ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โฮจิมินห์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
บรรทัด 33:
ด้วยวัยเพียงไม่กี่ขวบ โฮจิมินห์ได้ย้ายตามบิดาไป[[เว้]] ซึ่งไปสอบ[[จอหงวน]] แต่ต่อมาโฮจิมินห์ได้อาศัยอยู่กับมารดาตามลำพังเพียง 2 คน เพราะบิดาเมื่อสอบจอหงวนได้ ได้ย้ายไปรับราชการที่ต่างเมือง ขณะที่มารดากำลังตั้งครรภ์ ต่อมาก็ได้คลอดลูกคนเล็กออกมา โฮจิมินห์ต้องเลี้ยงน้อง เนื่องจากมารดาได้เสียชีวิตไปในขณะคลอด และไม่นานน้องคนเล็กก็เสียชีวิต<ref name="โฮ"/>
 
เมื่อโตขึ้น โฮจิมินห์ รู้ตัวว่า ตนเองต้องได้รับการศึกษาที่มากขึ้นและออกไปท่องโลกกว้างเพื่อเปิดโลกทัศน์ของตน ในปี พ.ศ. 2454 จึงได้ย้ายจากเวียดนามไปเป็นพ่อครัวใน[[ประเทศฝรั่งเศส]] ด้วยการสมัครเป็นลูกเรือบนเรือเดินสมุทร ที่ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศเจ้าอาณานิคมของเวียดนามในขณะนั้น และได้ศึกษาเรียนต่อที่นั่น โฮจิมินห์ ในขณะนั้นใช้ชื่อว่า '''เหงียน อ้าย กว๊อก''' ซึ่งแปลว่า ''"เหงียนผู้รักชาิติ"'' โฮจิมินห์ได้ติดต่อกับชาวเวียดนามในฝรั่งเศส เพื่อรวมตัวกันเรียกร้องอิสรภาพจากชาติมหาอำนาจตะวันตกหลายชาติ เช่น สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ ในฐานะโฆษกของกลุ่ม แต่ทว่าก็ได้รับการรังเกียจและถูกกีดกันออกมา เมื่อโฮจิมินห์พยายามจะยื่นหนังสือต่อ [[วูดโรว์ วิลสัน]] ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ขณะเดินทางมายังฝรั่งเศส เพื่อลงนามใน[[สนธิสัญญาแวร์ซาย]]หลังสิ้นสุด[[สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง]]<ref name="โฮ"/>
 
ต่อมาโฮจิมินห์ก็ได้ย้ายจากฝรั่งเศสไป[[สหรัฐอเมริกา]]และ[[อังกฤษ]]ตามลำดับ หลังจากนั้นก็ได้เข้าร่วมกับ[[พรรคคอมมิวนิสต์จีน]]ซึ่งเมื่อรัฐบาล[[ก๊กมินตั๋ง]]ของ[[เจียงไคเช็ค]]เริ่มการปราบปรามคอมมิวนิสต์นั้น โฮจิมินห์ได้หลบหนีจากจีนมายัง[[จังหวัดนครพนม]] [[ประเทศไทย]] โดยได้บวชเป็นพระภิกษุทำการสอนลัทธิคอมมิวนิสต์ให้[[ชาวไทย]] โดยใช้ชื่อว่า "ลุงโฮ" โดยช่วงแรกที่หลบหนีในประเทศไทยนั้นเริ่มจากขึ้นเรือที่ท่าน้ำเอสบี (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของโรงแรมแม่น้ำ) ไปยังจังหวัดพิจิตร จากนั้นได้เดินทางไปต่อยังจังหวัดอุดรธานี และจังหวัดหนองคาย โดยใช้ชื่อว่า "เฒ่าจิ๋น" รวมระยะเวลาพำนักอยู่ในประเทศทั้งสิ้น 7 ปี <ref>''สงครามเวียดนาม'', "แฟนพันธุ์แท้". เกมโชว์ทางช่อง 5: ศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม 2556</ref> ในระยะนี้โฮจิมินห์ ต้องเดินทางไปหลบซ่อนในหลายประเทศ ใช้ชื่อปลอมหลายชื่อ ซึ่งครั้งหนึ่ง โฮจิมินห์ได้ถูกตำรวจฮ่องกงจับโดยไม่มีความผิด ได้ถูกขังคุกนานเป็นระยะเวลานาน 1 ปีเต็ม ในช่วงนี้โฮจิมินห์สภาพร่างกายย่ำแย่มาก เป็นโรคขาดสารอาหาร แต่ก็ได้รับการช่วยเหลือให้พ้นออกมา จากเพื่อนเก่าในสมาคมชาวเวียดนามในฝรั่งเศส รวมถึงเชื่อว่ามี [[โจว เอินไหล]] นายกรัฐมนตรีของจีน ซึ่งเป็นสหายที่ดีต่อโฮจิมินห์ร่วมด้วย<ref name="โฮ"/>
 
โฮจิมินห์เดินทางกลับมาเวียดนามอีกครั้งในปี [[พ.ศ. 2484]] ช่วง[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] ฝรั่งเศสในขณะนั้นถูกกองทัพ[[นาซี]]บุกยึด และกลายสภาพเป็นรัฐบาลหุ่นเชิดให้แก่ฝ่ายอักษะ จึงรับนโยบายในการปกครองเวียดนามจากนาซีเป็นหลัก โฮจิมินห์จึงสบโอกาสรวบรวมชาวเวียดนามส่วนใหญ่แล้วตั้งเป็นฝ่าย[[เวียดมินห์]] เตรียมแผนที่จะประกาศเอกราชจากฝรั่งเศสให้ประชาชนชาวเวียดนาม ซึ่งชาวเวียดนามในขณะนั้นยังไม่มีการศึกษา และส่วนใหญ่อดอยากยากจน โฮจิมินห์ได้เข้าถึงตัวชาวบ้านระดับล่าง ด้วยการทำตัวกลมกลืนผูกมิตรไปกับชาวบ้าน ได้พูดคุยและทำความเข้าใจกันอย่างง่าย ๆ และเพิ่มจำนวนสมาชิกขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยการบอกแบบปากต่อปาก ซึ่งหนึ่งในสมาชิกคนสำคัญ ก็คือ [[หวอ เงวียน ซ้าป]] ซึ่งต่อมาเป็นนายพลและสหายคนสำคัญของโฮจิมินห์ อีกทั้งทั้งคู่ยังเป็นคู่เขยของกันและกัน เนื่องจากภรรยาของทั้งคู่นั้นเป็นพี่น้องกัน และในช่วงนี้เองที่ชื่อ "โฮจิมินห์" ได้ถูกใช้ออกมาเป็นครั้งแรก<ref name="โฮ"/>
 
และในช่วงปลายของสงคราม โฮจิมินห์ได้ยังติดต่อกับ[[สำนักงานบริการด้านยุทธศาสตร์]] (OSS) ของสหรัฐอเมริกา เพื่อร่วมมือกันต่อต้านกองทัพญี่ปุ่นด้วย นับเป็นการร่วมมือกันของทั้ง 2 ฝ่าย เป็นครั้งแรกและครั้งเดียว แม้จะเป็นช่วงสั้น ๆ ก็ตาม<ref name="โฮ"/>
 
ในที่สุด โฮจิมินห์ประกาศจัดตั้งพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามหลังจาก[[สมเด็จพระจักรพรรดิบ๋าว ดั่ย แห่งเวียดนาม|จักรพรรดิบ๋าว ดั่ย]] [[จักรพรรดิเวียดนาม]]พระองค์สุดท้ายประกาศสละราชสมบัติเมื่อวันที่ [[2 กันยายน]] [[พ.ศ. 2488]] ซึ่งต่อมาในปี [[พ.ศ. 2497]] เวียดนามก็ได้ประกาศเอกราชอย่างเป็นทางการ หลังจากที่ฝรั่งเศสพ่ายแพ้ใน[[ยุทธการที่เดียนเบียนฟู]] โฮจิมินห์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามเป็นคนแรก ด้วยการประกาศแถลงการณ์ที่[[จตุรัสบาดิงห์]] ซึ่งเริ่มต้นด้วยประโยคแบบเดียวกับ[[คำประกาศอิสรภาพสหรัฐอเมริกา|ประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา]] โฮจิมินห์ปฏิเสธที่จะพำนักในจวนข้าหลวงใหญ่ฝรั่งเศส ซึ่งโอ่โถง แต่ขออาศัยอยู่ในบ้านพักหลังเล็ก ๆ เท่านั้น