ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โมโม"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Redstar (คุย | ส่วนร่วม)
Redstar (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 41:
ตามที่รู้จักกันดีในงานของเขา [[จินตนาการไม่รู้จบ]] ({{lang-en|The Neverending Story}}; {{lang-de|Die unendliche Geschichte}}) มิชาเอล เอนเด้ ใช้จินตนาการและสัญลักษณ์ในการอธิบายปัญหาของโลกแห่งความเป็นจริง เช่น ความสำคัญของเวลา ความสัมพันธ์ของคน การขาดจินตนาการ การมองข้ามคุณค่าของสิ่งเล็กๆน้อยๆ โดยอาศัยโลกในจินตนาการของเด็กเพื่อแสดงถึงสิ่งที่เราหลงลืมไป
 
หัวใจหลักของโมโม คือการเปรียบเทียบถึงวิธีการใช้เวลาของคนในสังคมว่าวิธีการที่เราใช้นั้นถูกต้องดีงามแล้วหรือ โดยแสดงถึงการใช้เวลาอย่างรีบเร่งของคนในสังคมเมืองที่ต้องใช้เวลาทุกนาทีให้คุ้มค่าที่สุด โดยมองว่าการทำงานงานที่เสร็จไวนั้นเป็นสิ่งดี จึงได้ตัดลดขั้นตอนหลายอย่างไปเพื่อประหยัดเวลา แต่มันก็ทำให้เราขาดความใส่ใจต่อคนรอบข้าง เพียงเพื่อเอาประโยชน์ที่ได้จากการประหยัดนั้นมาใช้ไปกับสิ่งของฟุ่มเฟื่อย เป็นกระแสของสังคมเมืองที่กำลังรุกรานวิถีชีวิตของเราทุกคน ซึ่งนั้นไม่ได้ทำให้คนเรามีความสุข แต่กลับจะทำให้คนเราเหินห่างกันมากขึ้น จนทำให้เราตกเป็นทาสของการบูชาวัตถุสิ่งของได้ง่าย
 
มิซาเอล เอนเด้ จึงได้เสนอโลกในของในมุมมองของโมโม เด็กที่ไม่มีสมบัติอะไรติดตัวและไม่มีการศึกษา แต่สามารถเป็นที่พึ่งของทุกคนได้เพียงแค่ใช้การฟังอย่างแท้จริงเท่านั้น ซึ่งเป็นทักษะที่เราหลายคนหลงลืมมัน การให้ความเอาใจใส่ต่อบุคคลรอบข้างย่อมเป็นเกราะป้องกันที่ดีต่อการครอบงำของลัทธิบูชาวัตถุที่กำลังแผ่ขยาย ทำให้เป็นเป้าหมายที่ยากยิ่งสำหรับผู้ชายในชุดสีเทา จึงได้มีการใช้ตุ๊กตา[[บาร์บี้]]และของเล่นแพงๆ เพื่อจูงใจโมโมให้หันมายึดติดกับวัตถุแทน แต่โมโมไม่เชื่อว่าการกระทำของตัวเองนั้นเป็นการเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่กลับเห็นคุณค่าของการใส่ใจต่อผู้คนและกำลังพยายามทวงคืนสิ่งนั้นกลับมาจากผู้ชายในชุดสีเทา
 
== คำติชม ==
เข้าถึงจาก "https://th.wikipedia.org/wiki/โมโม"