ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ศาลาเฉลิมกรุง"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
|||
บรรทัด 6:
ในช่วง[[สงครามโลกครั้งที่ 2]] พ.ศ. 2485-2488 (รัชกาลที่ 8) ใช้เป็นที่แสดง[[ละคร]]และ[[ดนตรี]] เนื่องจากไม่มีภาพยนตร์ฉาย
ต่อมามีการปรับปรุงใหญ่โดย บริษัทเฉลิมกรุงมณีทัศน์ สามารถใช้ได้ทั้งฉายภาพยนตร์และการแสดงบนเวทีขนาดกว้างขวางกว่าเดิม ตั้งแต่ พ.ศ. 2536 ในนาม '''เฉลิมกรุงรอยัลเธียเตอร์'''
== ประวัติ ==
ในรัชสมัย[[พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว]] รัชกาลที่ 7 [[ภาพยนตร์]]เป็นมหรสพและ การสื่อสารมวลชนที่มีบทบาทสำคัญยิ่ง สามารถเทียบได้กับการโทรทัศน์ในปัจจุบัน โรงภาพยนตร์ในสยามสมัยรัชกาลที่ 7 นั้นมีประมาณ 20 โรง กระจายอยู่ทั่วเขตพระนครและธนบุรี จัดฉายภาพยนตร์นำเข้าจากต่างประเทศ
เดิมโรงภาพยนตร์ในสยาม
ตัวอาคารรูปสี่เหลี่ยมสูงแบบโมเดิร์นสไตล์ (Modern Style) ตั้งอยู่บริเวณหัว[[ถนนเจริญกรุง]]ตัดกับ[[ถนนตรีเพชร]] ออกแบบและควบคุมงานก่อสร้างโดย [[หม่อมเจ้าสมัยเฉลิม กฤดากร]] และ นารถ โพธิปราสาท เป็นวิศวกร สร้างโดยบริษัทบางกอก ภายในออกแบบตกแต่งเรียบง่าย ระหว่างตะวันตกผสมผสานกับไทย และได้รับพระราชทานนามว่า "'''ศาลาเฉลิมกรุง'''" เปิดฉายปฐมฤกษ์ด้วยเรื่อง "มหาภัยใต้ทะเล" เมื่อวันที่ [[2 กรกฎาคม]] [[พ.ศ. 2476]] มีรายงานว่าคนดูล้นหลามออกมาถีงถนนหน้าโรงจนรถรางยวดยานต่างๆ ติดขัดหยุดชะงักชั่วคราว <ref>หนังสือพิมพ์ศรีกรุง ฉบับวันพุธ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2476</ref> นอกจากนี้ยังมีภาพยนตร์ไทยที่ได้รับความนิยมสูงในโปรแกรมถัดๆมา เช่นหนังพูด "[[ปู่โสมเฝ้าทรัพย์]]" ,"[[เลือดทหารไทย]]" และ "[[เพลงหวานใจ]]" ของบริษัท[[ภาพยนตร์เสียงศรีกรุง]] เป็นต้น
ในช่วง [[สงครามมหาเอเซียบูรพา]] ทางโรงเปลี่ยนเป็นโรงละครเวที จนสงครามสงบแล้วระยะหนึ่ง จึงกลับมาฉายภาพยนตร์อีกครั้ง เริ่มด้วย "[[สุภาพบุรุษเสือไทย]]" หนังไทย 16 มม. พากย์สด เมื่อปลายเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2492 ทำรายได้มากกว่า 3 แสนบาท สูงสุดกว่าเรื่องใดๆในเวลานั้น
|