ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ปฏิบัติการวัลคือเรอ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
แก้ไขส่วนที่แปลเป็นไทยผิดความหมาย โดยเทียบกับฉบับภาษษอังกฤษ
แก้และขยายความภาษาไทยให้ตรงกับความหมายในภาษาอังกฤษ
บรรทัด 3:
'''ปฏิบัติการวาลคิรี''' ({{lang-de|Unternehmen Walküre}}) เป็นแผนปฏิบัติการ[[:en:Continuity of government|ความต่อเนื่องของรัฐบาล]]ในวาระฉุกเฉิน ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นโดยกองกำลังรักษาดินแดนแห่งเยอรมนี เพื่อที่จะดำเนินการเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศไว้ให้ได้ ในกรณีที่อาจมีความล้มเหลวของ[[พรรคนาซี|รัฐบาลพลเรือน]] ในความพยายามที่จะควบคุมกิจการพลเรือน แผนการดังกล่าวได้รับการรับรองจาก[[อดอล์ฟ ฮิตเลอร์]] ผู้ตั้งใจวางแผนการดังกล่าวเตรียมพร้อมไว้สำหรับนำมาใช้สถานการณ์ที่เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ซึ่งอาจสืบเนื่องมาจากหลังจากการทิ้งระเบิดของ[[ฝ่ายสัมพันธมิตร]] หรือการลุกฮือขึ้นก่อจลาจลของผู้ใช้แรงงานจากประเทศที่ถูกยึดครองที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมในเยอรมนี
 
นายทหารจากกองทัพบกเยอรมัน นายพล[[:en:Friedrich Olbricht|ฟรีดริช ออลบริชต์]] และพลตรี[[:en:Henning von Tresckow|เฮนนิง ฟอน เทรสคอล]] ได้ปรับปรุงแผนการดังกล่าวเพื่อที่จะใช้ควบคุมหัวเมืองเยอรมนีทั้งหมด ปลดอาวุธหน่วยเอสเอส และจับกุมคณะผู้นำรัฐบาลนาซี หลังจากที่ฮิตเลอร์ถูกลอบสังหารใน[[แผนลับ 20 กรกฎาคม]]แล้ว การตายของฮิตเลอร์เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับความสำเร็จของแผนการก่อรัฐประหาร เพราะการที่ฮิตเลอร์ตายแล้วเท่านั้น (มิใช่เพียงถูกจับกุม)จึงจะเป็นการทำให้ปลดปล่อยทหารเยอรมันหันมามอบความออกจากพันธะภายใต้คำปฏิญาณตนว่าจะจงรักภักดีต่อฮิตเลอร์ได้ เพื่อให้กับหันมาภักดีต่อคณะรัฐประหารแทน แผนการดังกล่าวได้มีการลงมือในปี [[ค.ศ. 1944]]แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
 
== แผนการ ==
บรรทัด 9:
แผนการดั้งเดิมได้รับการออกแบบมาเพื่อรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินภายในประเทศ โดยกองเสนาธิการของนายพลฟรีดริช ออลบริชต์<ref name="Ref-1">Joachim Fest, ''Plotting Hitler's Death: The German Resistance to Hitler, 1933–1945'', 1996, p219</ref> โดยใช้แนวคิดในการดึงเอากองทัพหนุนจากแผ่นดินเยอรมนีเพื่อใช้ในการก่อ[[รัฐประหาร]]เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่การปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือในการก่อรัฐประหารของนายพลโท[[:en:Friedrich Fromm|ฟรีดริช ฟรอมม์]] ผู้บังคับบัญชากองทัพหนุนและเป็นผู้ที่สามารถออกคำสั่งเริ่มปฏิบัติการวาลคิรีได้ถัดจากฮิตเลอร์ ได้เป็นอุปสรรคต่อคณะรัฐประหารอย่างร้ายแรง แต่กระนั้น หลังจากบทเรียนที่ได้รับมาหลังจาก[[:en:Operation Spark (1940)|ความพยายามลอบสังหารฮิตเลอร์]] ในวันที่ [[13 มีนาคม]] [[ค.ศ. 1943]] แล้ว นายพลออลบริชต์รู้สึกว่าแผนการก่อรัฐประหารดั้งเดิมนั้นไม่เพียงพอ และต้องการดึงเอากองทัพหนุนมาใช้ในการก่อรัฐประหารด้วย แม้ว่าจะไม่ได้รับความร่วมมือจากพลโทฟรอมม์
 
แผนการวาลคิรีดั้งเดิมมีเจตนาที่จะจัดการกับยุทธศาสตร์ในการเตรียมพร้อมในการทำการรบ แม้ว่าจะขาดกกองทัพหนุน แต่นายพลออลบริชต์ได้เพิ่มเติมส่วนที่สองของแผนการดังกล่าว ซึ่งเป็นการเปลี่ยนกองทหารให้เข้าสู่การพร้อมรบ ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายน ค.ศ. 1943 พันเอกเทรสคอว์พบว่า การพิจารณาของนายพลออลบริตช์ยังไม่เพียงพอ จึงได้ขยายแผนการวาลคิรีออก และร่างคำสั่งเพิ่มเติม โดยมีการออกประกาศลับด้วยประโยคที่ว่า ''"[[ฟือเรอร์|ท่านผู้นำ]]ฮิตเลอร์เสียชีวิตแล้ว! คณะผู้นำพรรคนาซีผู้ทรยศได้พยายามที่จะใช้ประโยชน์จากการณ์นี้โดยการโจมตีเหล่าทหารจากทางด้านหลังแนวหลัง และยึดอำนาจไว้กับตนเอง"''
 
คำสั่งและรายละเอียดถูกเขียนขึ้นสำหรับการยึดครองกระทรวงของรัฐบาลใน[[เบอร์ลิน|กรุงเบอร์ลิน]] กองบัญชาการใหญ่ของฮิมม์เลอร์ในปรัสเซียตะวันออก สถานีวิทยุและสถานีโทรศัพท์ และเครื่องหมายแสดงความเป็นกลไกของระบอบนาซีจากมณฑลทหารบก และ[[ค่ายกักกัน]]<ref name="Ref-1"/> (ก่อนหน้านี้ เป็นที่เชื่อกันว่าพันเอก[[:en:Claus Schenk von Stauffenberg|เคลาส์ เชงค์ ฟอน สเตาฟเฟนเบิร์ก]]รับผิดชอบต่อแผนการวาลคิรี แต่ในเอกสารที่ถูกค้นพบหลังจากสงครามยุติโดยสหภาพโซเวียต ซึ่งเผยแพร่ในปี [[ค.ศ. 2007]] ได้ชี้ว่า แผนการดังกล่าวได้รับการพัฒนาขึ้นโดยพันเอกเทรสคอว์ ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปี ค.ศ. 1943<ref> [http://www.atypon-link.com/OLD/doi/pdf/10.1524/VfZg.2007.55.2.331 Peter Hoffmann, "Oberst i. G. Henning von Tresckow und die Staatsstreichpläne im Jahr 1943]</ref>) ข้อมูลทั้งหมดถูกเขียนขึ้นและเก็บรักษาไว้โดยภรรยาและเลขานุการของพันเอกเทรสอคว์ ซึ่งทั้งสองคนใส่ถุงมือเพื่อปิดบังรอยนิ้วมือเอาไว้ตลอดเวลา<ref>Joachim Fest, ''Plotting Hitler's Death: The German Resistance to Hitler, 1933–1945'', 1996, p220</ref>
 
แผนการดังกล่าวมีใจความหลักในการหลอกให้กองทัพหนุนเข้ายึดและล้มล้างรัฐบาลพลเรือนของเยอรมนี ภายใต้สถานการณ์หลอกลวงว่าหน่วยเอสเอสพยายามจะก่อการรัฐประหาร และลอบสังหารฮิตเลอร์ ปัจจัยที่สำคัญคือ นายทหารระดับล่าง ผู้ซึ่งถูกเข้าใจเอาว่าเป็นผู้ก่อการในครั้งนี้จะถูกกระตุ้นให้กระทำ จากความเชื่อผิด ๆ ที่ว่าความเป็นผู้นำของรัฐบาลพลเรือนนาซี ผู้ซึ่งมีพฤติกรรมขาดความจงรักภักดีและทรยศต่อรัฐ และสมควรที่จะถูกล้มล้างเสีย เหล่าผู้สมคบคิดจะนำรวมเหล่าทหารที่ยอมทำตามของพวกเขา เมื่อพวกเขาก้าวขึ้นสู่อำนาจหลังจากการล้มล้างรัฐบาลเก่าแล้ว