ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สะบาโต"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
OctraBot (คุย | ส่วนร่วม)
แทนที่คำผ่านการค้นหา: 'ทรงตรัส'→'ตรัส'
บรรทัด 8:
วันสะบาโตเป็นวันเสาร์หรือเป็นวันอาทิต์เป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันของคริสเตียนสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งถือว่าวันสะบาโตเป็นวันเสาร์ กลุ่มนี้เรียกว่ากลุ่มคริสตจักรวันเสาร์หรือที่เรียกกันอย่างคุ้นเคยว่าคริสตจักรเซเว่นเดย์แอดแวนทิส กลุ่มนี้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการถือรักษาวันสะบาโตในวันเสาร์ จะยึดถือปฏิบัติตามกฎระเบียบเรื่องวันสะบาโตตามที่บันทึกในพระคัมภีร์เดิม นอกจากกฎเรื่องวันสะบาโตแล้วกลุ่มคริสตจักรวันเสาร์ก็ยังรักษากฎอื่นๆในพระคัมภีร์เดิมด้วย เช่นกฎเกี่ยวกับอาหาร คริสตจักรวันเสาร์เป็นกลุ่มคริสเตียนที่มีวิถีปฏิบัติที่ใกล้เคียงกับศาสนายูดายมากที่สุด แต่ก็มีกฎบางประการที่คริสตจักรวันเสาร์ไม่ได้ยึดถือปฏิบัติคือ พิธีปัศคาและพิธีสุหนัต ซึ่งพิธีทั้งสองก็เป็นเรื่องสำคัญในระดับเดียวกันกับวันสะบาโต และพระเจ้าก็ทรงบัญชาอย่างหนักแน่นชัดเจนให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกับวันสะบาโต (อพย.๑๒.๑๔ ปฐก.๑๗.๑๐-๑๔) คำถามที่ตามมาก็คือกลุ่มคริสตจักรวันเสาร์ใช้หลักเกณฑ์อะไรในการที่จะเลือกปฏิบัติพระบัญญัติบางประการ และไม่ปฏิบัติตามพระบัญญัติบางประการ
คริสเตียนอีกกลุ่มหนึ่งเชื่อว่าวันสะบาโตคือวันอาทิตย์ กลุ่มคริสเตียนที่ถือว่าวันสะบาโตเป็นวันอาทิตย์คือคริสตจักรคาธอลิคและคริสตจักรส่วนใหญ่ของโปรเตสแตนท์ กลุ่มนี้เชื่อว่าเดิมทีวันสะบาโตเป็นวันเสาร์แต่ต่อมาได้ถูกเปลี่ยนมาเป็นวันอาทิตย์ โดยได้ให้เหตุผลในการเปลี่ยนแปลงไว้สองประการคือ หนึ่งเมื่อจักรพรรดิคอนสแตนตินได้เปลี่ยนจักวรรดิโรมมาเป็นคริสเตียนในศตวรรษที่๔ก็ได้ร่วมกับคริสตจักรประกาศให้เปลี่ยนแปลงวันสะบาโตจากวันเสาร์มาเป็นวันอาทิตย์ คำถามที่ตามมาก็คือว่ามนุษย์เราเอาอำนาจอะไรมาเปลี่ยนแปลงพระบัญญัติของพระเจ้า เหตุผลประการที่สองคือคริสตจักรในยุคอัครทูตก็ได้นมัสการในวันอาทิตย์(๑คร.๑๖.๒ กจ.๒๐.๗) โดยให้เหตุผลว่าสาเหตุที่คริสตจักรนมัสการวันอาทิตย์ก็เพื่อเป็นการรำลึกถึงการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูในวันอาทิตย์ เป็นความจริงที่มีการนมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์ของคริสตจักรในสมัยแรก แต่นี้ก็ไม่ได้มีเหตุผลเพียงพอที่จะอ้างว่าวันสะบาโตได้เปลี่ยนจากวันเสาร์มาเป็นวันอาทิตย์ เพราะเราพบจากพระคัมภีร์ว่าทุกวันเสาร์อัครทูตก็ยังไปที่ธรรมศาลา อีกทั้งคริสตจักรยุคอัครทูตในเวลาเริ่มต้นมีการนมัสการทุกวัน(กจ.๒.๔๖)
วันสะบาโตเป็นวันที่สถาปนาโดยพระเจ้าและพระองค์ทรงตรัสว่าเป็นพันธสัญญาตลอดชั่วชาติพันธุ์ ดังนั้นวันสะบาโตจึงตรงกับวันเสาร์ไม่เคยเปลี่ยนแปลง(เริ่มจากเย็นวันศุกร์จนถึงเย็นวันเสาร์ตามการนับวันของพระคัมภีร์) วันสะบาโตตั้งขึ้นโดยอำนาจของพระเจ้า ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงก็ต้องเปลี่ยนโดยอำนาจของพระเจ้าไม่ใช่อำนาจของคริสตจักรหรือรัฐ และเราไม่เคยพบข้อความใดในพระคัมภีร์ที่แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงเปลี่ยนวันสะบาโตจากวันเสาร์มาเป็นวันอาทิตย์
๒.คริสเตียนต้องถือรักษาวันสะบาโตหรือไม่
ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นคริสเตียนส่วนใหญ่เชื่อว่าตนยังต้องถือรักษาวันสะบาโตอยู่ เพียงแต่บางส่วนยึดถือว่าวันสะบาโตเป็นวันเสาร์และบางส่วนถือว่าวันสะบาโตได้เปลี่ยนจากวันเสาร์มาเป็นวันอาทิตย์ แต่จากนี้ไปจะเป็นเหตุผลและหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าคริสเตียนไม่ได้อยู่ภายใต้พันธสัญญาเรื่องวันสะบาโต คริสเตียนจึงไม่ได้มีหน้าที่ในการถือรักษาวันสะบาโต
บรรทัด 14:
๒.สภาของอัครทูตและผู้ปกครองในกรุงเยรูซาเล็มตามที่บันทึกในพระธรรมกิจการบทที่ ๑๕ มีมติให้คริสเตียนที่เป็นชาวต่างชาติไม่ต้องเข้าพิธีสุหนัตหรือถือตามกฎข้อปฏิบัติของคนอิสราเอล ปัญหาใหญ่ของคริสตจักรยุคแรกเกิดจากความเข้าใจเรื่องข้อปฏิบัติต่างๆในศาสนายูดาย พระเยซูคริสต์ทรงเกิดเป็นชาวยิว อัครทูตและสาวกกลุ่มแรกก็เป็นชาวยิว ความเข้าใจเรื่องพระเจ้าของคริสเตียนก็มีพื้นฐานมาจากพระคัมภีร์เดิมของชาวยิว ดังนั้นจึงมีคริสเตียนกลุ่มใหญ่ที่เชื่อว่าเมื่อคนต่างชาติจะมาเป็นคริสเตียนนั้นจะต้องเข้าพิธีสุหนัตก่อน เพราะพิธีสุหนัตเป็นเหมือนประตูเข้าสู่ศาสนายูดาย เหมือนพิธีบัพติศมาเป็นประตูเข้าสู่ศาสนาคริสต์ และเมื่อรับพิธีสุหนัตแล้วก็ต้องถือรักษาระเบียบพิธีต่างๆแบบคนยิว(กาลาเทีย ๕:๓) แต่ท่านเปาโลและพวกได้ต่อสู้กับความเชื่อดังกล่าวอย่างเต็มที่ ความขัดแย้งนี้จึงถูกนำเข้าสู่ที่ประชุมของสภาอัครทูตและผู้ปกครองในพระธรรมกิจการบทที่ ๑๕ ซึ่งที่ประชุมมีมติให้คริสเตียนต่างชาติไม่ต้องเข้าพิธีสุหนัต และเมื่อไม่ต้องเข้าพิธีสุหนัตก็หมายความว่าไม่ต้องเข้าสู่พันธสัญญาระหว่างคนอิสราเอลกับพระเจ้า ดังนั้นกฎอื่นๆในศาสนายูดายจึงไม่เป็นกฎที่คริสเตียนถูกผูกมัดให้ถือปฏิบัติ เมื่อเราอ่านถึงสิ่งที่คริสเตียนในพระธรรมกิจการกระทำ เราต้องเข้าใจว่ามีวิถีการปฏิบัติที่แตกต่างกันระหว่างคริสเตียนยิวกับคริสเตียนที่เป็นคนต่างชาติ คริสเตียนต่างชาติที่ไม่ใช่ยิวจะถือรักษาเฉพาะพิธีบัพติศมาและมหาสนิท แต่คริสเตียนยิวในฐานะที่เป็นคริสเตียนเขาจะถือรักษาพิธีบัพติศมาและมหาสนิท และในฐานะที่เขาเป็นยิวเขาจะถือพิธีสุหนัต ปัศคาและถือรักษาวันสะบาโตด้วย ในพระธรรมกิจการบทที่๒๑ ข้อ๑๗-๒๖ ท่านเปาโลถูกกล่าวหาว่าสั่งสอนคนยิวในต่างแดนให้ละทิ้งวิถีปฏิบัติของยิว แต่เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ท่านจึงต้องทำการบนตัวตามหลักของพระบัญญัติที่พระวิหารเพื่อแสดงว่าท่านเองก็ยังปฏิบัติตามวิถีของคนยิวอย่างเคร่งครัด เพราะท่านก็เป็นยิวด้วย
๓.มีหลักฐานจากข้อพระคัมภีร์ที่ต่อต้านคำสอนเรื่องให้คริสเตียนต่างชาติถือรักษาวันสะบาโต ในโคโลสี บทที่ ๒ ข้อ๑๖ กล่าวว่า”เหตุฉะนั้นอย่าให้ผู้ใดพิพากษาปรักปรำท่านในเรื่องการกินการดื่ม ในเรื่องเทศกาล วันต้นเดือน หรือวันสะบาโต”(พระธรรมโคโลสีเป็นจดหมายของเปาโลที่เขียนถึงคริสเตียนในเมืองโคโลสีซึ่งไม่ได้เป็นคนยิว) และเราก็ไม่เคยพบว่าพระคริสต์หรืออัครทูตได้มีคำสั่งให้คริสเตียนถือรักษาวันสะบาโตสักครั้งเดียว ถ้าหากว่าคำสอนเรื่องการถือรักษาวันสะบาโตเป็นเรื่องสำคัญพระคริสต์และอัครทูตก็ย่อมต้องกล่าวถึงเรื่องนี้หลายครั้ง การที่พระคริสต์และอัครทูตไม่เคยสั่งการให้ถือรักษาวันสะบาโตก็ย่อมแสดงว่าเรื่องวันสะบาโตไม่ใช่หน้าที่ของคริสเตียนที่จะต้องถือปฏิบัติ
ในสมัยพระเยซูคริสต์ชาวยิวกับชาวสะมาเรียถกเถียงกันเรื่องสถานที่ที่ถูกต้องในการนมัสการพระเจ้า ชาวสะมาเรียเชื่อว่าภูเขาเกริชิมคือสถานที่ซึ่งพระเจ้าทรงกำหนดไว้เพื่อเป็นสถานนมัสการ ส่วนชาวยิวเชื่อว่าพระเจ้าทรงกำหนดกรุงเยรูซาเล็มให้เป็นที่ตั้งของพระวิหารเพื่อการนมัสการ แต่พระคริสต์ทรงตรัสสอนในพระธรรมยอห์นบทที่ ๔ ว่าสาระสำคัญของการนมัสการไม่ไม่เรื่องสถานที่แต่เป็นท่าทีของเราในการนมัสการ พระเยซูสอนว่าการนมัสการที่แท้จริงเป็นการนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง ในปัจจุบันเราก็ถกเถียงกันเรื่องว่าวันใดคือวันที่พระเจ้าทรงตั้งไว้เพื่อการนมัสการพระองค์ บางคนก็ว่าวันเสาร์ บางคนก็ว่าวันอาทิตย์ แต่พระคริสต์ก็ทรงตรัสเหมือนเดิมว่าสาระสำคัญของการนมัสการไม่ได้อยู่ที่วันเสาร์หรือวันอาทิตย์ สาระสำคัญคือการนมัสการด้วยท่าทีที่ถูกต้องคือนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง
ผู้เขียน ชวน พันธสัญญากุล
[[หมวดหมู่:วันสำคัญทางศาสนาคริสต์]]
เข้าถึงจาก "https://th.wikipedia.org/wiki/สะบาโต"