีฬาแห่งชาติมีน้ำใจนักกีฬา มีจิตใจเป็นนักกีฬา และขอให้การกีฬาช่วยกันทำให้เกิดความสามัคคี สร้างสรรค์ประเทศชาติให้รุ่งเรืองต่อไป …"''''' พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้เข้าเฝ้าฯ และพระราชทาน พระบรมราโชวาท พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นักกีฬา และบุคลากรในวงการกีฬา เข้าเฝ้าฯอย่างเป็นทางการและเป็นการส่วนพระองค์อยู่เสมอ นับเป็นการสร้าง ขวัญและกำลังใจแก่นักกีฬา และผู้เกี่ยวข้องในวงการกีฬาเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังพระราชทานพระบรมราโชวาทอันทรงคุณประโยน์ที่นักกีฬาต่างรับใส่เกล้าฯ และยึดถือปฏิบัติเสมอมา
 
== ดูเพิ่ม ==
เส้น 71 ⟶ 66:
 
== อ้างอิง ==
* [http://king.ds.ac.th/index.php/s-t-u-genuis/119-s-t-u-sport พระอัจฉริยภาพด้านกีฬา - หน้าแรก]
* [http://www.sat.or.th/museum/index.php?option=com_sportperson&id=10&task=view พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (กับการกีฬา) องค์อุปถัมภ์กิจกรรมกีฬาของชาติ] จาก[[เว็บไซต์]][[การกีฬาแห่งประเทศไทย]]
 
* [http://www.yrat.or.th/king/k-1.htm พระราชประวัติย่อเกี่ยวกับการทรงแข่งขันเรือใบ]
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
* [http://www.thaibadminton.com/main/modules/newbb_plus/viewtopic.php?topic_id=19511 เทคติกการเล่นเดียวจากหนังสืออาจารย์เจริญ วรรธนะสิน] จากเว็บไซต์ไทยแบดมินตัน
 
[[หมวดหมู่:รัชกาลที่ 9]]
[[หมวดหมู่:กีฬาในประเทศไทย]]