ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ฮอนด้า แอคคอร์ด"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Jimmy Classic (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 12:
 
'''ฮอนด้า แอคคอร์ด''' เป็น[[รถซีดาน]]ขนาดกลางที่ผลิตและพัฒนาโดยบริษัท[[ฮอนด้า]]โดยเริ่มต้นสายการผลิตในปี [[พ.ศ. 2519]] ในประเทศญี่ปุ่น โดยเครื่องที่ออกมาตัวแรกคือเครื่อง 1600 [[ซีซี]] ซึ่งนับเป็นรถขนาดกลาง โดยรูปทรงที่ออกมามีลักษณะใกล้เคียงกับ [[ฮอนด้า ซีวิค]]ในรุ่นเดียวกัน ในช่วงที่แอคคอร์ดถูกออกแบบมาใหม่ๆ แอคคอร์ดถูกกำหนดให้ใช้[[เครื่องยนต์ 6 สูบ]]โดยเฉพาะ ซึ่งกำหนดให้สภาพเครื่องยนต์แตกต่างจากซีวิค แต่เนื่องจากเหตุการณ์วิกฤติเศรษฐกิจ และภาวะน้ำมันแพงในระยะต่อมา ทางฮอนด้าได้มีการปรับเปลี่ยนระบบต่างๆ รวมทั้งเครื่องยนต์ โดยได้ปรับปรุงและพัฒนาออกมาเป็นเป็น 2 รุ่นหลักอย่างที่เห็นในปัจจุบัน คือ รุ่นที่ใช้[[เครื่องยนต์ 4 สูบ]] และรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ
 
แอคคอร์ดจะแบ่งรุ่นตามขนาดและอุปกรณ์เสริมภายในรถ ได้แก่รุ่น DX, LX, EX โดยจะเรียงจากอุปกรณ์เสริมน้อยและขนาดเล็ก ถึงอุปกรณ์เสริมมากและขนาดใหญ่ ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เช่น
* รุ่นปี 2005 แอคคอร์ด LX ไม่มี[[มูนรูฟ]] ขณะที่ EX มีมูนรูฟ
* รุ่นปี 2005 แอคคอร์ด DX มาพร้อมกับ ลำโพง 2 ตัว ขณะที่ LX และ EX มาพร้อมกับลำโพง 6 ตัว
 
นอกจากแบ่งตามขนาดแล้ว ยังแบ่งตามลักษณะของเกียร์เหมือนรถยนต์ทั่วๆ ไป คือ [[ระบบส่งกำลัง|เกียร์กระปุก]] และ[[ระบบส่งกำลัง|เกียร์ออโต้]]
เส้น 32 ⟶ 28:
รถยนต์ฮอนด้า แอคคอร์ดที่ผลิตมานั้น จนถึงปัจจุบันมีทั้งหมด 9 Generation (โฉม) ได้แก่
{{clear}}
 
==Generation ที่ 1 (รุ่นปี พ.ศ. 2519-2524)==
 
[[ไฟล์:1977-1982 Honda Accord 01.jpg|thumb|ฮอนด้า แอคคอร์ด โฉมที่ 1]]
 
โฉมแรกนี้ ทำออกมาทั้งสิ้น 6 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี [[พ.ศ. 2519]] - [[พ.ศ. 2524]] โดยรุ่นบุกเบิกมีเครื่องยนต์ขนาด 68 แรงม้า แต่ว่ารุ่นปี [[พ.ศ. 2523]] นั้น ยังผลิตอยู่จนถึง [[พ.ศ. 2524]] จึงเลิกผลิต โดยในสมัยนั้น ระบบเกียร์อัตโนมัตินั้น ยังไม่ถูกพัฒนาเท่าที่ควร ระบบอัตโนมัติได้กินพื้นที่กระปุกเกียร์ จึงไม่สามารถติดเฟืองเกียร์ได้มากเหมือนเกียร์ธรรมดา ในโฉมแรกนี้ ระบบเกียร์มี 3 ระบบ คือ เกียร์ธรรมดา 5 ระดับเกียร์เดินหน้า กับเกียร์อัตโนมัติ 2 กับ 3 ระดับเกียร์เดินหน้า ดังนั้น การมีเกียร์น้อย ทำให้มีปัญหาในด้านของการใช้น้ำมันอย่างสิ้นเปลือง จึงไม่ค่อยมีคนซื้อ แต่ก็ยังมีการผลิต แต่โฉมนี้ ก็เป็นโฉมแรกและโฉมเดียวที่มีการผลิตเกียร์อัตโนมัติ 2 กับ 3 ระดับเกียร์เดินหน้าด้วย โดยเปิดตัวในปี1976โดยเป็นตัวถัง3ประตูในตอนแรกใช้แพลตฟอร์มเดียวกับซีวิค ใช้เครื่องยนต์เบนซิน1600cc 68แรงม้า ต่อมาในเดือนตุลาคมปี1977ก็ออกรุ่น4ประตูซีดานและปรับกำลังเพิ่มขึ้นเป็น72แรงม้า ในปี1978ก็ออกรุ่นเบนซิน1800cc ในปี1980ก็ออกรุ่นเกียร์อัตโนมัติ3สปีดจากเดิมแค่2สปีดให้เลือก โดยในเจเนอเรชันแรกนี้มีขายในประเทศไทยเพียงไม่กี่คัน คู่แข่งที่สำคัญในเวลานั้นคือ [[โตโยต้า โคโรน่า]][[มาสด้า 626]] [[ดัทสัน 510]] [[มิตซูบิชิ กาแลนต์]]
ด้านตัวถัง โฉมแรกนี้แอคคอร์ดมีตัวถังเพียง 2 แบบ คือ Hatchback 3 ประตู กับ Sedan 4 ประตู มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ขนาดคือ 1.6 กับ 1.8 ลิตรสำหรับในประเทศไทย แอคคอร์ดรุ่นนี้มีการนำเข้ามาขายไม่กี่คันเท่านั้นจากการนำเข้าของ เอเชียน ฮอนด้า
 
สำหรับในประเทศไทย ในระยะเวลานั้น ฮอนด้าสำนักงานใหญ่ยังไม่เข้ามาเปิดกิจการในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ แต่เอเชียน ฮอนด้า ก็ได้นำแอคคอร์ดรุ่นนี้มีการนำเข้ามาขายในประเทศไทย แต่ก็มียอดขายไม่กี่คันเท่านั้น
{{clear}}
 
==Generation ที่ 2 (รุ่นปี พ.ศ. 2525-2528)==
 
[[ไฟล์:Accord82.jpg|thumb|ฮอนด้า แอคคอร์ด โฉมที่ 2]]
โฉมที่ 2 นี้ ผลิตออกมาทั้งสิ้น 4 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี [[พ.ศ. 2525]] - [[พ.ศ. 2528]] เปิดตัวกันยายนปี1981ในญี่ปุ่นและยุโรปส่วนอเมริกาเหนือในปี1982 และยังมีฝาแฝดขายในชื่อvigorแอคคอร์ดรุ่นนี้เป็นแอคคอร์ดรุ่นแรกที่ฮอนด้านำไปขึ้นไลน์ประกอบในอเมริกาและเป็นรุ่นแรกที่นำมาขายในไทยอย่างเป็นทางการ และในปี1984ก็นำเครื่องหัวฉีดPGMiมาใข้เป็นครั้งแรกในญี่ปุ่นโดยรุ่น1800cc carburator มี110แรงม้า 1800cc หัวฉีดPGM-Fi โดย1600ccตัวเก่ายังอยู่ในปี1983ก็มีรุ่นเกียร์อัตโนมัติ4สปีดและยังมีรุ่นพิเศษspecial editionมีหลังคาซันรูฟ กระจกไฟฟ้า เบาะหนังอีกด้วยสำหรับประเทศไทยมีจำหน่ายรุ่นเดียวคิอ1800cc carburator 100แรงม้า
 
สำหรับประเทศไทย ในช่วงนี้ ฮอนด้า สำนักงานใหญ่เข้ามาทำธุรกิจในไทยนับตั้งแต่ [[พ.ศ. 2526]] จึงมีการจำหน่ายแอคคอร์ดอย่างเป็นทางการเป็นรุ่นแรก โดยโฉมนี้มีจำหน่ายรุ่นเดียวคิอ1800cc carburator 100แรงม้า
โฉมที่ 2 นี้ ผลิตออกมาทั้งสิ้น 4 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี [[พ.ศ. 2525]] - [[พ.ศ. 2528]] เปิดตัวกันยายนปี1981ในญี่ปุ่นและยุโรปส่วนอเมริกาเหนือในปี1982 และยังมีฝาแฝดขายในชื่อvigorแอคคอร์ดรุ่นนี้เป็นแอคคอร์ดรุ่นแรกที่ฮอนด้านำไปขึ้นไลน์ประกอบในอเมริกาและเป็นรุ่นแรกที่นำมาขายในไทยอย่างเป็นทางการ และในปี1984ก็นำเครื่องหัวฉีดPGMiมาใข้เป็นครั้งแรกในญี่ปุ่นโดยรุ่น1800cc carburator มี110แรงม้า 1800cc หัวฉีดPGM-Fi โดย1600ccตัวเก่ายังอยู่ในปี1983ก็มีรุ่นเกียร์อัตโนมัติ4สปีดและยังมีรุ่นพิเศษspecial editionมีหลังคาซันรูฟ กระจกไฟฟ้า เบาะหนังอีกด้วยสำหรับประเทศไทยมีจำหน่ายรุ่นเดียวคิอ1800cc carburator 100แรงม้า
{{clear}}
 
==Generation ที่ 3 (รุ่นปี พ.ศ. 2529-2532)==
 
[[ไฟล์:Accord87.jpg|thumb|ฮอนด้า แอคคอร์ด โฉมที่ 3]]
โฉมที่ 3 นี้ ผลิตมาทั้งสิ้น 4 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี [[พ.ศ. 2529]] - [[พ.ศ. 2532]] เปิดตัวครั้งแรกมิถุนายน1985ที่ญี่ปุ่นในยุโรปและอเมริกาตามมาภายหลังนักเลงรถบ้านเราเรียกว่ารุ่นท้ายดำแดงสองชั้นใช้แพลตฟอร์มเดียวกับโดยรุ่นนี้เป็นรุ่นแรกที่ใช้ช่วงล่างดับเบิลวิชโบนอิสระทั้ง4ล้อและมีระบบเบรคABSให้เลิอกด้วยในรุ่นดิสก์เบรค4ล้อเป็นรุ่นเดียวที่ไฟหน้าเป็นไฟแบบpopupรุ่นแรกและรุ่นเดียวแต่รุ่นที่ขายในไทยเป็นแบบธรรมดามีรุ่นเครื่องยนต์ 1600cc 1800ccและ2000cc นอกจากนี้ยังมีตัวถังหลายแบบ3ประตูhatchback 3ประตู shootingbrake เรียกว่า Accord Aerodeck และ2ประตู มาในปี1987 2530 และขายกันถึงปี1989 2532 ได้รับรางวัลรถยนต์นั่งยอดเยี่ยมแห่งปีของญี่ปุ่นประจำปี1985-1986 2529 อีกด้วยในไทยนั้นเป็นเครื่อง2000cc105แรงม้าปัจจุบันหาได้ยากแล้วบนท้องถนนในไทย
 
ในไทยนั้นเป็นเครื่อง2000cc (1955cc)105แรงม้า โดยมี 2 แบบ คือ
โฉมที่ 3 นี้ ผลิตมาทั้งสิ้น 4 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี [[พ.ศ. 2529]] - [[พ.ศ. 2532]] เปิดตัวครั้งแรกมิถุนายน1985ที่ญี่ปุ่นในยุโรปและอเมริกาตามมาภายหลังนักเลงรถบ้านเราเรียกว่ารุ่นท้ายดำแดงสองชั้นใช้แพลตฟอร์มเดียวกับโดยรุ่นนี้เป็นรุ่นแรกที่ใช้ช่วงล่างดับเบิลวิชโบนอิสระทั้ง4ล้อและมีระบบเบรคABSให้เลิอกด้วยในรุ่นดิสก์เบรค4ล้อเป็นรุ่นเดียวที่ไฟหน้าเป็นไฟแบบpopupรุ่นแรกและรุ่นเดียวแต่รุ่นที่ขายในไทยเป็นแบบธรรมดามีรุ่นเครื่องยนต์1600cc 1800ccและ2000cc นอกจากนี้ยังมีตัวถังหลายแบบ3ประตูhatchback 3ประตู shootingbrake เรียกว่า Accord Aerodeck และ2ประตู มาในปี1987และขายกันถึงปี1989ได้รับรางวัลรถยนต์นั่งยอดเยี่ยมแห่งปีของญี่ปุ่นประจำปี1985-1986อีกด้วยในไทยนั้นเป็นเครื่อง2000cc105แรงม้าปัจจุบันหาได้ยากแล้วบนท้องถนนในไทย
*LX เกียร์ธรรมดา 5 สปีด กระจกหน้าต่างและกระจกส่องข้างแบบปรับมือ ล้อกระทะเหล็ก 13 นิ้วพร้อมฝาครอบ ยางขนาด 185/70R13
*EX เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด กระจกหน้าต่างไฟฟ้าและกระจกส่องข้างปรับไฟฟ้า ล้อกระทะเหล็ก 13 นิ้วพร้อมฝาครอบ ยางขนาด 185/70R13 (เฉพาะรุ่นท้ายๆ จะได้ล้อแม็กนีเซียมอัลลอย 14 นิ้ว ยางขนาด 195/60R14)
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองรุ่น จะได้พวงมาลัยพาวเวอร์ผ่อนแรง, เซ็นทรัลล็อก, ไฟส่องข้างประตู, เสาอากาศไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งถือว่าเป็นความล้ำหน้าในเทคโนโลยีไม่น้อย ส่วนเบาะจะเป็นเบาะสังเคราะห์ หรือเบาะหนังเทียม (ไวนิล) รอบคันแม้แต่รุ่นท็อป ซึ่งเป็นจุดอ่อนเนื่องจากคู่แข่งใช้เบาะกำมะหยี่หรูหรากว่า
{{clear}}
 
==Generation ที่ 4 (รุ่นปี พ.ศ. 2533-2536)==
 
[[ไฟล์:4th-Honda-Accord-sedan.jpg|thumb|ฮอนด้า แอคคอร์ด โฉมที่ 4]]
โฉมนี้ ผลิตมาทั้งสิ้น 4 ปี ตั้งแต่รุ่นปี [[พ.ศ. 2533]] - [[พ.ศ. 2536]] เปิดตัวครั้งแรกในปี1989ใช้พื้นฐานทางวิศวกรรมร่วมกับ[[honda ascot]] ,[[honda vigor]]และ[[honda inspire]]ที่เน้นตลาดบนมากกว่าพี่น้องร่วมสายพันธ์โฉมนี้นับว่าเป็นรุ่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในไทยและในอเมริกายังเป็นรถยนต์นั่งที่ขายดีที่สุดถึง3ปีซ้อนอีกด้วย นักเลงตลาดรถบ้านเราในประเทศไทย เรียกว่ารุ่นตาเพชรก็ เนื่องจากไฟหน้าเป็นมัลติรีเฟลกเตอร์เมื่อมองแล้วมีลักษณะเหมือนเพชรที่แวววาวจึงเรียกว่าตาเพชร โดยโฉมนี้ในต่างประเทศมีเครื่องยนต์1800cc 2000cc และ2200cc125แรงม้า 130แรงม้าและ140แรงม้าแต่ในไทยมีแต่รุ่น2000ccเท่านั้นและมีให้เลือกคือเกียร์ออโต้เครื่องหัวฉีดคือEXI เกียร์ธรรมดาคาร์บิวเรเตอร์คิอEXเกียร์ธรรมดาหัวฉีดคือLXIเกียร์ธรรมดาคาร์บิวเรเตอร์คือLXรุ่นคาร์บิวเรตอร์มี110แรงม้าและรุ่นหัวฉีด130แรงม้าโดยรุ่นนี้นำถุงลมนิรภัยมาใช้เป็นครั้งแรกโดยรุ่นแรกจำหน่ายในไทยปี1990และรุ่นไมเนอร์เชนจ์ออกเมื่อปี1992โดยเปลี่ยนไฟเล้ยวใหม่ ไฟท้ายใหม่ที่กลับไฟเบรคมาอยู่ข้างบนไฟเลี้ยวนักเลงรถเรียกรุ่นนี้ว่าไฟท้ายสั้นโดยขายจนถึงปี1994 รุ่นนี้ไม่มีตัวถัง3ประตูแล้ว โดยตัวถัง5ประตูขายในยุโรปชื่อ Aerodeck
 
ในไทยใช้เฉพาะเครื่องยนต์ 2000cc เท่านั้น มีเซ็นทรัลล็อก พวงมาลัยพาวเวอร์ เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และมีให้เลือก 2 รุ่นย่อย คือ
โฉมนี้ ผลิตมาทั้งสิ้น 4 ปี ตั้งแต่รุ่นปี [[พ.ศ. 2533]] - [[พ.ศ. 2536]] เปิดตัวครั้งแรกในปี1989ใช้พื้นฐานทางวิศวกรรมร่วมกับ[[honda ascot]] ,[[honda vigor]]และ[[honda inspire]]ที่เน้นตลาดบนมากกว่าพี่น้องร่วมสายพันธ์โฉมนี้นับว่าเป็นรุ่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในไทยและในอเมริกายังเป็นรถยนต์นั่งที่ขายดีที่สุดถึง3ปีซ้อนอีกด้วย นักเลงรถบ้านเราเรียกว่ารุ่นตาเพชรก็เนื่องจากไฟหน้าเป็นมัลติรีเฟลกเตอร์เมื่อมองแล้วมีลักษณะเหมือนเพชรที่แวววาวจึงเรียกว่าตาเพชร โดยโฉมนี้มีเครื่องยนต์1800cc 2000cc และ2200cc125แรงม้า 130แรงม้าและ140แรงม้าแต่ในไทยมีแต่รุ่น2000ccเท่านั้นและมีให้เลือกคือเกียร์ออโต้เครื่องหัวฉีดคือEXI เกียร์ธรรมดาคาร์บิวเรเตอร์คิอEXเกียร์ธรรมดาหัวฉีดคือLXIเกียร์ธรรมดาคาร์บิวเรเตอร์คือLXรุ่นคาร์บิวเรตอร์มี110แรงม้าและรุ่นหัวฉีด130แรงม้าโดยรุ่นนี้นำถุงลมนิรภัยมาใช้เป็นครั้งแรกโดยรุ่นแรกจำหน่ายในไทยปี1990และรุ่นไมเนอร์เชนจ์ออกเมื่อปี1992โดยเปลี่ยนไฟเล้ยวใหม่ ไฟท้ายใหม่ที่กลับไฟเบรคมาอยู่ข้างบนไฟเลี้ยวนักเลงรถเรียกรุ่นนี้ว่าไฟท้ายสั้นโดยขายจนถึงปี1994 รุ่นนี้ไม่มีตัวถัง3ประตูแล้ว โดยตัวถัง5ประตูขายในยุโรปชื่อ Aerodeck
*LX / EX เป็นรุ่นต่ำสุด เครื่องยนต์ 2000cc คาร์บิวเรเตอร์ 110 แรงม้า เบาะหนังเทียม (ไวนิล) กระจกข้างและมือจับเปิดประตูนอกรถสีดำ ล้อกระทะเหล็ก 14 นิ้วพร้อมฝาครอบ ยางขนาด 185/70R14 โดย LX จะเป็นเกียร์ธรรมดาของรุ่นต่ำสุด และ EX เป็นเกียร์อัตโนมัติของรุ่นต่ำสุด โดยไม่มีความแตกต่างของออปชั่นระหว่างรุ่น LX กับ EX <!--จึงไม่แยกออกเป็น 2 รุ่นย่อย กรุณาอย่าแยก เพราะลำพังแตกต่างเฉพาะเกียร์ไม่ควรแยก แม้แต่โบร์ดชัวร์ที่ฮอนด้าทำในยุคนั้นก็ไม่แยกครับ ต่างจากรุ่นก่อนที่เกียร์มาพร้อมออปชั่น-->
*LXi / EXi เป็นรุ่นท็อป เครื่องยนต์ 2000cc หัวฉีด 133 แรงม้า เบาะกำมะหยี่ กระจกข้างปรับด้วยไฟฟ้าสีเดียวกับตัวรถ มือจับเปิดประตูสีเดียวกับตัวรถ ล้อแม็กนีเซียมอัลลอย 15 นิ้ว ยางขนาด 195/60R15 โดย LXi จะเป็นเกียร์ธรรมดาของรุ่นท็อป และ EXi จะเป็นเกียร์อัตโนมัติของรุ่นท็อป (มาหลังการเปิดตัวประมาณ 1 ปี) โดยไม่มีความแตกต่างของออปชั่นระหว่างรุ่น LXi กับ EXi <!--จึงไม่แยกออกเป็น 2 รุ่นย่อย กรุณาอย่าแยก เพราะลำพังแตกต่างเฉพาะเกียร์ไม่ควรแยก แม้แต่โบร์ดชัวร์ที่ฮอนด้าทำในยุคนั้นก็ไม่แยกครับ-->
 
เปิดตัวในไทยในปี 2533 โดยช่วงแรกจะมีเฉพาะ LX / EX กับ LXi เท่านั้น ส่วน EXi ตามมาในปี 2534 ในช่วงแรกนี้ไฟท้ายจะเป็นแผงยาวจรดแผงป้ายทะเบียน จึงเรียกกันว่า ตาเพชรไฟยาว รุ่นไมเนอร์เชนจ์ออกเมื่อปี 2535 โดยเปลี่ยนไฟเล้ยวใหม่ ไฟท้ายใหม่ที่กลับไฟเบรคมาอยู่ข้างบนไฟเลี้ยวนักเลงรถเรียกรุ่นนี้ว่า ตาเพชรไฟสั้น โดยขายจนถึงปี 2537 รุ่นนี้ไม่มีตัวถัง3ประตูแล้ว โดยตัวถัง5ประตูขายในยุโรปชื่อ Aerodeck
 
จากโฉมก่อนหน้าจนถึงโฉมนี้ คู่แข่งโดยตรงที่สำคัญของแอคคอร์ด คือ [[โตโยต้า โคโรน่า]] และ นิสสัน บลูเบิร์ด เนื่องจากมีขนาด ออปชั่น และราคาในระดับไล่เลี่ยกัน แต่แอคคอร์ดรุ่นตาเพชรได้เป็นสัญญาณใหม่ในตลาดเมืองไทยที่เริ่มมีขนาด เทคโนโลยี และราคาที่ฉีกออกไปจากคู่แข่งสองรุ่นในข้างต้น แต่ในทางปฏิบัติยังถือกันว่ายังเป็นรถระดับเดียวกับโคโรน่าและบลูเบิร์ด
{{clear}}
 
==Generation ที่ 5 (รุ่นปี พ.ศ. 2536-2540)==
 
[[ไฟล์:5th-Honda-Accord.jpg|thumb|ฮอนด้า แอคคอร์ด โฉมที่ 5]]
[[ไฟล์:Honda Accord 1995.jpg|thumb|ฮอนด้าแอคคอร์ด โฉมยุโรป]]
โฉมนี้ ผลิตออกมาทั้งสิ้น 4 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี [[พ.ศ. 2536]] - [[พ.ศ. 2540]] ขายในปี1994โดยในโฉมนี้ที่ขายในญี่ปุ่นกับยุโรปเป็นคนละโมเดลกันโดยอเมริกายังเป็นโมเดลเดียวกับญี่ปุ่นโดยรุ่นที่ขายในยุโรปญี่ปุ่นขายในญี่ปุ่นในชื่อAscot Innova โดยใช้พื้นฐานวิศวกรรมเดียวกับฮอนด้าพรีลูด และยังขายในชื่อ [[rover 800]]และ[[isuzu aska]] อีกด้วยในเวอร์ชันญี่ปุ่นส่วนเวอร์ชันยุโรปยังขายในชื่อ[[rover 600]]อีกด้วยและขยับขนาดตัวถังจากรถยนต์นั่งขนาดเล็กเป็นขนาดกลาง ได้รับการวางเครื่องยนต์รหัส F18B ซิงเกิลโอเวอร์เฮดแคมชาพต์ 4 สูบ 16 วาล์ว 1,849 ซีซี 125 แรงม้า, รหัส F20B ซิงเกิลโอเวอร์เฮดแคมชาพต์ 1,997 ซีซี 135 แรงม้า, รหัส F22B ซิงเกิลโอเวอร์เฮดแคมชาพต์ 2,156 ซีซี 145 แรงม้า และแรงสุดในรหัส H22A ทวินแคม VTEC 2,156 ซีซี 190 แรงม้าซึ่งบลอกนี้เป็นเครื่องที่คนที่ใช้รุ่นตาเพชรและรุ่นนี้ที่ต้องการความแรงเพิ่มต่างถวิลหากันที่จะเอามาวางต่อมา2700cc v6 H23A 2300ccและ2000ccดีเซลเครื่องroverโดย2บลอคหลังเฉพาะเวอร์ชันยุโรปและRover 600 เกียร์อัตโนมัติ ระบบกันสะเทือนปีกนกคู่ ระบบเบรกหน้าดิสก์-หลังดรัม (เฉพาะรุ่น SiR เป็นดิสก์เบรก4ล้อ)แต่

ในประเทศไทยขายในต้นเปิดตัวเมื่อปี1994 2537 มีทั้งประกอบนอกและประกอบในโดยในรุ่นนี้นักเลงรถบ้านเราเรียกว่ารุ่นไฟท้ายก้อนเดียวเพราะมีไฟท้ายชิ้นเดียวบนฝากระโปรงโดยในรุ่นแรกเป็นเครื่อง2200ccvtec145แรงม้าตัวประกอบนอกVti-s และ140แรงม้าตัวประกอบใน โดยตัวประกอบนอกมีหลังคาซันรูฟและเบาะหนังแท้อีกด้วยและรุ่นไมเนอร์เชนจ์มาในปี1996 2539 โดยนักเลงรถบ้านเราเรียกว่ารุ่นไฟท้าย 2 ก้อนเพราะมีไฟท้าย 2 ชิ้นขายถึงปี1997 2540 โดยในช่วงเจเนอเรชันโฉมนี้โตโยต้าทนไม่ไหวที่จะขาย[[โตโยต้ามีตัวเลือก โคโรนา]]อย่างเดียวจึงสั่ง[[โตโยต้า3 แคมรี]]จากออสเตรเลียเข้ามาขายแบบ ควบคู่ไปด้วยคือ
*LXi / EXi เป็นรุ่นต่ำสุด เครื่องยนต์ 2200cc หัวฉีด 138 แรงม้า ในช่วงแรกจะยังใช้ล้อกระทะเหล็ก 14 นิ้วพร้อมฝาครอบ ยางขนาด 185/70R14 แต่พ้นปีแรกของการเปิดตัวไปแล้ว ได้เปลี่ยนไปใช้ล้อแมกนีเซียมอัลลอย 15 นิ้ว ยาวขนาด 195/60R15 ได้กระจกปรับ-พับไฟฟ้า เซ็นทรัลล็อก เบาะกำมะหยี่ วิทยุเทป 4 ลำโพง เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดย LXi คือเกียร์ธรราดาของรุ่นต่ำสุด และ EXi คือเกียร์อัตโนมัติของรุ่นต่ำสุด ไม่มีส่วนแตกต่างของออปชั่นระหว่าง LXi กับ EXi
*VTi-L / VTi-E เป็นรุ่นกลาง เครื่องยนต์ 2200cc หัวฉีดวาล์วแปรผัน (VTEC) 143 แรงม้า สิ่งที่ได้เพิ่มจากเดิมคือ พวงมาลัยหุ้มหนัง [[ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก]] โดย VTi-L คือเกียร์ธรรมดาของรุ่นกลาง และ VTi-E คือเกียร์อัตโนมัติของรุ่นกลาง และในช่วงปีท้ายๆ มีการติดตั้ง[[ถุงลมนิรภัย]] ฝั่งคนขับมาด้วย ล้ออัลลอย 15 นิ้ว ยางขนาด 195/60R15
*VTi-S เป็นรุ่นท็อป มีเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ เครื่องยนต์ 2200cc หัวฉีดวาล์วแปรฝัน 143 แรงม้า ประกอบจากญี่ปุ่น สิ่งที่ได้เพิ่มคือ เบาะนั่งหุ้มหนังสีครีม เบาะคนขับปรับไฟฟ้า ถุงลมนิรภัยคนขับ และ รุ่นไฟท้ายก้อนเดียว (2537-2538) จะได้ซันรูฟ ส่วนรุ่นไฟท้ายสองก้อน (2539-2540) จะได้เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติและถุงลมนิรภัยสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า
 
โดยในช่วงเจเนอเรชันนี้ แอคคอร์ดก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมมหาศาลในตลาด เนื่องจากแอคคอร์ดรุ่นนี้ได้พัฒนา ขยายขนาดรถยนต์ เครื่องยนต์ และเพิ่มออปชั่นและเทคโนโลยีต่างๆ เข้าไปเป็นจำนวนมาก อีกทั้งการออกแบบรถที่ออกมาหรูหรากว่าโคโรน่าและบลูเบิร์ด โตโยต้าจึงไม่สามารถใช้ [[โตโยต้า โคโรนา]] ได้อีกต่อไปจึงสั่ง [[โตโยต้า คัมรี่]] จากออสเตรเลียเข้ามาเพื่อเป็นคู่แข่งโดยตรงกับแอคคอร์ดแทนโคโรน่า ส่วนโคโรน่าได้กลายเป็นรถที่ไม่ใช่คู่แข่งโดยตรงกับแอคคอร์ดอีกต่อไป ตำแหน่งการตลาดของโคโรน่าหลังการมาของแอคคอร์ดรุ่นนี้ถูกลดลงไปอยู่กึ่งกลางระหว่าง ซีวิค กับ แอคคอร์ด (หรือเรียกว่า C-D Segment) ต่างจากโคโรน่าตั้งแต่ปี 2536 ลงไป ที่ถูกวางตำแหน่งไว้เป็นรถหรู อยู่ระดับเดียวกับแอคคอร์ดโดยตรง ดังนั้นคนรุ่นหลังจำนวนมากที่มาไม่ทันเฉพาะโคโรน่ารุ่นก่อนๆ จึงมักเข้าใจว่าโคโรน่าไม่ได้เป็นรถระดับเดียวกับแอคคอร์ด เช่นเดียวกับนิสสัน บลูเบิร์ด ซึ่งพบชะตากรรมเดียวกับโคโรน่า แต่นิสสันมี [[นิสสัน เซฟิโร่|เซฟิโร่]] ซึ่งเริ่มจำหน่ายมาตั้งแต่ปี 2533 มาเป็นคู่แข่งแทน โดยบลูเบิร์ดรุ่นสุดท้ายที่ถูกวางตำแหน่งเป็นรถคู่แข่งเต็มขั้น คือ นิสสัน บลูเบิร์ด แอทเทซา ซึ่งต่อมา ทั้งบลูเบิร์ดและโคโรน่า ก็ต่างถูกยุบสายการผลิตไปในที่สุด
{{clear}}
 
==Generation ที่ 6 (รุ่นปี พ.ศ. 2541-2545)==
 
[[ไฟล์:1998-2000 Honda Accord Sedan.jpg|thumb|ฮอนด้า แอคคอร์ด โฉมที่ 6]]
[[ไฟล์:Honda Accord 6th generation.jpg|thumb|ฮอนด้าแอคคอร์ดโฉมญี่ปุ่น]]
[[ไฟล์:Honda Accord 2001 Sport.jpg|thumb|ฮอนด้าแอคคอร์ดโฉมยุโรป]]
โฉมนี้ ผลิตออกมาทั้งสิ้น 5 ปี ตั้งแต่รุ่นปี [[พ.ศ. 2541]] - [[พ.ศ. 2545]] โดยตัวถังนี้แบ่งเป็น3เวอร์ชันคือญี่ปุ่น ยุโรปและอเมริกาโดยบ้านเราตัวถังเดียวกับอเมริกาโดยในญี่ปุ่นเปิดตัวครั้งแรกในเดือนสิงหาคมปี1997และยังมีอีกโมเดลทีใช้พื้นฐานวิศวกรรมเหมือนกันชื่อ[[honda torneo]]และยังมีขายในชื่อ[[isuzu aska]]โดยมีตัวถัง4ประตูซีดานและ5ประตูwagonโดยมีเครื่องยนต์ดังนี้ F18B 4 สูบ VTEC ซิงเกิลโอเวอร์เฮดแคมชาพต์ 1,849 ซีซี 140 แรงม้า, F20B 4 สูบVTEC ซิงเกิลโอเวอร์เฮดแคมชาพต์ 1,997 ซีซี148 แรงม้า มีรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อให้เลือก และรหัส F20B(ในรุ่น SiR) 4 สูบ VTEC ทวินแคม 16 วาล์ว 1,997 ซีซี 180 แรงม้าและH22A 220แรงม้าในรุ่นEuro R2.0L ส่วนเวอร์ชันอเมริกานั้นเปิดตัวในปี1997ใกล้เคียงกันโดยเวอร์ชันนี้เป็นเวอร์ชันเดียวกับของไทยโดยมีตัวถัง2ประตูคูเปและ4ประตูซีดาน โดยมีเครื่องยนต์ดังนี้F20B5 I4 147 hp(110 kW)2.3L F23A1 I4 150 hp(112 kW)2.3L F23A4 I4 148 hp(110 kW)2.3L F23A5 I4 135 hp (101 kW) 3.0L J30A1 V6 200 hp (150 kW)ส่วนในเวอร์ชันยุโรปมีทั้งตัวถัง4ประตูซีดานและhatchbackโดยมีเครื่องยนต์1800cc 2000cc และ H22A 2200cc 220แรงม้าและยังมีดีเซลตัวเดิมอีกด้วยแต่

สำหรับประเทศไทยนักเลงรถบ้านเราเรียกว่ารุ่นงูเห่าโดยมีเครื่องยนต์3ตัวคือเลือก 2300cc3 140แรงม้าในรุ่นหัวฉีดธรรมดาโดยรุ่นvtecมี150แรงม้าและ3000cc v6 vtec 200แรงม้าโดยเปิดตัวปลายปี1997และไมเนอร์เชนจ์ในปี2001โดยเปลี่ยนกันชนหน้าใหม่กระจังหน้าใหม่ขายจนถึงต้นปี2003คือ
*EXi Manual / EXi Automatic เป็นรุ่นต่ำสุด เครื่องยนต์ 2300cc 138แรงม้า หัวฉีด โดย EXi Manual เป็นเกียร์ธรรมดาของรุ่นต่ำสุด (มีเฉพาะครึ่งแรกของอายุตลาด ครึ่งหลังได้ตัดเกียร์ธรรมดาออก) และ EXi Automatic เป็นเกียร์อัตโนมัติของรุ่นต่ำสุด
*VTi Manual / VTi Automatic เป็นรุ่นกลาง เครื่องยนต์ 2300cc หัวฉีดวาล์วแปรฝัน VTEC 148แรงม้า โดย VTi Manual เป็นเกียร์ธรรมดาของรุ่นกลาง (มีเฉพาะครึ่งแรกของอายุตลาด ครึ่งหลังได้ตัดรุ่นเกียร์ธรรมดาออก) และ VTi Automatic เป็นเกียร์อัตโนมัติของรุ่นกลาง
*3.0V6 เป็นรุ่นท็อป มีเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ เครื่องยนต์ 3000cc หกสูบตัววี 197 แรงม้า
 
แอคคอร์ดโฉมนี้ เป็นโฉมที่เก่าที่สุดที่ฮอนด้า มอเตอร์ ประเทศไทย รับรองให้รองรับน้ำมัน[[แก๊สโซฮอล์]] อย่างเป็นทางการ<ref>http://www.dede.go.th/dede/images/stories/bioethanol/gasohol_DOEB.pdf</ref> (แต่ในทางปฏิบัติ เครื่องยนต์หัวฉีดทุกรุ่นของฮอนด้าที่มีกล่องสมองกลสามารถรองรับได้) และเป็นโฉมสุดท้ายของแอคคอร์ดในประเทศไทยที่มีรุ่นเกียร์ธรรมดา หลังจากตัดออกไปในช่วงกลางอายุของโฉมนี้ก็ไม่มีแอคคอร์ดเกียร์ธรรมดาในประเทศไทยอีก
{{clear}}
 
==Generation ที่ 7 (รุ่นปี พ.ศ. 2546-2550)==
 
[[ไฟล์:2006-2008 Honda Accord V6 sedan 02.jpg|thumb|ฮอนด้า แอคคอร์ด โฉมที่ 7]]
[[ไฟล์:SAG2004 131 Honda Accord.jpg|thumb|left|ฮอนด้าแอคคอร์ดยูโร]]
โฉมนี้ ผลิตออกมาทั้งสิ้น 5 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี [[พ.ศ. 2546]] - [[พ.ศ. 2550]] โดยรุ่นนี้เปิดตัวปี2002ส่วนอเมริกาปี2003และยังแบ่งเป็น2เวอร์ชันคือเวอร์ชันญี่ปุ่นกับยุโรปเวอร์ชันเดียวกันและอเมริกากับบ้านเราเวอร์ชันเดียวกันในญี่ปุ่นขายแอคคอร์ดเวอร์ชันอเมริกาในชื่อinspire ในเวอร์ชันญี่ปุ่นมีตัวถัง2แบบคือ4ประตูsedanและwagon5ประตูมีเครื่องยนต์2000ccI-VTEC,2400ccI-VTECดีเซล2200ccI-DTECและยังมีเวอร์ชันตัวแรงEuro R ใช้เครื่องยนต์2000ccรหัสK20A 200แรงม้าซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่อยูในซีวิคไทพ์อาร์ ส่วนเวอร์ชันอเมริกานั้นมีตัวถัง2แบบคือ2ประตูcoupeและ4ประตูsedanโดยรุ่นนี้มีเกียร์ออโต5สปีดและธรรมดา6lสปีดเป็นครั้งแรกอีกด้วย โดยมีเครื่องยนต์2ขนาดคือ2400cc ,v63000ccและยังมีรุ่นhybrid อีกด้วยโดยใช้เครื่องยนต์3000cc v6 I-VTEC พร้อมเทคโนโลยีใหม่VCMลูกสูบแปรผันอัจฉริยะโดยควบคุมการทำงานของลูกสูบให้ทำงานให้เหมาะสมให้กำลัง255แรงม้าและ16แรงม้าจากมอเตอร์ไฟฟ้าใช้เกยร์กึ่งอัตโนมัติ5สปีดคลัทซ์คู่อีกด้วยและไมเนอร์เชนจ์ในปี2005โดยเปลี่ยนไฟหน้าและไฟท้ายเป็นแบบชิ้นเดียวLEDฝากระโปรงท้ายใหม่ส่วนในประเทศไทยนักเลงรถบ้านเราเรียกรุ่นนี้ว่ารุ่นปลาวาฬเปิดตัวครั้งแรกในต้นปี2003รุ่นนี้เป็นรุ่นแรกที่มีถุงลมนิรภัยด้านข้างโดยมีเครื่องยนต์2ขนาดคือ2400cc I-VTEC160แรงม้าและ3000ccI-VTEC v6 220แรงม้าต่อมาปี2005ก็มีรุ่น2000cc I-VTEC 150 แรงม้าออกมาและไมเนอร์เชนจ์ในปี2006โดยเปลี่ยนไฟหน้าไฟท้ายแบบใหม่เป็นชิ้นเดียวLEDและฝากระโปรงท้ายแบบใหม่ และปรับกำลังเครื่อง2400ccจาก160แรงม้าเป็น170แรงม้าแต่รุ่นนี้โฉมไมเนอร์เชนจ์เห็นไม่ค่อยเยอะเท่าไรบนถนนเมืองไทยเนื่องจากช่วงนั้น[[โตโยต้า]]ออก[[โตโยต้า แคมรี| แคมรี]]ไหม่มาสกัดดาวรุ่งพอดีและขายถึงในปลายปี2007
 
ส่วนในประเทศไทย วงการรถเรียกรุ่นนี้ว่ารุ่นปลาวาฬ เปิดตัวครั้งแรกในต้นปี 2546 มีตัวเลือกดังต่อไปนี้
โฉมนี้ ผลิตออกมาทั้งสิ้น 5 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี [[พ.ศ. 2546]] - [[พ.ศ. 2550]] โดยรุ่นนี้เปิดตัวปี2002ส่วนอเมริกาปี2003และยังแบ่งเป็น2เวอร์ชันคือเวอร์ชันญี่ปุ่นกับยุโรปเวอร์ชันเดียวกันและอเมริกากับบ้านเราเวอร์ชันเดียวกันในญี่ปุ่นขายแอคคอร์ดเวอร์ชันอเมริกาในชื่อinspire ในเวอร์ชันญี่ปุ่นมีตัวถัง2แบบคือ4ประตูsedanและwagon5ประตูมีเครื่องยนต์2000ccI-VTEC,2400ccI-VTECดีเซล2200ccI-DTECและยังมีเวอร์ชันตัวแรงEuro R ใช้เครื่องยนต์2000ccรหัสK20A 200แรงม้าซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่อยูในซีวิคไทพ์อาร์ ส่วนเวอร์ชันอเมริกานั้นมีตัวถัง2แบบคือ2ประตูcoupeและ4ประตูsedanโดยรุ่นนี้มีเกียร์ออโต5สปีดและธรรมดา6lสปีดเป็นครั้งแรกอีกด้วย โดยมีเครื่องยนต์2ขนาดคือ2400cc ,v63000ccและยังมีรุ่นhybrid อีกด้วยโดยใช้เครื่องยนต์3000cc v6 I-VTEC พร้อมเทคโนโลยีใหม่VCMลูกสูบแปรผันอัจฉริยะโดยควบคุมการทำงานของลูกสูบให้ทำงานให้เหมาะสมให้กำลัง255แรงม้าและ16แรงม้าจากมอเตอร์ไฟฟ้าใช้เกยร์กึ่งอัตโนมัติ5สปีดคลัทซ์คู่อีกด้วยและไมเนอร์เชนจ์ในปี2005โดยเปลี่ยนไฟหน้าและไฟท้ายเป็นแบบชิ้นเดียวLEDฝากระโปรงท้ายใหม่ส่วนในประเทศไทยนักเลงรถบ้านเราเรียกรุ่นนี้ว่ารุ่นปลาวาฬเปิดตัวครั้งแรกในต้นปี2003รุ่นนี้เป็นรุ่นแรกที่มีถุงลมนิรภัยด้านข้างโดยมีเครื่องยนต์2ขนาดคือ2400cc I-VTEC160แรงม้าและ3000ccI-VTEC v6 220แรงม้าต่อมาปี2005ก็มีรุ่น2000cc I-VTEC 150 แรงม้าออกมาและไมเนอร์เชนจ์ในปี2006โดยเปลี่ยนไฟหน้าไฟท้ายแบบใหม่เป็นชิ้นเดียวLEDและฝากระโปรงท้ายแบบใหม่ และปรับกำลังเครื่อง2400ccจาก160แรงม้าเป็น170แรงม้าแต่รุ่นนี้โฉมไมเนอร์เชนจ์เห็นไม่ค่อยเยอะเท่าไรบนถนนเมืองไทยเนื่องจากช่วงนั้น[[โตโยต้า]]ออก[[โตโยต้า แคมรี| แคมรี]]ไหม่มาสกัดดาวรุ่งพอดีและขายถึงในปลายปี2007
*2.0S เป็นรุ่นต่ำสุด เพิ่มเข้ามาในปี 2548 เครื่องยนต์ 2000cc หัวฉีดวาล์วแปรผัน ราคาประหยัด ออปชั่นต่ำ
*2.4S เป็นรุ่นต่ำสุดก่อนปี 2548
*2.0E เพิ่มเข้ามาในปี 2548
*2.4E
*2.4EL เป็นรุ่นที่มีออปชั่นแตกต่างจากตัวที่ต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทั้งไฟหน้า HID พวงมาลัยสลับลายไม้ หัวเกียร์ลายไม้ ถุงลมนิรภัย 4 ลูก (ด้านคนขับ, ด้านหน้าผู้โดยสาร, ด้านข้างคนขับ, ด้านข้างผู้โดยสาร) ในขณะที่รุ่นต่ำกว่ามี 2 ลูก, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (เฉพาะปี 2547 ขึ้นไป)
*3.0V6 รุ่นนี้ออปชั่นไม่ต่างจาก 2.4EL มากนัก แต่จะได้เครื่องยนต์ 3000cc
 
รุ่นนี้เป็นรุ่นแรกที่มีถุงลมนิรภัยด้านข้าง โดยมีเครื่องยนต์ 2 ขนาดคือ 2400cc i-VTEC 160 แรงม้าและ 3000cc i-VTEC v6 220แรงม้าต่อมาปี 2548 ก็มีรุ่น 2000cc i-VTEC 150 แรงม้าออกมาและไมเนอร์เชนจ์ในปี 2549 โดยเปลี่ยนไฟหน้าไฟท้ายแบบใหม่เป็นชิ้นเดียวLEDและฝากระโปรงท้ายแบบใหม่ และปรับกำลังเครื่อง2400ccจาก160แรงม้าเป็น170แรงม้าแต่รุ่นนี้โฉมไมเนอร์เชนจ์เห็นไม่ค่อยเยอะเท่าไรบนถนนเมืองไทยเนื่องจากช่วงนั้น[[โตโยต้า]]ออก[[โตโยต้า แคมรี| แคมรี]]ใหม่มาพอดี คนจำนวนมากจึงเลือกคัมรี่ใหม่ มากกว่าแอคคอร์ดที่มีอายุนานพอสมควร แอคคอร์ดโฉมนี้ขายถึงปลายปี 2550
{{clear}}
 
==Generation ที่ 8 (รุ่นปี พ.ศ. 2551-2555)==
 
[[ไฟล์:08 Honda Accord EX-L sedan.jpg|thumb|ฮอนด้า แอคคอร์ด โฉมที่ 8]]
[[ไฟล์:2008-2011 Honda Accord Euro sedan (2011-06-15) 01.jpg|thumb|ฮอนด้าแอคคอร์ดยูโร]]
โดยรุ่นนี้ก็แบ่งเป็น2เวอร์ชันตัวถังอีกตามเคยคือเวอร์ชันยุโรปกับญี่ปุ่น มีขายในอเมริกาชื่อ[[อคูรา ทีเอสเอกซ์]]และอเมริกากับบ้านเราเวอร์ชันเดียวกันขายในญี่ปุ่นในชื่อ[[honda inspire]]เหมือนเคย เวอร์ชันยุโรปเปิดตัวในปี2008ที Geneva motorshowและมึตัวถัง2แบบเหมือนเคยคือ4ประตูsedanและ5ประตูwagonในชื่อAccord Tourerมีเครื่องยนต์ 2000cc,2400ccและ2200ccตัวเดิมทั้งหมดและยังขายมาถึงปัจจุบัน ส่วนเวอร์ชันอเมริกานั้นเปิดเผยคอนแซบคาร์ของรุ่นนี้ในรุ่นตัวถังcoupeในงานดีทรอยมอเตอร์โชว์ปี2007 2550 โดยเริ่มขายกันจริงๆในเดือนกันยายนปีเดียวกันและมี2แบบเหมือนเคยคือ2ประตูคูเป้และ4ประตูsedanมีเครื่องยนต์ดังนี้R20A 2000cc 2400ccK24Z2177แรงม้าและK24Z3190แรงม้า J35Z2 v63500cc271 แรงม้า J35Z3 v63500cc nonvcm 268แรงม้า และ turbodiesel 2200ccโดยในปี2010ก็ออกรุ่น Accord Crosstour ซึ่งเป็นsuvที่มีพื้นฐานมาจากแอคคอร์ดรุ่นนี้ใช้เครื่อง2400ccและ3500ccตัวเดิม และในปี2010 2553 ก็ไมเนอร์เชนจ์โดยเปลี่ยนกระจังหน้าและกันชนหน้าใหม่สำหรับประเทศไทยนั้นเปิดตัวในปลายปี2007ช่วงงานมอเตอร์เอกซ์โปพอดีซึ่งมีเครื่องยนต์3ขนาดคือR20A 2000cc 156แรงม้า K24Z2 180แรงม้า และv6 I-VTEC VCM3500cc 275 แรงม้าและเติมE20ได้มาใช้เป็นครั้งแรกที่มีระบบ VCM ระบบลูกสูบแปรผันอัตโนมัติโดยรุ่นนี้มีเนวิเกเตอร์พร้อมฮาร์ดดิสก์ด้วยในรุ่น2400ccและv6 3500ccไมเนอร์เชนจ์ในปี2010โดยเปลี่ยนกันชนหน้าใหม่และกระจังหน้าใหม่อีกด้วยในรุ่น2000ccนั้นได้มีเนวิเกเตอร์แล้วในปลายปี2011ได้เกิดมหาอุทกภัยในประเทสไทยทำให้โรงงานไม่สามารถผลิตรถออกมาขายได้ฮอนด้าประเทศไทยจึงนำเข้าaccordจากญี่ปุ่นที่ขายในญี่ปุ่นในชื่อinspireมาขาย2รุ่นคือ2000ccและ2400ccข้อสังเกตคือคันที่เป็นรถนำเข้านั้นจะมีหลังคาซันรูฟและไฟหน้าซีนอนแต่ก็ขายไม่ค่อยดีเท่าช่วงต้นโมเดลสักเท่าไรโดยขายกันมาจนถึงมีนาคม2013
 
สำหรับประเทศไทยนั้นเปิดตัวในปลายปี 2550 ช่วงงานมอเตอร์เอกซ์โปพอดีซึ่งมีตัวเลือกคือ
โดยรุ่นนี้ก็แบ่งเป็น2เวอร์ชันตัวถังอีกตามเคยคือเวอร์ชันยุโรปกับญี่ปุ่น มีขายในอเมริกาชื่อ[[อคูรา ทีเอสเอกซ์]]และอเมริกากับบ้านเราเวอร์ชันเดียวกันขายในญี่ปุ่นในชื่อ[[honda inspire]]เหมือนเคย เวอร์ชันยุโรปเปิดตัวในปี2008ที Geneva motorshowและมึตัวถัง2แบบเหมือนเคยคือ4ประตูsedanและ5ประตูwagonในชื่อAccord Tourerมีเครื่องยนต์ 2000cc,2400ccและ2200ccตัวเดิมทั้งหมดและยังขายมาถึงปัจจุบัน ส่วนเวอร์ชันอเมริกานั้นเปิดเผยคอนแซบคาร์ของรุ่นนี้ในรุ่นตัวถังcoupeในงานดีทรอยมอเตอร์โชว์ปี2007โดยเริ่มขายกันจริงๆในเดือนกันยายนปีเดียวกันและมี2แบบเหมือนเคยคือ2ประตูคูเป้และ4ประตูsedanมีเครื่องยนต์ดังนี้R20A 2000cc 2400ccK24Z2177แรงม้าและK24Z3190แรงม้า J35Z2 v63500cc271 แรงม้า J35Z3 v63500cc nonvcm 268แรงม้า และ turbodiesel 2200ccโดยในปี2010ก็ออกรุ่น Accord Crosstour ซึ่งเป็นsuvที่มีพื้นฐานมาจากแอคคอร์ดรุ่นนี้ใช้เครื่อง2400ccและ3500ccตัวเดิม และในปี2010ก็ไมเนอร์เชนจ์โดยเปลี่ยนกระจังหน้าและกันชนหน้าใหม่สำหรับประเทศไทยนั้นเปิดตัวในปลายปี2007ช่วงงานมอเตอร์เอกซ์โปพอดีซึ่งมีเครื่องยนต์3ขนาดคือR20A 2000cc 156แรงม้า K24Z2 180แรงม้า และv6 I-VTEC VCM3500cc 275 แรงม้าและเติมE20ได้มาใช้เป็นครั้งแรกที่มีระบบ VCM ระบบลูกสูบแปรผันอัตโนมัติโดยรุ่นนี้มีเนวิเกเตอร์พร้อมฮาร์ดดิสก์ด้วยในรุ่น2400ccและv6 3500ccไมเนอร์เชนจ์ในปี2010โดยเปลี่ยนกันชนหน้าใหม่และกระจังหน้าใหม่อีกด้วยในรุ่น2000ccนั้นได้มีเนวิเกเตอร์แล้วในปลายปี2011ได้เกิดมหาอุทกภัยในประเทสไทยทำให้โรงงานไม่สามารถผลิตรถออกมาขายได้ฮอนด้าประเทศไทยจึงนำเข้าaccordจากญี่ปุ่นที่ขายในญี่ปุ่นในชื่อinspireมาขาย2รุ่นคือ2000ccและ2400ccข้อสังเกตคือคันที่เป็นรถนำเข้านั้นจะมีหลังคาซันรูฟและไฟหน้าซีนอนแต่ก็ขายไม่ค่อยดีเท่าช่วงต้นโมเดลสักเท่าไรโดยขายกันมาจนถึงมีนาคม2013
*2.0E เป็นรุ่นต่ำสุด แต่ได้ออปชั่นค่อนข้างครบ (รุ่นก่อนปี 2553 มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติด้วย)
*2.4E ได้เครื่องยนต์ 2400cc ออปชั่นที่ของรุ่นนี้ที่ไม่มีใน 2.0E ได้แก่ แป้นเปลี่ยนเกียร์บนพวงมาลัย (Paddle Shift), ลายไม้ครึ่งคัน (2.0E ลายไม้เฉพาะจุด), ม่านกระจกหลังไฟฟ้า, กระจกหน้าต่างและกระจกมองข้างเคลือบสารลดการเกาะตัวของหยดน้ำฝน, ไฟเบรกตำแหน่งกลางแบบ LED แต่ออปชั่นที่รุ่นนี้ไม่มีแต่มีในรุ่น 2.0E ได้แก่ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control), ไฟตัดหมอกคู่หน้า และถุงลมนิรภัยด้านข้าง (ได้เพียงคู่หน้า 2 ลูก ในขณะที่ 2.0E ได้ 4 ลูก) อย่างไรก็ตาม รุ่นนี้ถูกตัดออกไปในช่วงปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ ปี 2553
*2.0EL / 2.0EL Navigator เป็นรุ่นที่เพิ่มมาในปี 2553 สิ่งที่ได้เพิ่มคือการตกแต่งลายไม้รอบคัน, ลำโพง Sub-Woofer (เฉพาะ 2.0EL Navigator), และล้ออัลลอย 17 นิ้ว ยางขนาด 225/50R17 (2.0E ล้ออัลลอย 16 นิ้ว ยางขนาด 215/60R16) แต่จะไม่มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, ม่านกระจกหลังไฟฟ้า, กระจกหน้าต่างและกระจกมองข้างเคลือบสารลดการเกาะตัวของหยดน้ำฝน
*2.4EL / 2.4EL Navigator สิ่งที่ได้เพิ่มจาก 2.0EL คือไฟหน้า HID, ไฟหน้าปรับระดับอัตโนมัติ, ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ (รุ่นต่ำกว่ามีเฉพาะการปิดไฟอัตโนมัติ), ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ, กระจกข้างด้านซ้ายปรับลงอัตโนมัติที่เกียร์ถอยหลัง, ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งผู้ขับขี่, ม่านถุงลมด้านข้าง, กระจกตัดแสงอัตโนมัติ
*3.5V6
 
R20A 2000cc 154 แรงม้า K24Z2 2400cc 178 แรงม้า และ V6 i-VTEC VCM 3500cc 271 แรงม้า และเติมE20ได้มาใช้เป็นครั้งแรกที่มีระบบ VCM ระบบลูกสูบแปรผันอัตโนมัติโดยรุ่นนี้มีเนวิเกเตอร์พร้อมฮาร์ดดิสก์ด้วยในรุ่น2400ccและv6 3500ccไมเนอร์เชนจ์ในปี2010โดยเปลี่ยนกันชนหน้าใหม่และกระจังหน้าใหม่อีกด้วยในรุ่น2000ccนั้นได้มีเนวิเกเตอร์แล้ว ต่อมาในปลายปี 2554 ได้เกิดมหาอุทกภัยในประเทศไทยทำให้โรงงานไม่สามารถผลิตรถออกมาขายได้ฮอนด้าประเทศไทยจึงนำเข้าaccordจากญี่ปุ่นที่ขายในญี่ปุ่นในชื่อinspireมาขาย2รุ่นคือ2000ccและ2400ccข้อสังเกตคือคันที่เป็นรถนำเข้านั้นจะมีหลังคาซันรูฟและไฟหน้าซีนอนแต่ก็ขายไม่ค่อยดีเท่าช่วงต้นโมเดลสักเท่าไรโดยขายกันมาจนถึงมีนาคม2013
และโฉมที่ 8 นี้ สามารถรองรับน้ำมันพลังงานทดแทนพิเศษ [[แก๊สโซฮอล์]] E20 ได้ ซึ่งเป็นพลังงานทดแทนใหม่ของประเทศไทยที่สามารถช่วยลดมลพิษได้
 
ฮอนด้า แอคคอร์ด โฉมที่ 8 นี้ ได้รับรางวัล รถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี (Thailand Car of the Year 2009) ในประเภทรถยนต์ขนาดกลาง ในรุ่นไม่เกิน 2,500 ซีซี (Best Mid-size Sedan under 2,500 cc.)
{{clear}}
 
 
==Generation ที่ 9 (รุ่นปี พ.ศ. 2556-ปัจจุบัน)==
[[ไฟล์:'13 Honda Accord Sedan.JPG|thumb|ฮอนด้า แอคคอร์ด โฉมที่ 9]]
โฉมนี้มี2 ตัวถังคือ คูเป้ 2 ประตู และ ซีดาน4 ประตู ระบบเกียร์มี 4 ระบบ คือ 6 สปีด ธรรมดา,ออโต้,CVTและ 5 สปีด โดยต่อไปนี้ แอคคอร์ดจะใช้โฉมเดัยวกันท้งโลก มีรุ่น plug in hybrid ซึ่งใช้ระบบไฮบริดโดยการชาร์จไฟฟ้าอีกด้วย โดยเผยโฉมคูเป้เป็นคอนเซปคาร์ครั้งแรกในงานดีทรอยมอเตอร์โชว์ปี2012 ขายจริงในเดือนกันยายนปีเดียวกันโดยมีตัวถัง2แบบคือซีดานและคูเป้เหมือนเคยโดยมีเครื่องยนต์3แบบคือ2400cc Earth dream I-VTECเบนซินฉีดตรง 185แรงม้า 3500cc 278แรงม้า และ 2000cc hybrid 196แรงม้าซึ่งเปิดตัวในงาน LA Autoshowในภายหลัง

สำหรับบ้านเราเปิดตัวเมื่อวันที่11มีนาคม2556 ใช้เครื่องตัวเดิม2000ccI-VTEC155แรงม้าและ Earthdreamที่ไม่ใช่ฉีดครง174แรงม้าโดยไม่มีรุ่นv6ขายแล้วและเติมE85ได้ด้วยในราคาที่คุ้มค่ากับออฟชันที่ได้มา
*2.0EL / 2.0EL Navigator เป็นรุ่นต่ำสุด ถึงกระนั้นก็ได้ออปชั่นค่อนข้างครบมาก
*2.4EL / 2.4EL Navigator
*2.4Tech
 
นอกจากนี้ ฮอนด้ายังปรับปรุงระบบจ่ายเชื่อเพลิงอีกครั้งให้รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ได้ถึง E85
{{clear}}