ผลต่างระหว่างรุ่นของ "รอย ลิกเทนสไตน์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Toeii (คุย | ส่วนร่วม)
BotKung (คุย | ส่วนร่วม)
เก็บกวาดบทความด้วยบอต
บรรทัด 35:
 
=='''ช่วงชีวิตที่มีชื่อเสียง'''==
ในช่วงเวลานี้ ลิคเท็นสไตน์ เริ่มออกไปแสวงหาชื่อเสียงไม่ใช่แค่ในอเมริกาเท่านั้นแต่ไปทั่วโลก เขาลาออกจากมหาลัยในปี 1963 และกลับมานิวยอร์ก ศูนย์กลางของศิลปะเพื่อจดจ่อในงานจิตรกรรม ลิคเท็นสไตน์ใช้น้ำมันและสีแมกนาในการผลิตผลงานจิตรกรรมที่ดังที่สุดของเขา เช่น drowning girl 1963 (ปัจจุบันแสดงอยู่ที่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ ในนิวยอร์ก) ได้รับแรงบันดาลใจจาก Dc comics' secret heart เล่มที่83 ภาพนี้ใช้การวาดภาพแบบเส้นขอบหนา สีทึบ และการจุด ซึ่งมีเค้าโครงที่ได้อิทธิพลจากงานภาพถ่าย งานของลิคเท็นสไตน์เปรียบได้ว่าเป็นการใส่บางสิ่งบางอย่างลงบนผืนผ้าใบ เพื่อตอบสนองกับสิ่งที่เกิดขึ้นจากการใช้สีและขนาด เขายังกล่าวอีกว่ารูปแบบงานของเขานั้นแตกต่างโดยสิ้นเชิง แต่ก็การใช้เส้นก็ยังคงเป็นแบบเดิม เพียงแต่งานของเขามีรูปที่แตกต่างไปจากงานของ[[แจ๊คสัน พอลล็อคลล็อก]] และ[[ฟรานซ์ ไคลน์]]
 
นอกเหนือไปจากการที่เขาพยายามทำซ้ำในหัวข้อเดิมๆ งานของเขายังเป็นการจัดการโต้ตอบกับกลุ่มสื่อสารมวลชนที่กล่าวถึงงานของเขา เขาเคยกล่าวถึงงานของเขาว่าต่างจากการ์ตูนลายเส้น แต่เขาก็จะไม่เรียกว่ามันคือการเปลี่ยนรูปแบบ เพราะเขาไม่คิดว่าอะไรก็ตามที่ใช้เรียกมันจะมีความสำคัญต่อศิลปะ และเมื่องานของเขาได้ถูกจัดแสดงครั้งแรก มีนักวิจารณ์หลายคนมาท้าทายแก่นของงาน งานของเขาถูกวิจารณ์อย่างรุนแรง ว่าเป็นงานที่หยาบคายและว่างเปล่า พาดหัวของนิตยสารไลฟ์ ในปี1964 มีคำถามที่ว่าเขาเป็นศิลปินที่แย่ที่สุดในอเมริกาหรือไม่ เขาจึงโต้ตอบกลับว่ายิ่งเข้าไปใกล้แก่นของงานเขา ก็จะยิ่งเกิดการวิจารณ์ และคุกคามเนื้อหางาน แต่อย่างไรก็ตามงานของเขาถูกเปลี่ยนโดยสิ้นเชิงเพราะมันแตกต่างจากสิ่งที่เขาต้องการแสดงออกมา งานของเขาถูกปฏิรูปเพราะสิ่งที่เขาคิดแตกต่างจากสิ่งที่คนอื่นวิจารณ์ เพราะงานของเขาถูกเปลี่ยนแปลงและปฏิรูปไปในทางที่อคติ เขาเลยไม่สามารถนำเหตุผลใดมาโต้แย้งได้เลย เขากล่าวถึงการวิจารณ์อย่างหนักหน่วงลงใน เอพริล เบอร์นาร์ด และมิมี่ ทอมสัน ในปี1986 ว่าเขาไม่เคยสงสัยและมีคำถามในระหว่างที่เขากำลังสร้างงาน การวิจารณ์เป็นสิ่งที่ให้เขาตั้งคำถามกับมัน
บรรทัด 48:
ลิคเท็นสไตน์ ทำงานโดยมีพื้นฐานมาจากการขยายภาพจากหนังสือการ์ตูน ซึ่งก่อให้เกิดการอภิปรายอย่างแพร่หลายเกี่ยวกับคุณค่าของมันในด้านศิลปะ ลิคเท็นสไตน์ ยอมรับว่า “ผมเป็นนักลอกเลียนแบบตามที่ได้เรียกกันมา แต่ผมเน้นย้ำในสิ่งที่ลอกเลียนมาในขอบเขตอื่น ในการทำเช่นนั้น ภาพต้นแบบจะได้รับองค์ประกอบที่ต่างกันอย่างชัดเจน มันไม่ใช่การปาดแปรงหนา หรือบาง แต่มันเป็นจุดสี และสีแต้มแบน ๆและเส้นแข็ง ๆ” เอดดี้ แคมเบลล์เขียนบล็อกถึงลิคเท็นสไตน์ว่า “นำภาพเล็ก ๆที่เล็กกว่าฝ่ามือ มาพิมพ์ด้วยหมึกสี่สีบนกระดาษหนังสือพิมพ์ และขยายเป็นขนาดปกติของงานศิลปะ และจัดแสดง และจบด้วยการวาดมันลงบนผ้าใบ แคมเบลล์ยังได้อ้างอิงคำพูดของ แจ๊ค โควารท์ ผู้อำนวยการบริหารองค์กร ลิคเท็นสไตน์ อีกด้วย ในเรื่องที่เกี่ยวกับลิคเท็นสไตน์ บิล กลิฟฟินน์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยกล่าวว่า “มันมีทั้งงานศิลปะชั้นสูง และงานศิลปะชั้นต่ำ ศิลปะชั้นสูงก็สามารถต่ำได้ เพียงนำมันออกจากบริบทของศิลปะชั้นสูง จัดสรรและยกระดับให้มันเป็นอย่างอื่น”
 
แม้ว่า พื้นฐานการทำการ์ตูนของลิคเท็นสไตน์จะถูกยอมรับโดยกว้างขวางแล้ว แต่ที่น่าเป็นห่วง คือยังคงมีการเอ่ยถึงจากนักวิจารณ์ ที่กล่าวว่าลิคเท็นสไตน์ ไม่ได้ให้เครดิต ไม่จ่ายค่าลิขสิทธิ์ใด ๆ หรือขออนุญาติอนุญาตจากศิลปินต้นฉบับ หรือผู้ถือครองลิขสิทธิ์ ในการสัมภาษณ์ให้[[บีบีซี]] ทั้ง 4 สารคดี ในปี 2013 อลาสแตร์ ซุก ได้ถาม เดฟ กิบบอนส์ศิลปินผู้วาดหนังสือการ์ตูน ว่าเขาคิดว่าลิคเท็นสไตน์ได้ขโมยความคิดหรือไม่ กิบบอนส์ตอบว่า ผมอาจกล่าวได้ว่ามันเป็นการเลียนแบบ ในวงการดนตรี ยกตัวอย่างว่าคุณไม่อาจจะผิวปากในทำนองของคนอื่นหรือเล่นทำนองของคนอื่น ไม่ว่ามันจะแย่ขนาดไหน โดยไม่ให้เครดิต และจ่ายให้ศิลปินต้นฉบับ นั่นคือการพูดว่า นี่คือ ”WHAAM!” โดย รอย ลิคเท็นสไตน์ ซุกกล่าวอีกว่า “ลิคเท็นสไตน์แปลงงานของนอร์วิคในวิธีที่ฉลาด”
 
ผู้ก่อตั้งวารสาร Emesto Priego อาจารย์แห่งมหาวิทยาลัยเมืองลอนดอน บันทึกว่า การที่ ลิคเท็นสไตน์ล้มเหลวในการให้เครดิตแก่ผู้สร้างดั้งเดิม ของงานภาพการ์ตูนของเขา คือการสะท้อนการตัดสินใจโดย วารสารสิ่งพิมพ์แห่งชาติ ผู้บุกเบิกแห่ง DC Comics เพื่อละเว้นการให้เครดิตของนักเขียนและศิลปินของพวกเขา
บรรทัด 78:
 
=='''ผู้ว่าจ้าง'''==
ในปี 1969 ลิกเท็นสไตน์ถูกว่าจ้างโดย กันเตอร์ แชค ให้สร้างองค์ประกอบ และลีดากับหงส์ (สำหรับนักสะสมงานป๊อปอาร์ต สำหรับห้องนอนที่โรงแรมเดอะพาเลซโฮเทลใน St.Moritz) ในปลายยุค 70 และระหว่างยุค 80 ลิกเท็นสไตน์ได้รับมอบหมายหน้าที่หลักให้ทำงานในที่สาธารณะ เช่น รูปแกะสลักโคมไฟ (1978) ที่เมืองเซนแมรี่รัฐจอเจีย เมอเมด (1979)ที่ชายหาดไมอามี่ รูปปั้นสูง 26 ฟุตของภาพ brushstokes in flight ในปี 1984 ที่ถูกเคลื่อนย้ายในปี 1998ที่ สนามบินแห่งชาติโคลัมบัส รูปปั้น five-storey high Mural with Blue Brushstroke ปี 1984 –1985ที่อีควิเทเบิลเซนเตอร์ นิวยอร์คนิวยอร์ก และ รูปปั้น and El Cap de Barcelona ที่บาเซโลน่าในปี 1994 ลิกเท็นสไตน์สร้าง enamel-on-metal Times Square Mural ความยาว 53 ฟุต ที่ตอนนี้ ถูกตั้งไว้บนทางเท้าที่สถานีรถไฟใต้ดินไทม์สแควร์ ในปี 1977 เขาถูกมอบหมายโดย[[บีเอ็มดับเบิลยู]](BMW) ให้วาดรูป Group 5 Racing Version of the BMW 320i สำหรับงานแสดงในโครงการศิลปะรถยนต์ของบีเอ็มดับเบิลยู. โลโก้ของดรีมเวิค เรอคอร์ด เป็นโปรเจกต์ชิ้นสุดท้ายที่เขาทำเสร็จสมบูรณ์ “มันไม่ใช่เรื่องของฉันที่จะทำสิ่งเหล่านั้น (เค้าหมายถึงโลโก้อันนั้น)และฉันก็ตั้งใจว่าจะไม่ทำอีก” “แต่ฉันรู้จัก โม ออสติน และ เดวิด กิฟเฟน และนั่นเป็นสิ่งที่น่าสนใจ”
 
=='''ชีวิตส่วนตัว'''==