ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สันติอโศก"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Nullzerobot (คุย | ส่วนร่วม)
ลบลิงก์ที่ซ้ำซ้อน wikidata
ความเป็นจริงที่มิอาจโต้แย้งได้
บรรทัด 11:
เนื่องจากการบวชของชาวอโศกมิชอบด้วยกฎหมายและพระธรรมวินัย ในเดือนมิถุนายน 2532 [[พิศาล มูลศาสตร์สาทร]] ปลัดกระทรวงมหาดไทยขณะนั้น จึงสั่งให้จับกุมสมณะโพธิรักษ์และพวกทั้งหมด รวม 105 คน ในวันที่ 8 สิงหาคม 2532 พนักงานสอบสวนจับกุม แจ้งข้อหา และสอบสวนแล้ว พนักงานอัยการได้ฟ้องเป็นจำเลยจำนวน 80 คดี ศาลแขวงพระนครเหนือพิพากษาว่า จำเลยที่ 1-79 มีความผิดเกี่ยวกับศาสนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 208 (ไม่ใช่ภิกษุสงฆ์ บังอาจแต่งกายอย่างภิกษุสงฆ์ เพื่อล่อลวงให้คนอื่นเชื่อว่าเป็นภิกษุสงฆ์) และให้จำคุกคนละ 3 เดือน ส่วนจำเลยที่ 80 คือ สมณะโพธิรักษ์ สนับสนุนให้จำเลยที่คนอื่น ๆ กระทำผิดดังกล่าวจำนวน 33 กระทง พิพากษาลงโทษจำคุกเรียงกระทง กระทงละ 2 เดือน รวมเป็นจำคุก 66 เดือน ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องจำเลยบางคน และศาลฎีกาพิพากษายืน โดยศาลฎีกาวินิจฉัยเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2541 ว่า
 
<blockquote>"จำเลยที่ 80 ได้บวชเป็นพระภิกษุในฝ่ายธรรมยุตนิกาย...และ...ได้สวดญัตติเข้าเป็นพระภิกษุในฝ่ายมหานิกาย แสดงว่า จำเลยที่ 80 ได้ยอมรับที่จะปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 และกฎมหาเถรสมาคมมาก่อน และในช่วงเวลาดังกล่าว จำเลยที่ 80 ก็สามารถปฏิบัติธรรมได้ ไม่ปรากฏว่า จำเลยทุกคนถูกกลั่นแกล้งจากใครอย่างไรและถึงขนาดไม่อาจปฏิบัติตามพระธรรมวินัยได้ เมื่อได้วินิจฉัยแล้วว่า...ไม่ปรากฏบทบัญญัติมาตราใดให้สิทธิพระภิกษุสงฆ์ไทยประกาศแยกตนให้มีผลประดุจสังฆเภทไม่ยอมอยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 ได้ การประกาศของจำเลยที่ 80 กับพวกดังกล่าวจึงไม่ทำให้จำเลยที่ 80 กับพวกพ้นจากการปกครองของมหาเถรสมาคมและไม่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 การที่ภิกษุสงฆ์นักบวชไม่อนุวัตปฏิบัติตามกฎหมายกลับมีผลเป็นการก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้นดังเช่นที่ปรากฏในคดีนี้"</blockquote>
 
และท้ายที่สุดทุกคดีและทุกข้อกล่าวหาถูกยกฟ้องจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากไม่สามารถเอาผิดกับพระโพธิรักษ์ได้ อนึ่ง...ทางสันติอโศกไม่มีพฤติกรรมในการเรี่ยไร จัดงานรื่นเริง หรือไร้ซึ่งความสำรวมเช่นพระภิกษุทั่วไปอย่างที่มีเกลื่อนกลาดในบ้านเมืองเรา วัตรปฏิบัติที่เรียบง่าย บวกกับจารีตของสงฆ์ที่สำรวม ทำให้เป็นที่น่าอิจฉาริษยาหรือชิงชังของหลายฝ่ายมาโดยตลอด เพราะสังคมบ้านเราถือคติ "เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม" ฉะนั้น...หากอยู่ท่ามกลางหมู่มารที่แฝงเร้นกายมาในคราบคนดี ไม่ว่าจะมาในเพศหรือฐานะใด เราจักต้องเลวตามมารพวกนั้นหรือ???</blockquote>
 
== แหล่งข้อมูลอื่น ==