ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ลูเธอร์ แวนดรอส"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
หน้าใหม่: '''ลูเธอร์ แวนดรอส''' (Luther Vandross) นักร้องเสียงเทเนอร์ เจ้าของเพลงฮิตอ...
 
บรรทัด 17:
ปี ค.ศ. 1976 ลูเธอร์ แวนดรอส ฟอร์มวงอาร์แอนด์บีขึ้นตั้งชื่อว่า Luther โดยมีสัญญาบันทึกเสียงกับสังกัด Cotillion บริษัทลูกของแอตแลนติกเรคคอร์ดส สองนักดนตรีสมาชิกได้แก่ ไนล์ รอดเจอร์ส กับเบอร์นาร์ด เอ็ดเวิร์ดส์ ซึ่งภายหลังไปฟอร์มวงดิสโก้ชื่อ CHIC ผลงานอัลบั้มสองชุดที่ลูเธอร์ ออกจำหน่ายคือชุด Luther กับชุด This Close To You ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จากนั้นแวนดรอสหันมาทำงานเป็นนักร้องแบ็กอัพให้กับศิลปินคนอื่น อย่าง [[ควินซี โจนส์]], [[แพตตี้ ออสติน]], CHIC ในเพลง Le Freak กับ DANCE, DANCE, DANCE รวมทั้ง Sister Sledge ในเพลง We Are Family ไม่เพียงเท่านั้น ลูเธอร์ แวนดรอส ยังเป็นนักร้องนำให้กับ Change ศิลปินดิสโก้จากอิตาลีในเพลงฮิต The Glow Of Love
 
ปี ค.ศ. 1979 ลูเธอร์ แวนดรอส ได้รับเชิญไปทำหน้าที่เรียบเรียงเสียงดนตรีและเสียงร้องในเพลง No More Tears (Enough Is Enough)ที่[[บาร์บรา สตรัยแซนด์ ]]ร้องกับ[[ดอนน่า ซัมเมอร์]]
 
ลูเธอร์ แวนดรอส ไม่เพียงแต่ทำงานร้องแบ็กอัพให้กับศิลปินคนอื่น เขายังทำงานเขียนจิงเกิลเพลงโฆษณา ทั้งร้องนำ ร้องแบ็กอัพให้กับสินค้าหลายตัว มีตั้งแต่สถานีโทรทัศน์เครือข่าย NBC, บริษัท AT & T, อาหารฟาสต์ฟู้ดอย่าง BURGERBurger KINGKing, KFC น้ำอัดลมอย่าง[[เป๊ปซี่]], [[โคล่า]], [[เซเว่นอัพ]] แม้แต่ US ARMY กองทัพอเมริกายังมาจ้างลูเธอร์ แวนดรอส เขียนจิงเกิลเพลงประชาสัมพันธ์ด้วย สิ่งนี้แหละที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับแวนดรอส เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า ปีหนึ่งๆ เขามีรายได้จากงานเหล่านี้ไม่ต่ำกว่าห้าแสนเหรียญฯ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้สร้างความพอใจให้กับตัวเขา จริงๆ แล้วลูเธอร์ แวนดรอส อยากเป็นนักร้องนำ มีบริษัทแผ่นเสียงมีชื่อมาเซ็นสัญญาให้อยู่ในสังกัดมากกว่าสิ่งอื่น
 
ย้อนกลับไปที่ CHANGE ศิลปินดิสโก้อิตาเลียน ที่มีลูเธอร์ แวนดรอส เป็นนักร้องนำ แต่ไม่ได้เปิดเผยชื่อเป็นทางการ เผอิญมีดีเจสถานีวิทยุผิวสีอยู่สถานีหนึ่งที่รู้ว่าตัวลูเธอร์ แวนดรอส ร้องนำเพลงของ CHANGE ทุกเพลง จึงประกาศออกวิทยุบ่อยครั้ง เชียร์พร้อมกับพูดกับแฟนๆ ทางบ้านว่าลูเธอร์ แวนดรอส ควรจะเป็นนักร้องนำได้แล้ว ความดังกล่าวรู้ไปถึงสังกัดอิปิค เรคคอร์ดส์ (EPIC RECORDS) ส่งแมวมองมาขอเซ็นสัญญากับ ลูเธอร์ แวนดรอส ตอบตกลงเซ็นสัญญากับอิปิคในปีในปี ค.ศ.1981 ซิงเกิลแรกและอัลบั้มชุดแรกชื่อ NEVERNever Too TOO MUCH Much ทั้งสองชุดแวนดรอสรับเป็นโปรดิวเซอร์ เมื่อออกจำหน่ายอัลบั้มขายได้กว่าหนึ่งล้านก๊อบปี้ ส่วนซิงเกิลติดอันดับ TOP 20 ในอาร์แอนด์บีชาร์ต ลูเธอร์ แวนดรอส เริ่มเป็นที่รู้จักของแฟนเพลง ได้รับเชิญให้ไปเป็นศิลปินเปิดวงให้กับโรเบิรต้า แฟลค ครวญร้องเพลง A HOUSE IS NOT A HOME ของเบิร์ต บัคคาราค กับ ฮัล เดวิด นักวิจารณ์เพลงหลายคนบอกว่าเพลงนี้ที่แวนดรอสถ่ายทอดอารมณ์ ความโดดเดี่ยวได้ดีกว่าศิลปินคนอื่นที่นำไปคัฟเวอร์ จากนั้นลูเธอร์ แวนดรอส ออกอัลบั้มอย่างต่อเนื่องชุด FOREVERForever For FOR ALWAYSAlways, FORFor LOVELove (1982) ชุด BUSY BODYBusy Body(1983) เป็นโปรดิวเซอร์ให้กับ[[ดิออน วอร์วิค]] ในซิงเกิล HOWHow MANYMany TIMESTime CANCan WEWe SAYSay GOODBYEgoodbye (1983) ที่แวนดรอสร้องดูเอตกับดิออน วอร์วิค จากนั้นตามด้วยอัลบั้มชุด I Fell FELLIn IN LOVELove (1985) กับ GIVEGive MEMe THEThe REASONReason (1986) ทั้งสองชุดได้รับความนิยมในอังกฤษเกินคาด ซิงเกิลฮิตที่ออกตามมา อาทิ I REALLYReally DIDNDidn'Tt MEANMean ITIt กับ STOPStop TOTo LOVElove ได้รับความนิยมติดอันดับ TOP 30 ในอังกฤษ ส่วนอัลบั้ม GIVEGive MEMe THEThe REASONReason ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง[[รางวัลแกรมมี่]] ลูเธอร์ แวนดรอส กลายเป็นศิลปินยอดนิยมฉายาว่า "THE PAVAROTTI OF POP"
 
ปี ค.ศ. 1982 เมื่อความนิยมในตัวอริอารีธา แฟรงกลิน เริ่มถดถอย ไคลว์ เดวิส (CLIVE DAVIS) โปรดิวเซอร์ชื่อดังซึ่งเป็นคนเซ็นสัญญากับอริอารีธา แฟรงกลิน เมื่อย้ายมาอยู่สังกัด ARISTA ติดต่อให้ลูเธอร์ แวนดรอส มาเป็นโปรดิวเซอร์และช่วยเขียนเพลง เมื่อแวนดรอสได้รับการทาบทามให้มาช่วยศิลปินในดวงใจย่อมไม่พลาดโอกาส ผลที่ออกมาคือซิงเกิลและอัลบั้มฮิต "JUMPJump TOTo ITIt" เมื่ออริธา แฟรงกลิน ร้องเพลงนี้เปิดตัวในรายการโทรทัศน์ SATURDAYSaturday NIGHTNight LIVELive บรรดาแฟนๆ ต่างชื่นชอบคืนความนิยมกลับมาอีกครั้ง
 
ปี ค.ศ. 1988 ลูเธอร์ แวนดรอส ออกอัลบั้มชุด ANYAny LOVELove (1988) มาได้รับความนิยมจริงๆ จากแฟนๆ ในอเมริกาเมื่อออกซิงเกิล HEREHere ANDAnd NOWNow ในปี ค.ศ. 1989 ได้รับความนิยมขึ้นถึงอันดับ 6 ในป็อปชาร์ต ขณะเดียวกันแวนดรอสเกิดปัญหาด้านสุขภาพ น้ำหนักตัวขึ้นลงระหว่าง 190 กับ 340 ปอนด์ อีกทั้งมีโรคเบาหวานเข้าแทรก สิ่งที่เกิดขึ้นไม่เคยล้มเลิกความตั้งใจในการปรากฏตัวต่อแฟนๆ ปี ค.ศ. 1989 คอนเสิร์ตที่สนามกีฬาเวมเบลย์ ในอังกฤษ กับเมดิสันสแควร์การ์เดนในนิวยอร์ก บัตรจำหน่ายหมดทั้ง 4 รอบ จากนั้นออกอัลบั้มรวมฮิต THEThe BESTBest OFOf LUTHERLuther VANDROSSVandross...THEThe BESTBest OFOf Love LOVE ขายดีขนาดได้รับรางวัลแพลตินั่มสองแผ่น ส่วนซิงเกิลที่ออกตามมาได้รับความนิยมติด TOP 10 อาทิ POWERPower OFOf LOVELove / LOVE POWERLovepower (# 4), DONDon'Tt WANTWant TOTo BEBe A FOOLFool (# 9) รวมทั้ง THEThe BESTBest THINGSThings INIn LIFELife ARE FREEAre Free(# 10) ดูเอตกับแจเนตที่ร้องกับ[[แจเน็ท แจ็คสันแจ็กสัน]] ส่วนอัลบั้มชุด POWERPower OFOf LOVELove ได้รับรางวัลแกรมมี่สองรางวัล ช่วงนี้ลูเธอร์ แวนดรอส มีปัญหากับบริษัทโซนี่มิวสิก ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของอิปิคเรคคอร์ดส์ เริ่มจากปี ค.ศ. 1991 ที่แวนดรอสขอปลีกตัวออกแต่ยังติดสัญญา ขณะเดียวกันยังออกอัลบั้มกับอิปิค ที่ประสบความสำเร็จอีกชุดคือชุด SONGS (1994) เป็นงานเพลงคัฟเวอร์ทั้งหมด อัลบั้มขึ้นถึงอันดับหนึ่งในอังกฤษ อันดับห้าในอเมริกา แถมซิงเกิล ENDLESSEndless LOVELove ที่ร้องดูเอตกับมารายห์ตกับ[[มารายห์ แครีย์]] ได้รับความนิยมขึ้นถึงอันดับ 3 ทั้งในอเมริกาและอังกฤษ
 
หลังจากสิ้นสุดกับสัญญากับโซนี่มิวสิกในปี ค.ศ. 1998 ลูเธอร์ แวนดรอส เซ็นสัญญาเข้าอยู่กับสังกัดเวอร์จินเรคคอร์ดส์ ออกอัลบั้มอยู่ชุดหนึ่ง ไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาดหวัง แวนดรอสจึงย้ายมาอยู่กับสังกัด J RECORDS ที่มี[[ไคลว์ เดวิส ]]เป็นเจ้าของ ออกอัลบั้มชุด LUTHERLuther VANDROSSVandross (2001) ขายได้กว่าหนึ่งล้านก๊อบปี้ ถัดมาในปี ค.ศ. 2002 ลูเธอร์ แวนดรอส กลับมาทัวร์อังกฤษอีกครั้ง บัตรการแสดงขายหมดตามเคย ก่อนจะถึงวันคล้ายวันเกิดครบ 52 ปีสี่วัน ลูเธอร์ แวนดรอส เกิดอาการปัจจุบันทันด่วน (STROKEStroke) ต้องหยุดพักรักษาตัว ช่วงนี้เป็นช่วงที่กำลังออกอัลบั้มชุดใหม่ DANCINGDance WITHWith MYMy FATHER เพลงไตเติลแทรคร้องดูเอตกับศิลปินฮิปฮ็อพ BUSTA RHYMES กับ QUEEN LATIFAHFather เมื่อออกจำหน่ายอัลบั้มทำสถิติขายสูงสุดติดอันดับหนึ่ง อีกทั้งได้รับรางวัลแกรมมี่ 4 รางวัล
 
เนื่องจากปัญหาด้านน้ำหนัก ด้าน[[โรคเบาหวาน]] กับอาการปัจจุบันทันด่วน (STROKEStroke) ที่เกิดขึ้นถึงสองครั้ง ทำให้ลูเธอร์ แวนดรอส กลายเป็นคนทุพพลภาพ หยุดพักรักษาตัวจนกระทั่งเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ขณะมีอายุ 54 ปี ปิดฉากตำนานนักร้องโรแมนติกยุค 80s อีกคนหนึ่งที่แฟนๆ ต่างอาลัย.