ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สงครามดอกกุหลาบ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Nullzerobot (คุย | ส่วนร่วม)
ลบลิงก์ที่ซ้ำซ้อน wikidata
OctraBot (คุย | ส่วนร่วม)
แทนที่คำผ่านการค้นหา: 'ทรงมีพระ'→'มีพระ'
บรรทัด 84:
ระหว่างรัชสมัยอันสั้นพระเจ้าเฮนรีที่ 5 ก็ทรงประสบการคิดร้ายต่อพระองค์ครั้งหนึ่งใน[[การคบคิดเซาท์แธมตัน]] (Southampton Plot) ที่นำโดย[[ริชาร์ดแห่งโคนิสเบิร์ก เอิร์ลแห่งเคมบริดจ์ที่ 3]] (Richard of Conisburgh, 3rd Earl of Cambridge) บุตรชายของ[[เอ็ดมันด์แห่งแลงลีย์ ดยุกแห่งยอร์คที่ 1]] พระราชโอรสองค์ที่ 5 ของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แต่การคบคิดไม่ประสบความสำเร็จ เอิร์ลแห่งเคมบริดจ์ถูกประหารชีวิตในปี ค.ศ. 1415 ในข้อหา[[กบฏต่อแผ่นดิน]] ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการรณรงค์ที่นำไปสู่[[ยุทธการอาแฌงคูร์ต]] (Battle of Agincourt) ภรรยาของเอิร์ลแห่งเคมบริดจ์[[แอนน์ เดอ มอร์ติเมอร์]] ก็มีสิทธิในการอ้างสิทธิในราชบัลลังก์เพราะเป็นลูกสาวของ[[โรเจอร์ มอร์ติเมอร์ เอิร์ลแห่งมาร์ชที่ 4]] ซึ่งเท่ากับสืบเชื้อสายมาจากไลโอเนลแห่งอันท์เวิร์พ เอ็ดมันด์พี่ของแอนน์เป็นผู้มีความจงรักภักดีต่อเฮนรีเสียชีวิตโดยไม่มีบุตรฉะนั้นสิทธิของเอ็ดมันด์จึงผ่านต่อมายังแอนน์
 
[[ริชาร์ด แพลนแทเจเนต ดยุกที่ 3 แห่งยอร์ก|ริชาร์ด]] ลูกของเอิร์ลแห่งเคมบริดจ์และแอนน์ เดอ มอร์ติเมอร์เพิ่งมีอายุได้ 4 ปีเมื่อบิดาถูกประหารชีวิต ตำแหน่ง[[ดยุกแห่งยอร์ก]]จึงตกมาเป็นของริชาร์ดจากพี่ชายคนโตของเอิร์ลแห่งเคมบริดจ์[[เอ็ดเวิร์ดแห่งนอริช ดยุกแห่งยอร์กที่ 2]] (Edward of Norwich, 2nd Duke of York) ผู้เสียชีวิตในการต่อสู้เคียงข้างกับพระเจ้าเฮนรีที่ 5 ใน[[ยุทธการที่อาแซ็งกูร์]] แม้ว่าทรัพย์สินของเอิร์ลแห่งเคมบริดจ์จะถูกริบ แต่ต่อมาพระเจ้าเฮนรีพระราชทานพระราชานุญาตให้ริชาร์ดได้รับบรรดาศักดิ์และพระราชทานดินแดนที่เป็นของลุงที่เสียชีวิตไปโดยไม่มีบุตร พระเจ้าเฮนรีผู้ทรงมีพระอนุชาสามพระองค์และทรงเป็นผู้มีพระสุขภาพพลานามัยดีไม่มีเหตุผลใดใดที่จะต้องทรงวิตกถึงความมั่นคงของราชวงศ์แลงคาสเตอร์ในการครองราชบัลลังก์ แต่หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระองค์แล้วพระราชโอรสองค์เดียวที่มีก็เป็นผู้นำผู้ไม่มีประสิทธิภาพ และพระอนุชาก็ไม่มีบุตรธิดาที่มีสิทธิซึ่งทำให้เหลือแต่ลูกพี่ลูกน้องห่างๆ ของตระกูลโบฟอร์ทที่อาจจะเป็นรัชทายาทได้ ฉะนั้นการอ้างสิทธิของ[[ริชาร์ด แพลนแทเจเนต ดยุกที่ 3 แห่งยอร์ก|ริชาร์ด ดยุกแห่งยอร์ก]]จึงกลายเป็นสิ่งสำคัญ และในที่สุดราชบัลลังก์ก็เปลี่ยนมือไปเป็นของ[[ราชวงศ์ยอร์ก]]
 
== พระเจ้าเฮนรีที่ 6 ==
บรรทัด 93:
ในที่สุดดยุกแห่งซัฟโฟล์กก็สามารถกำจัดฮัมฟรีย์ ดยุกแห่งกลอสเตอร์สำเร็จโดยการจับในข้อหากบฏ ฮัมฟรีย์เสียชีวิตในปี [[ค.ศ. 1447]] ขณะที่รอการพิจารณาคดีในศาล แต่เมื่อสถานะการณ์ในฝรั่งเศสผันผวนไปดยุกแห่งซัฟโฟล์คก็ถูกปลดจากตำแหน่งและถูกฆาตกรรมระหว่างที่พยายามหนีไปหลบภัย ดยุกแห่งซัมเมอร์เซตขึ้นมามีอำนาจแทนในฐานะผู้นำผู้พยายามหาความสันติกับฝรั่งเศส แต่ดยุกแห่งยอร์กผู้ได้รับหน้าที่เป็นผู้บังคับบัญชาทหารแห่งฝรั่งเศส (Lieutenant in France) ต่อจากดยุกแห่งเบดฟอร์ดผู้เป็นผู้นำฝ่ายที่ต้องการทำสงครามกับฝรั่งเศสต่อไปวิพากษ์วิจารณ์ราชสำนักและโดยเฉพาะดยุกแห่งซัมเมอร์เซ็ทว่าจำกัดเงินทุนและกำลังคนระหว่างที่พยายามต่อสู้อยู่ในฝรั่งเศส
 
พระเจ้าเฮนรีที่ 6 แทบจะไม่มีส่วนร่วมในความขัดแย้งต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยความคิดเห็นทั่วไปแล้วทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่อ่อนแอไม่มีสมรรถภาพ นอกจากนั้นก็ยังทรงมีพระอาการเสียพระสติเป็นระยะ ๆ ซึ่งอาจจะเป็นอาการที่เป็นกรรมพันธุ์มาจาก[[พระเจ้าชาลส์ที่ 6 แห่งฝรั่งเศส]] พระอัยกาเมื่อมาถึงปี [[ค.ศ. 1450]] ก็เป็นที่ตกลงกันว่าไม่ทรงมีความสามารถในการทำหน้าที่เป็นพระพระมหากษัตริย์ได้อีกต่อไป
 
ในปี [[ค.ศ. 1450]] ก็เกิดการปฏิวัติในเค้นท์ที่เรียกว่าการปฏิวัติของแจ็ก เคด (Jack Cade) ข้อร้องทุกข์ของผู้ปฏิวัติคือการถูกขูดรีดจากข้าราชสำนักบางคนของรัฐบาลและความไม่มีประสิทธิภาพของราชสำนักในการปกป้องสิทธิของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าในระดับใด ผู้ปฏิวัติเข้ามายึดบางส่วนของลอนดอนแต่ถูกประชาชนลอนดอนขับไล่ออกไปเพราะเที่ยวมาปล้นโขมย ฝ่ายก่อการสลายตัวไปหลังจากได้รับคำสัญญาว่าจะไม่ถูกลงโทษรวมทั้งเคด แต่เคดถูกประหารชีวิตต่อมา<ref>Rowse, pp.123-124</ref>
บรรทัด 113:
ในระยะแรกทั้งสองฝ่ายต่างก็ตกตลึงต่อการมีการต่อสู้ที่เกิดขึ้นจริงๆ และต่างฝ่ายต่างก็พยายามหาทางปรองดองกัน แต่ในที่สุดสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เกิดปัญหาก็หวนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวกับผู้ใดเป็นผู้มีสิทธิในราชบัลลังก์ระหว่างดยุกแห่งยอร์คและพระเจ้าเฮนรีและ[[เอ็ดเวิร์ดแห่งเวสต์มินสเตอร์ เจ้าชายแห่งเวลส์|เอ็ดเวิร์ด]]พระราชโอรสของพระเจ้าเฮนรี มาร์กาเร็ตไม่ทรงยอมรับข้อตกลงใดๆ ที่จะเป็นการยกเลิกสิทธิของเอ็ดเวิร์ดจากราชบัลลังก์ และเป็นที่เห็นชัดได้ว่าจะไม่ทรงยอมตราบใดที่ดยุกแห่งยอร์กและฝักฝ่ายของพระองค์ยังคงมีอำนาจทางทหารอยู่
 
ในเดือนกุมภาพันธ์ [[ค.ศ. 1456]] พระเจ้าเฮนรีก็ทรงมีพระอาการดีขึ้นและทรงสามารถกลับมาทำหน้าที่เป็นพระมหากษัตริย์ได้ ซึ่งทำให้ดยุกแห่งยอร์กไม่ต้องมีหน้าที่เป็น “ผู้อารักขา” อีกต่อไป<ref>Rowse, p.136</ref> ในฤดูใบไม้ร่วงในปีเดียวกันพระเจ้าเฮนรีก็เสด็จประพาสบริเวณมิดแลนด์ซึ่งเป็นบริเวณที่พระองค์ทรงเป็นที่นิยม มาร์กาเร็ตไม่ทรงยอมให้พระเจ้าเฮนรีเสด็จกลับลอนดอนที่พ่อค้าในเมืองต่างก็มีความไม่พึงพอใจต่อความเสื่อมโทรมทางการค้าและบ้านเมืองที่ขาดระบบ พระองค์จึงทรงตั้งราชสำนักขึ้นที่โคเวนทรี ขณะนั้น[[เฮนรี โบฟอร์ก ดยุกที่ 3 แห่งซัมเมอร์เซต|ดยุกแห่งซัมเมอร์เซ็ท]]ก็กลายมาเป็นคนโปรด ขณะเดียวกันมาร์กาเร็ตก็ทรงหว่านล้อมให้เฮนรีปลดข้าราชสำนักต่างๆ ที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นเมื่อดยุกแห่งยอร์กเป็น “ผู้อารักขา” ออก ขณะที่ดยุกถูกเรียกตัวให้กลับไปเป็นข้าหลวงแห่ง[[ไอร์แลนด์]]
 
ความระส่ำระสายต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็รวมทั้งความวุ่นวายในเมืองหลวง การต่อสู้ทางตอนเหนือของอังกฤษระหว่างตระกูลเนวิลล์และตระกูลเพอร์ซีย์ที่เริ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่ง<ref name=Rowse138>Rowse, p.138</ref>) นอกจากนั้นทางด้านใต้ของประเทศการถูกโจมตีโดยโจรสลัดก็เพิ่มมากขึ้น แต่พระเจ้าเฮนรีและพระนางมาร์กาเร็ตก็มัวแต่ทรงพะวงกับการรักษาตำแหน่งของพระองค์ โดยมาร์กาเร็ตทรงเริ่มใช้[[การเกณฑ์ทหาร]]ขึ้นเป็นครั้งแรกในอังกฤษ ขณะที่พันธมิตรของฝ่ายยอร์ค[[ริชาร์ด เนวิลล์ เอิร์ลที่ 16 แห่งวอริก|เอิร์ลแห่งวอริก]] หรือที่ต่อมารู้จักกันในนามว่า “ผู้สร้างกษัตริย์” ก็เริ่มเป็นที่นิยมกันมากขึ้นในกรุงลอนดอนในฐานะผู้สนับสนุนผลประโยชน์ของพ่อค้า