ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เมืองสิงห์ (ประเทศลาว)"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Kongtupthai (คุย | ส่วนร่วม)
Kongtupthai ย้ายหน้า สิงห์ (เมือง) ไปยัง เมืองสิง ทับหน้าเปลี่ยนทาง
Kongtupthai (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
{{ความหมายอื่น|เมืองในประเทศลาว|จังหวัดในประเทศไทย|จังหวัดสิงห์บุรี}}
{{Infobox Settlement
|name = สิงห์สิง
|settlement_type = เมือง<!--For Town or Village (Leave blank for the default City)-->
|official_name =
บรรทัด 82:
}}
 
'''เมืองสิงห์สิง''' ({{lang-lo|ເມືອງສີງ}}) เป็นเมืองที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็น[[ชาวไทลื้อ]] เพราะอยู่ใกล้[[สิบสองปันนา]]ใน[[มณฑลยูนนาน]] [[ประเทศจีน]] ชาวไทลื้ออาศัยในพื้นที่ลุ่ม ส่วนบนเขตภูเขาเป็นที่อยู่ของ[[ชาวม้ง]] [[ชาวเย้า]] แต่เดิมเป็นเมืองเดียวกับ[[เมืองเชียงแขง]] ใน[[รัฐฉาน]] [[ประเทศพม่า]] แต่เมื่อ[[อังกฤษ]]และ[[ฝรั่งเศส]]เข้ามาล่าอาณานิคม ได้ตกลงแบ่งดินแดนกันโดยใช้[[แม่น้ำโขง]]เป็นแดน ฝั่งเชียงแขงจึงอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ และรัฐฉานของพม่าในที่สุด ส่วนฝั่งเมืองสิงห์อยู่ในการปกครองของฝรั่งเศส และประเทศลาวในปัจจุบันในวันที่ 9 พฤษภาคม ค.ศ. 1896 กองทัพของฝรั่งเศสนำโดย M. vacle ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นผู้บังคับชาการหัวเมืองลาวภาคเหนือ และผู้แทนของจักรวรรดิอังกฤษ ภายใต้การนำของ Mr.Stirling ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นรองผู้กำกับรัฐฉาน ได้พบปะกันในเมืองสิงห์ เพื่อพูดคุยเรื่องสนธิสัญญาอังกฤษ-ฝรั่งเศสที่จัดขึ้นในกรุงลอนดอนเมื่อวันที่ 15 มกราคม ค.ศ. 1896 ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับสถานภาพของรัฐเจ้าฟ้าไทลื้อขนาดเล็ก หลังจากนั้น มีการระบุเขตแดนริมฝั่งแม่น้ำโขงระหว่างอังกฤษและพม่ากับฝรั่งเศสและอินโดจีน ในวันที่ 11 พฤษภาคม กองกำลังอังกฤษที่ได้ประจำการอยู่ในเมืองสิงห์ตั้งแต่เดือนเมษายน ค.ศ. 1895 นั้นก็ได้ถอนกองกำลังออกไป หลังจากนั้นเพียง 2 อาทิตย์ เจ้าฟ้าสาลีหน่อก็ได้กลับมาจากเมืองหลวงน้ำทา ซึ่งเจ้าฟ้าได้ไปลี้ภัยในระหว่างที่อังกฤษเข้ามายึดครองเมืองสิงห์ เจ้าฟ้าสาลีหน่อได้เป็นเจ้าฟ้าเมืองสิงห์อีกครั้งหนึ่งภายใต้อำนาจของฝรั่งเศส เจ้าฟ้ารู้สึกเสียใจกับดินแดนที่ลดหายไปเกือบครึ่งหนึ่ง เพราะว่าเมืองที่ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำโขงฝั่งขวานั้น เช่น เมืองเชียงลาบ เมืองยู้ และเมืองหลวย ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าทั้งสองเมืองนั้นได้ตกไปเป็นของอังกฤษเสียแล้ว
 
ในวันที่ 9 ตุลาคม ค.ศ. 1901 เจ้าฟ้าสาลีหน่อได้ถึงแก่พิราลัยด้วยวัย 55 ปี ในปีเดียวกัน บุตรชายองค์โตชื่อ เจ้าอ่องคำ ได้ขึ้นเป็นเจ้าฟ้าเมืองสิงห์สิง จากนั้น 2 ปี เจ้าอ่องคำได้รับตำแหน่งทหารจากรัฐบาลฝรั่งเศส การปกครองเมืองของเจ้าอ่องคำนั้นอยู่ภายใต้อาณัติของฝรั่งเศส ระบบการจัดเก็บภาษีและการปกครองล้วนใกล้เคียงกับหัวเมืองลาวที่อยู่ในบังคับของฝรั่งเศสทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เมืองสิงห์คงความเป็นเอกราชได้จนกระทั่งถึงวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1916 เมื่อฝรั่งเศสได้ปลดเจ้าฟ้า และได้ยัดเยียดให้เป็นนักโทษการเมือง สาเหตุมาจากที่เจ้าฟ้าพยายามที่จะปลดแอกจากฝรั่งเศสโดยการขอความช่วยเหลือกลุ่มชาวจีนฮ่อที่เข้ามารุกรานหัวเมืองภาคเหนือของลาวในปีค.ศ. 1914 และแล้วเจ้าฟ้าองค์สุดท้ายของเมืองสิงห์สิงได้หลบหนีทิ้งบ้านเมืองและชาวเมืองไปยังสิบสองพันนา
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเมืองสิงห์ได้ถูกฝรั่งเศสปกครองจนกระทั่งมาเป็นส่วนหนึ่งของประเทศลาว
 
การเดินทางมายังเมืองสิงห์สิง อาจจะเดินทางด้วนรถโดยสารประจำทางจาก[[เมืองห้วยทราย]] [[แขวงบ่อแก้ว]] หรือขึ้นเรือโดยสารจากเมืองห้วยทราย ล่องตามแม่น้ำโขงจนถึงหลวงน้ำทาแล้วจึงขึ้นรถต่อไปยังเมืองสิงห์ นอกจากนั้นยังมีเที่ยวบินจาก[[เวียงจันทน์]]ไป[[แขวงหลวงน้ำทา]]อีกด้วย
 
{{เมืองของประเทศลาว}}
 
[[หมวดหมู่:เมืองในแขวงหลวงน้ำทา]]
[[หมวดหมู่:เมืองในประเทศลาว]]