ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โยฮัน เซบัสทีอัน บัค"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
MerlIwBot (คุย | ส่วนร่วม)
โรบอต เพิ่ม: min:Johann Sebastian Bach
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 2:
[[ไฟล์:JSBach.jpg|thumb|250px|right|โยฮันน์ เซบาสเตียน บาค, ปี [[พ.ศ. 2291]] วาดโดย อีเลียส ก็อตลอบ เฮาส์มันน์ (Elias Gottlob Haussmann)]]
 
'''โยฮันน์ เซบาสเตียน บาค''' ({{lang-de|Johann Sebastian Bach}}) เป็น[[คีตกวี]]และนัก[[ออร์แกน]]ชาว[[ประเทศเยอรมนี|เยอรมัน]] เกิดเมื่อวันที่ [[21 มีนาคม]] [[พ.ศ. 2228]] (ค.ศ. 1685) ในครอบครัวนักดนตรี ที่เมือง[[ไอเซนนาค]]
บาคแต่งเพลงไว้มากมายโดยดั้งเดิมเป็นเพลงสำหรับใช้ในโบสถ์ เช่น "แพชชั่น" บาคถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ [[28 กรกฎาคม]] [[พ.ศ. 2293]] ที่เมือง[[ไลพ์ซิกไลพ์ซิจ]]
 
บาคเป็นนักประพันธ์ดนตรี[[สมัยบาโรค]] เขาสร้างดนตรีของเขาจนกลายเป็นเอกลักษณ์ของยุคสมัย บาคมีอิทธิพลอย่างสูงและยืนยาวต่อการพัฒนา[[ดนตรีตะวันตก]] แม้แต่นักประพันธ์เพลงผู้ยิ่งใหญ่เช่น [[โวล์ฟกัง อะมาเดอุส โมซาร์ท|โมซาร์ท]] และ [[ลุดวิจ ฟาน เบโทเฟน|เบโธเฟนเบโทเฟน]] ยังยอมรับบาคในฐานะปรมาจารย์
 
งานของบาคโดดเด่นในทุกแง่ทุกมุม ด้วยความพิถีพิถันของบทเพลงที่เต็มไปด้วย [[ท่วงทำนอง]] [[เสียงประสาน]] หรือ [[เทคนิคการสอดประสานกันของท่วงทำนองต่าง ๆ]] รูปแบบที่สมบูรณ์แบบ เทคนิคที่ฝึกฝนมาเป็นอย่างดี การศึกษาค้นคว้า แรงบันดาลใจอันเต็มเปี่ยม รวมทั้งปริมาณของบทเพลงที่แต่ง ทำให้งานของบาคหลุดจากวงจรทั่วไปของงานสร้างสรรค์ที่ปกติแล้วจะเริ่มต้น เจริญเติบโตถึงขีดสุด แล้วเสื่อมสลาย นั่นคือไม่ว่าจะเป็นเพลงที่บาคได้ประพันธ์ไว้ตั้งแต่วัยเยาว์ หรือเพลงที่ประพันธ์ในช่วงหลังของชีวิตนั้นจะมีคุณภาพทัดเทียมกัน
บรรทัด 34:
 
=== ไลป์ซิก ===
ระหว่างปี [[พ.ศ. 2268]](ค.ศ.1725) ถึง [[พ.ศ. 2293]](ค.ศ.1750) หรือเป็นระยะเวลากว่า 25 ปีที่บาคพำนักอยู่ที่เมืองไลพ์ซิกไลพ์ซิจ บาคได้สืบทอดตำแหน่งผู้อำนวยการดนตรีของโบสถ์เซนต์ โธมัส ใน[[นิกายลูเธอรัน]] ต่อจาก[[โยฮันน์ คูห์นาว]] เขาเป็นครูสอนดนตรีและ[[ภาษาละติน]] แต่ก็ยังต้องประพันธ์เพลงจำนวนมากให้กับโบสถ์ โดยมีบทเพลง[[คันตาต้า]] (Cantata) ทุกวันอาทิตย์และวันนักขัตฤกษ์ ในขณะดำรงตำแหน่งนี้ เขาได้ประพันธ์คันตาต้าไว้กว่า 126 บท แต่บทเพลงดังกล่าวมักจะไม่ได้รับการถ่ายทอดออกมาอย่างที่ควรเนื่องจากขาดแคลนเครื่องดนตรี และนักดนตรีที่มีฝีมือ
 
บาคได้ใช้แนวทางเดิมในการประพันธ์บทเพลงใหม่ ๆ แต่ความเป็นอัจฉริยะ ความคิดสร้างสรรค์ และความฉลาดของเขาทำให้ผลงานทุกชิ้นมีเอกลักษณ์ และถูกนับเป็นหนึ่งในผลงานยอดเยี่ยมแห่งประวัติศาสตร์[[ดนตรีตะวันตก]] โดยเฉพาะ ''"เซนต์แมทธิวแพชชั่น"'' ''"แมส ในบันไดเสียงบีไมเนอร์"'' ''"เว็ลเท็มเปอร์คลาเวียร์"'' ''"มิวสิกคัล ออฟเฟอริ่ง"'' ดนตรีของบาคหลุดพ้นจากรูปแบบทั่วไป โดยที่เขาได้ใช้ความสามารถของเขาอย่างเต็มพิกัด และถ่ายทอดออกมาเป็นบทเพลงจนถึงขีดสุดของความสมบูรณ์แบบ
บรรทัด 45:
ปรากฏการณ์นิยมแนวดนตรีใหม่นี้ก็เกิดกับ[[โวล์ฟกัง อมาดิอุส โมซาร์ท]]เช่นกัน จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อ[[บารอน]]ฟาน สวีเทน ผู้หลงใหลใน[[ดนตรีบาโรค]]และมีห้องสมุดส่วนตัวสะสมบทเพลงบาโรคไว้เป็นจำนวนมาก ได้ให้[[โวล์ฟกัง อมาดิอุส โมซาร์ท|โมซาร์ท]]ชมผลงานอันยิ่งใหญ่ของบาคบางส่วน ทำให้ความมีอคติต่อดนตรีบาโรคของ[[โวล์ฟกัง อมาดิอุส โมซาร์ท|โมซาร์ท]]นั้นถูกทำลายไปสิ้น จนถึงขั้นไม่สามารถประพันธ์ดนตรีได้ตลอดช่วงระยะเวลาหนึ่ง เมื่อเขาสามารถยอมรับมรดกทางดนตรีของบาคได้แล้ว วิธีการประพันธ์ดนตรีของเขาก็เปลี่ยนไป ราวกับว่าบาคมาเติมเต็มรูปแบบทางดนตรีให้แก่เขา โดยที่ไม่ต้องละทิ้งรูปแบบส่วนตัวแต่อย่างใด ตัวอย่างผลงานของ[[โวล์ฟกัง อมาดิอุส โมซาร์ท|โมซาร์ท]]ที่ได้รับอิทธิพลของบาคก็เช่น ''"เพลงสวดศพ[[เรเควียม]]"'' ''"[[ซิมโฟนี]]จูปิเตอร์"'' ซึ่งท่อนที่สี่เป็น[[ฟิวก์]]ห้าเสียง ที่ประพันธ์ขึ้นโดยใช้[[เทคนิคการสอดประสานกันของท่วงทำนองต่างๆ]] รวมทั้งบางส่วนของ[[อุปรากร]]เรื่อง''"ขลุ่ยวิเศษ"''
 
[[ลุดวิก ฟาน เบโธเฟนเบโทเฟน]]รู้จักบทเพลงสำหรับ[[คลาวิคอร์ด]]ของบาคเป็นอย่างดี จนสามารถบรรเลงบทเพลงส่วนใหญ่ได้ขึ้นใจ ตั้งแต่วัยเด็ก
 
สำหรับประชาชนทั่วไปแล้ว ความเป็นอัจฉริยะของบาคไม่ได้เป็นที่รู้จักต่อสาธารณชน จนกระทั่งใน[[คริสต์ศตวรรษที่ 19]] อันเนื่องมาจากความพยายามของ[[เฟลิกซ์ เม็นเดลโซห์น]] ผู้สืบทอดตำแหน่งผู้อำนวยการดนตรีที่โบสถ์เซนต์โธมัส แห่งเมือง[[ไลพ์ซิกไลพ์ซิจ]] นับแต่นั้นเป็นต้นมา ผลงานของบาคที่ยืนยงคงกระพันต่อการเปลี่ยนแปลงของรสนิยมทางดนตรี ก็ได้กลายเป็นหลักอ้างอิงที่มิอาจหาผู้ใดเทียมทานได้ในบรรดาผลงาน[[ดนตรีตะวันตก]]
 
ในช่วง[[คริสต์ทศวรรษที่ 30]] ที่เมือง[[ไลพ์ซิกไลพ์ซิจ]] [[คาร์ล สโตรป]] ได้คิดค้นวิธีบรรเลงบทเพลงของบาคในรูปแบบใหม่ โดยการใช้เครื่องดนตรีที่มีประสิทธิภาพมากกว่า และใช้วงขับร้องประสานเสียงในแบบที่ยืดหยุ่นกว่าที่บรรเลงและขับร้องกันใน[[คริสต์ศตวรรษที่ 19]] เขายังได้บรรเลงบทเพลงทางทฤษฎี เป็นต้นว่า ''อาร์ต ออฟ[[ฟิวก์]]'' (โดยใช้วง[[ดุริยางค์]]ประกอบด้วย) ผลสัมฤทธิ์ของแนวทางใหม่นี้ได้เห็นเป็นรูปธรรมใน[[คริสต์ทศวรรษที่ 50]] โดยมีนักดนตรีอย่าง[[กุสตาฟ เลออนฮาร์ท]]และบรรดาลูกศิษย์ลูกหาของเขา รวมถึง[[นิโคเลาส์ อาร์นองกูต์]] โดยที่[[กุสตาฟ เลออนฮาร์ท]]และ[[นิโคเลาส์ อาร์นองกูต์]]เป็นนักดนตรีคนแรกๆที่บันทึกเสียงบทเพลง[[คันตาต้า]]ของบาคครบทุกบท
 
แม้ว่าดนตรีของบาคจะถูกตีความในลักษณะอื่น เช่น แจ๊ส (บรรเลงโดย[[ฌาค ลูสิเยร์]](Jaques Loussier) หรือ [[เวนดี คาร์ลอส]]) บรรเลงโดยใช้เครื่องดนตรีประเภทอื่น หรือถูกดัดแปลงเป็น[[แจ๊ส]] มันก็ยังคงเอกลักษณ์เดิมไว้ ราวกับว่าโครงสร้างของบทเพลงที่โดดเด่นทำให้สิ่งอื่น ๆ กลายเป็นแค่ส่วนประกอบเท่านั้น
บรรทัด 61:
* « ดนตรีของบาคมีแนวโน้มจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิต มีชีพจร และอารมณ์ความรู้สึก» ปิแอร์ วิดาล
* « มีบาคก่อน...แล้วจึงมีคนอื่นๆตามมา » พาโบล คาซาลส์
* « ถึงแม้ข้าพเจ้าจะมีความรักในศิลปินคนอื่น – ไม่ได้รัก[[ลุดวิก ฟาน เบโธเฟนเบโทเฟน|เบโธเฟนเบโทเฟน]] และ[[โวล์ฟกัง อมาดิอุสอะมาเดอุส โมซาร์ท|โมซาร์ท]]น้อยไปกว่ากัน – ข้าพเจ้าก็ไม่อาจเห็นด้วยกับคำกล่าวของคาซาลส์ได้ บาคโดดเด่นกว่าพวกเขาเหล่านั้นทั้งหมด » ปอล โทเทลลิเยร์
 
== บทประพันธ์ที่สำคัญ ==