ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ปีศาจแห่งโรงอุปรากร"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
2T (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 21:
}}
 
'''เดอะแฟนธ่อมออฟดิโอเปร่า''' ({{lang-en|The Phantom of the Opera}}; {{lang-fr|Le Fantôme de l'Opéra}}) เป็น[[วรรณกรรม]][[ฝรั่งเศส]]ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งประพันธ์โดย[[นักเขียน]][[ชาวฝรั่งเศส]]นามว่า [[Gaston Leroux|กาสตง เลอรูซ์]] เป็นนวนิยายแนวโกธิกแบบลึกลับสยองขวัญซึ่งอิงจากเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในโรงอุปรากรการ์นิเย่ของฝรั่งเศส และมีเนื้อหาที่กล่าวถึงความรักสามเส้าระหว่างชายอัปลักษณ์ชื่ออีริค (แฟนธ่อม) คริสตีนคริสติน ดาเอ้ ผู้เป็นนักร้องอุปรากรสาวซึ่งเป็นลูกศิษย์ของเขา และราอูล ซึ่งเรื่องนี้จบลงด้วยโศกนาฏกรรมที่เศร้าสลด
 
จากเนื้อหาที่คลาสสิกของ '''เดอะแฟนธ่อมออฟดิโอเปร่า''' นี้เอง ที่ทำให้มีการนำมาดัดแปลงเป็น[[ภาพยนตร์]], [[ละครเวที]] และ[[เดอะแฟนธ่อมออฟดิโอเปร่า (ละครเพลง)|ละครเพลง]]อยู่บ่อยครั้งตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา และยังมีบทประพันธ์ลูกอีกหลายเรื่อง อาทีเช่น The Phantom (โดย Susan Kay), แฟนท่อมธ่อม ออฟ เดอะ แมนฮัตตั้นแมนฮัตตัน เป็นต้น
 
นิยายเรื่อง เดอะแฟนท่อมออฟดิโอเปร่า นับเป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ด้วย เนื่องจาก กาสตง เลอลูซ์ได้เขียนขึ้นโดยได้แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงโดยนับจากช่วงเวลาที่เขาเขียนนิยายย้อนกลับไปประมาณสามสิบปี ซึ่งเหตุการณ์ที่สร้างความสนใจแก่เลอลูซ์ คือ "การตกลงมาอย่างไม่ทราบสาเหตุของโคมระเย้าระย้า" ระหว่างอุปรากรเรื่อง "เฟ้าส์[[เฟาสต์]]" ซึ่งทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายคนและเสียชีวิตหนึ่งคน, การจมน้ำเสียชีวิตของคนกลุ่มเล็กๆ ในคลองใต้โรงละครอย่างลึกลับ, การเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาของเค้าท์ฟิลลิปป์เคาต์ฟิลลิปป์ซึ่งเป็นผู้อุปถัมภ์โรงละคร และมีการพบศพของเขาที่ปากท่อระบายน้ำ, เรื่องเล่าเกี่ยวกับ "ผี" ในโรงละคร และการที่โรงละครจะต้องสูญเงินอย่างเป็นปริศนามากถึง 20,000 ฟรังส์ต่อเดือนในช่วงนั้น
 
แม้ในนิยาย "ผีแห่งโรงละคร" จะเป็นเรื่องที่พูดกันมากในช่วงเวลานั้นจริงๆ แต่แท้จริงแล้ว เรื่องของผีไม่ใช่เรื่องแพร่หลาย หากเป็นเรื่องที่รู้กันลับๆ เฉพาะในหมู่คนที่ทำงานในโรงอุปรากรเท่านั้น หรืออีกนัยหนึ่งคือ เรื่องของผีตนนี้โด่งดังขึ้นจากนวนิยายของเลอลูซ์นั้นเองรูซ์นั้นเอง
 
กาสตง เลอลูซ์รูซ์ได้แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาเชื่อเรื่องที่เขาเขียน และยังอ้างว่าระหว่างการซ่อมแซมโรงอุปรากรการ์นิเย่ เขาได้พบศพของมนุษย์ ซึ่งเขาแน่ใจว่านั่นคือ อีริค-ผีแห่งโรงละคร โดยอ้างว่าโครงกระดูกนั่นมี "แหวนทองคำเกลี้ยง" สวมที่นิ้ว ซึ่งตรงกับคำบอกเล่าของคนเปอร์เซียที่ว่า "เขาได้รับแหวนทองคำจากคริสติน ดาเอ้ในวันที่เธอทิ้งเขาไป" แต่เลอลูซ์รูซ์ ไม่ได้บอกว่าร่างที่เชื่อว่าเป็นอีริคนั้นถูกย้ายไปไว้ที่ไหน
 
== ตัวละครสำคัญ ==
* '''อีริค''' (Erik-ไม่ปรากฏว่ามีนามสกุล) - บุรุษที่มีน้ำเสียงไพเราะราวกับเทพจากสวรรค์ซึ่งสวนทางกับใบหน้าที่เสียโฉมอย่างรุนแรงจนถึงขั้นอัปลักษณ์ แฝงตัวเองใว้ภายใต้ชื่อ "ปีศาจแห่งโรงอุปรากร (The Phantom of the Opera)" เนื่องจากต้องการหลบหนีความโหดร้ายของสังคมมนุษย์ ซึ่งความโหดร้ายของสังคมมนุษย์นี่เองที่ทำให้เขากลายเป็นคนเสียสติและถูกคนในโรงละครเข้าใจผิดว่าเป็นผี เขาเป็นอัจฉริยะทางดนตรีที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของโรงละคร เขาเป็นผู้ปลุกปั้นคริสตินให้เป็นเพชรเม็ดงามของโรงละครและรักเธอในที่สุด ในนวนิยายบรรยายถึงเขาว่ามีดวงตาสีทอง มีรูปลักษณ์ที่ผอมและบอบบางอย่างมากจนราวกับโครงกระดูกที่มีชีวิตซึ่งลักษณะอันนี้ทำให้เขาเคยถูกจับโชว์ในชื่อ "ซากมีชีวิต" และถูกปฏิบัติราวกับไม่ใช่มนุษย์ ในหนังสือนอกจากเขาจะมีความเป็นอัจฉริยะหลายด้านแล้ว เขายังใช้ภาษาพูดที่มีลักษณะเหมือนตนเองเป็นบุคคลที่สาม คล้ายภาษาพูดของด๊อบบี้ใน[[แฮร์รี่ พอตเตอร์]]
* '''คริสติน ดาเอ้''' (Christine Daaé) - หญิงสาวนักร้องอุปรากรชาวสวีเดน ลูกศิษย์ของอีริค มีดวงตาสีฟ้าและผมสั้นสีบรอนซ์ เธอเชื่อว่าเขาเป็น[[ทูตสวรรค์]]เพราะน้ำเสียงอันไพเราะผิดมนุษย์กับความลึกลับของเขา และความหลงใหลในน้ำเสียงอันไพเราะของเขาและความอยากรู้อยากเห็นก็ทำให้เธอกระชากหน้ากากของเขา ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นนับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของโศกนาฏกรรมก็ว่าได้
* '''ราอูล''' (Raoul, Viscount de Chagny) - บุรุษรูปงามผู้เป็นเพื่อนรักกับคริสตินมาตั้งแต่เด็ก เป็นชายหนุ่มที่ทรงเสน่ห์ และหยิ่งยโสในความงามของตน เขาเป็นน้องชายของเค้าท์ฟิลลิปป์เคาต์ฟิลลิปป์ เดอ ชางยีนี ผู้อุปถัมโรงละครอุปถัมภ์โรงละคร
* '''คนเปอร์เซีย''' ตัวละครสำคัญของเรื่อง เป็นผู้ที่เปิดเผยเรื่องราวของอีริค และอาจจะเรียกได้ว่าเป็นคนเดียวที่อีริคสามารถเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าเป็นเพื่อน เขาเป็นเจ้าของวลีที่ว่า "ยกมือขึ้นระดับสายตา" เพราะหากยกมือขึ้นระดับสายตา ห่วงปันจาบจะลงมาคล้องคอไม่ได้ กาสตรง เลอลูซ์รูซ์ บรรยายถึงเขาว่า "มีผิวสีน้ำตาลเข้มและดวงตาสีเขียวเหมือนหยก" ไม่ปรากฏชื่อในเรื่อง แต่อีริคเรียกเขาว่า "ดาโรก้า" ซึ่งเป็นตำแหน่งหัวหน้าตำรวจของ[[อิหร่าน]] ทำให้สามารถคาดเดาได้ว่าเขาเป็นข้าราชการ เขาเป็นผู้ที่ช่วยอีริคจากความโหดร้าย
* '''มาดามจีรี''' เป็นล่ามคนเดินสารระหว่างอีริคกับโรงอุปรากร เพราะเธอเคยได้รับความช่วยเหลือจากเขามาก่อน และเป็นหนึ่งในบุคคลไม่กี่คนที่นอกจากจะไม่กลัวเขาแล้วยังรู้สึกสงสารเขา เธอเป็นผู้เก็บรักษากล่องดนตรีของอีริคหลังความตายของเขา
* '''เม็ก จีรี''' ลูกสาวของมาดามจีรี เป็นดาวนักบัลเลต์อันดับหนึ่ง เธอมีผมสีดำ ผิวคล้ำ และตาสีดำ เหมือนชาวชวา หรือ ศรีลังกา ซึ่งแตกต่างจากคนฝรั่งเศสทั่วไป(คาดว่าเธอจะเหมือนพ่อ) ซึ่งเป็นปมด้อยที่ทำให้เธอมักพูดถึงตัวเองว่า "ผู้หญิงชั้นต่ำ น่าสมเพช" อีริคเคยทำนายไว้ด้วย[[ไพ่ทารอทว่าท]]ว่า "เธอจะได้เป็น[[จักรพรรดิณีของแม่นี]]ของแม่" และภายหลังเธอได้กลายเป็นภรรยาของขุนนาง ตามที่อีริคเคยทำนาย
* '''เค้าท์ฟิลลิปป์เคาต์ฟิลลิปป์''' (Count Philippe de Chagny) พี่ชายของราอูล มีอายุมากกว่าราอูลถึง 20 ปี และเป็นคนที่ผู้ประพันธ์นิยายอ้างว่าความตายของเขาเป็นเหตุให้ผู้ประพันธ์ค้นหาความจริง และได้พบกับคนเปอร์เซียและมาดามจีรี่รี ซึ่งทั้งคู่ได้เปิดเผยเรื่องราวของอีริค
 
== เรื่องย่อ ==
{{ปรับภาษา}}
คริสตินได้สูญเสียพ่อและแม่จนต้องมาอยู่ที่โรงอุปรากรการ์นิเย่ มีโอกาสได้รับการสอนร้องเพลงจากครูที่ลึกลับที่เห็นพรสวรรค์ของเธอ ซึ่งเธอเรียกเขาว่า "เทวดาแห่งบทเพลง" เพราะความลึกลับและน้ำเสียงที่ไพเราะยิ่งกว่าเสียงของมนุษย์คนใดในโลกที่เธอเคยได้ยินได้ฟัง จากการเคี่ยวเข็ญอย่างจริงจัง ในที่สุดเธอก็เก่งพอที่จะขึ้นร้องเพลงแทนคาล๊อตต้าลอตต้าที่ป่วยได้ ซึ่งเหตุการณ์นั้นประจวบกันที่เคาท์ฟิลลิปป์เคาต์ฟิลลิปป์ได้เข้ามาเป็นผู้อุปถัมป์โรงละครปถัมป์โรงละคร ทำให้ราอูลซึ่งเป็นน้องชายของท่านเคาท์เคาต์ และเป็นเพื่อนวัยเด็กของเธอเกิดจำเธอได้และเข้ามาเชื่อมความสัมพันธ์กับเธอ เหตุการณ์นี้ทำให้อีริคอิจฉาและกลัวว่าจะถูกทิ้งจึงมาแนะนำตัวกับเธอในคืนๆ หนึ่ง และพาเธอไปยังถ้ำใต้ดินของโรงอุปรากรซึ่งเขาใช้เป็นที่ซ่อนตัว และคืนนั้นอีริคจึงได้สารภาพรักกับคริสติน ระหว่างที่ร้องเพลงประสานเสียงกันนั้นเอง คริสตินอดทนต่อความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้และถอดหน้ากากเขาออก ทำให้เธอได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเทวดาของเธอไม่ใช่เทพจากสวรรค์อย่างที่วาดฝันไว้ แต่เป็นชายอัปลักษณ์ที่น่าสังเวชซึ่งถูกสังคมทารุณจนกลายเป็นคนเสียสติ คริสตินหวาดกลัวและขอร้องให้เขาปล่อยเธอไป ซึ่งเขาก็ยอมตาม โดยมีข้อแม้ว่าจะเธอต้องไม่บอกใครแพร่งพรายเรื่องของเขา และจะติดต่อกับเขาตามปกติ
 
ต่อมาราอูลได้แอบได้ยินคริสตินกับอีริคคุยกันในห้องแต่งตัว ด้วยความหึง (เพราะหวงเนื่องจากเสียงของอีริคไพเราะอ่อนหวานมาก) จึงพยายามราอูลพยายามสืบหาว่าคริสตินแอบพบกับใครเป็นการลับๆ กันแน่ จนกระทั่งในงานราตรีหน้ากาก เมื่อคริสตินพาราอูลออกจากงานเลี้ยงเพราะอีริคได้ปรากฏตัวในคราบ "มัจจุราชแดง" (the red Death) เขาจึงคาดคั้นเอากับเธอ และรู้ความจริงว่าภายใต้ชุดมัจจุราชแดงนั้นคือคนบ้า-อัปลักษณ์ (ไม่ใช่หนุ่มน้อยรูปงามอย่างที่กลัว) ที่มีความเป็นอัจฉริยะในตัว ทำให้เขาสบายใจและบอกเธอว่าจะปกป้องเธอ ทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจจะรักกัน และทำให้อีริคที่แอบฟังอยู่เสียใจมาก การพยายามค้นหาความจริงทำให้ราอูลได้รู้เรื่องราวของอิริคจากชายลึกลับชาวเปอร์เซีย ส่วนอีริคนั้น เมื่อทนต่อความเสียใจและอุปสรรคที่บีบเข้ามาทุกทางไม่ได้ อีริคก็ลักพาคริสตินไปขังไว้ที่ถ้ำใต้ดินของโรงอุปรากรและขอร้องไปจนถึงบังคับให้เธอเลือกเขา ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้มีคนตายมากมายจากการกระทำของอีริคซึ่งระหว่างนั้นเคาท์ฟิลลิปป์ก็เป็นหนึ่งในคนที่ตายด้วยคมากมาย (แต่ตายเพราะอุบัติเหตุ)รวมทั้งเคาต์ฟิลลิปป์ ทำให้ราอูลตัดสินใจตามหาเขาเพื่อช่วยคริสตินและล้างแค้น
 
แต่แล้วในที่สุด อีริคก็ได้ไปพบชายชาวเปอร์เซียที่บ้านซึ่งขณะนั้นโกรธมากเพราะคิดว่าคริสตินกับราอูลคงถูกอีริคที่ขาดสติฆ่าทิ้งไปแล้ว และบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทำให้ชายชาวเปอร์เซียเข้าใจในความรักที่อีริคมีต่อคริสติน ซึ่งส่งผลให้ในที่สุดอีริคก็ตัดสินใจปล่อยปลดปล่อยเธอไปเป็นอิสระ ในที่สุดการพบกันครั้งสุดท้าย และระหว่างที่เล่าเรื่อง อีริคทนความซาบซึ้งไม่ได้และร้องไห้ออกมา เพราะเธอที่เขารักคริสตินได้ก้มลงจูบหน้าผากของเขาอย่างไม่รังเกียจ ซึ่งทั้งหมดทำให้ชายอีริคที่พิการทั้งร่างกายและจิตใจได้รับความสุขอย่างแท้จริงเป็นครั้งแรกในชีวิต อีริคทนความซาบซึ้งไม่ได้และร้องไห้ออกมา หลังจากนั้นอีริคก็คก็ตรอมใจ ล้มป่วยเพราะตรอมใจก่อนจะ และเสียชีวิตอย่างน่าสงสารโดดเดี่ยวในอีก 3 สัปดาห์ถัดมา
 
== แหล่งข้อมูลอื่น ==