ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ศึกมายากลหยุดโลก"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Caragio (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 27:
นวนิยายจดหมายเหตุของพริสท์ ได้รับการดัดแปลงสู่จอภาพยนตร์โดย คริสโตเฟอร์ โนแลน กับ โจนาธาน ผู้เป็นน้องชาย โดยใช้โครงสร้างในการเล่าเรื่องแบบไม่ให้ผู้ชมคาดเดาได้ และภาพยนตร์ชุดนี้ได้รับการเปิดตัว ณ วันที่ 20 ตุลาคม ค.ศ. 2006 โดยได้รับการตอบรับในเชิงบวกรวมถึงสามารถทำยอดในบ็อกซ์ออฟฟิศได้อย่างเกริกไกร ตลอดจนได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง[[รางวัลออสการ์]]สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและกำกับศิลป์ยอดเยี่ยม
 
== เนื้อเรื่องย่อ ==
 
เป็นเรื่องราวของสองนักมายากลที่พยายามสร้างชื่อเสียงให้แก่ตนเอง โรเบิร์ต แองกิเออร์ (นำแสดงโดย [[ฮิวจ์ แจ็คแมน]]) ซึ่งจิตใจละเอียดอ่อนมีความปรารถนาให้การแสดงของตนเป็นเลิศ ในขณะที่ อัลเฟรด บอร์เดน (นำแสดงโดย [[คริสเตียน เบล]]) ซึ่งเป็นนักมายากลเจ้าระเบียบแต่ไร้ความสามารถในการแสดงกลที่เขาได้คิดค้น ในช่วงแรก พวกเขาเป็นเพื่อนกัน แต่เมื่อการแสดงกลครั้งใหญ่ได้เกิดความผิดพลาด พวกเขาก็กลายเป็นศัตรูกันโดยถาวร ซึ่งต่างฝ่ายต่างชิงดีชิงเด่น และทวีความดุเดือดในการแสดง ด้วยการพยายามใช้พลังมหัศจรรย์ใหม่ๆเพิ่มเติม จากผลงานนวัตกรรมทางไฟฟ้าของ[[นิโคลา เทสลา]] ในขณะที่ชีวิตของบุคคลรอบตัวพวกเขา ล้วนอยู่ในสถานะที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย
เรื่องราวของสองนักมายากลผู้มากความสามารถ อัลเฟรด บอร์เด็น (นำแสดงโดย[[คริสเตียน เบล]]) และโรเบิร์ต แองเจียร์ (นำแสดงโดย[[ฮิวจ์ แจ๊คแมน]]) ในช่วงเริ่มต้นอาชีพ ทั้งคู่ทำงานเป็นผู้ช่วยให้กับยอดนักมายากลมิลตัน แต่ครั้งหนึ่งระหว่างการแสดง แองเจียร์สูญเสียภรรยาของตนไประหว่างการแสดงกลจมน้ำ เขาโทษบอร์เด็นเป็นต้นเหตุว่าแอบทดลองผูกเงื่อนชนิดใหม่ซึ่งแก้ออกได้ยาก แม้บอร์เด็นจะอ้างว่าเขาจำไม่ว่าผูกเงื่อนแบบใด แต่ทั้งสองก็กลายเป็นศัตรูกันนับแต่นั้นเป็นต้นมา
 
บอร์เด็นได้พบรักกับหญิงสาวคนหนึ่งระหว่างทำการแสดง และเริ่มเปิดการแสดงของตนเองในชื่อ "ยอดศาสตราจารย์" โดยมีเบอร์นาร์ด เฟลอน ชายลึกลับเป็นวิศวกรประจำตัว แม้บอร์เด็นจะมีพรสวรรค์ด้านมายากลและการคิดค้นเทคนิคใหม่ๆ แต่ขาดวิธีการนำเสนอที่ดี ทำให้การแสดงของเขาไม่เป็นที่นิยมเท่าที่ควร และยิ่งความทุ่มเทกับงานจนเกินไป ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและภรรยาเริ่มระหองระแหงทีละน้อย ส่วนแองเจียร์นั้นเป็นคนที่มีความสามารถในการแสดงและให้ความบันเทิง ผู้ชมจึงชื่นชอบมาก เขาเปิดการแสดงในชื่อ "ดังตงผู้ยิ่งใหญ่" ร่วมกับจอห์น คัตเตอร์ ([[ไมเคิล เคน]]) วิศวกรที่เขาคุ้นเคยตั้งแต่เริ่มต้นอาชีพ และยังมีโอลิเวีย ภรรยาคนใหม่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย การแสดงของแองเจียร์จึงมีชื่อเสียงขึ้นเรื่อยๆ
 
อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ต่างมีความแค้นต่อกันไม่จบสิ้น แองเจียร์เริ่มต้นแก้แค้นด้วยการแอบใส่กระสุนจริงลงในกล "จับกระสุน" ของบอร์เด็น ทำให้กลผิดพลาดและบอร์เด็นต้องสูญเสียนิ้วมือ ส่วนบอร์เด็นก็เอาคืนโดยการดัดแปลงกรงนกที่ใช้แสดงกล "นกในกรงมรณะ" เป็นผลให้กรงนกหนีบมือผู้ชมบาดเจ็บ และเสียชื่อเสียงไปไม่น้อย
 
ในขณะเดียวกัน บอร์เด็นก็เริ่มนำเสนอกลใหม่ของเขาที่ชื่อ "กลย้ายร่าง" ซึ่งเป็นการเข้าไปในตู้ใบหนึ่งแล้วก้าวออกมาจากตู้อีกใบอยู่ห่างออกไปในพริบตา คัตเตอร์ให้แองเจียร์แสดงกลแบบเดียวกันโดยใช้นักแสดงหน้าเหมือนที่ชื่อรูท และนำเสนอด้วยประตูโล่งๆแทนที่จะเป็นตู้ทึบ การแสดงของแองเจียร์ได้รับความนิยมมาก แต่แองเจียร์กลับไม่ชอบใจ เนื่องจากกลไกของกลนี้ในตอนท้ายสุดเขาต้องลงไปอยู่ใต้เวที และไม่มีโอกาสได้มองเห็นผู้ชมที่กำลังปรบมือให้เขาเลย
 
แองเจียร์พยายามหาคำตอบว่าบอร์เด็นใช้วิธีใดกันแน่ เขาให้โอลิเวียร์แกล้งทำเป็นหลงรักบอร์เด็น และไปขโมยสมุดบันทึกความลับของกลมาให้ ในสมุดนั้นเขียนด้วยรหัส ซึ่งแองเจียร์ถอดรหัสคำหนึ่งได้ว่า TESLA เขาจึงเดินทางไปที่โคโลราโด สปริงส์ ที่ซึ่งนักวิทยาศาสตร์[[นิโคลา เทสล่า]]([[เดวิด โบวี่]]) กำลัง ทดลองเครื่องมืออยู่ เพื่อว่าจ้างให้เทสล่าประดิษฐ์เครื่องมือสำหรับกลย้ายร่างให้เขา
 
ทางด้านบอร์เด็นซึ่งลุ่มหลงอยู่แต่กับมายากล และการเข้ามีโอลิเวียเข้ามาพัวพัน สุดท้ายซาร่าห์ ภรรยาของเขาก็แขวนคอตาย แองเจียร์ถอดรหัสสมุดบันทึกของบอร์เด็นจนเสร็จ และได้พบข้อความที่บอร์เด็นซ่อนไว้ว่าแท้จริงแล้วโอลิเวียได้หักหลังและส่งข้อความหลอกๆ เพื่อล่อให้แองเจียร์เสียเงินมากมายไปกับเครื่องมือของเทสล่า อย่างไรก็ตาม แองเจียร์พบว่าเครื่องมือนั้นทำงานได้จริง แต่แทนที่จะเคลื่อนย้ายวัตถุ เครื่องมือนั้นกลับสร้างวัตถุใหม่ขึ้นมาอีกชิ้นเลย คัตเตอร์ไม่เห็นด้วยกับวิธีการของแองเจียร์ และย้ำว่าบอร์เด็นนั้นใช้เพียงนักแสดงหน้าเหมือนเท่านั้น ก่อนที่จะลาออกจากการเป็นวิศวกรของแองเจียร์
 
แองเจียร์กลับมาที่ลอนดอน และเปิดการแสดงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชื่อ "กลย้ายร่างฉบับแท้จริง" โดยใช้เครื่องมือนั้นจำลองตนเองขึ้นมาอีกคน ซึ่งในการแสดงจริง จะมีแองเจียร์เพียงคนเดีวเท่านั้นที่ได้ยืนอยู่บนเวที ส่วนอีกคนหนึ่งจะต้องตกลงไปจมน้ำเสียชีวิต (โดยที่ตัวเขาเองก็ไม่ทราบว่าเขาหรือร่างจำลองที่จะต้องตกลงไป) แองเจียร์เปิดการแสดงทั้งหมด 100 รอบ และว่าจ้างคนตาบอดเป็นผู้นำเอาร่างที่จมน้ำของเขาไปทำลาย
 
บอร์เด็นแอบลักลอบเข้าไปใต้เวทีที่ทำการแสดง และพบแองเจียร์ที่กำลังจมน้ำไปต่อหน้าเสียชีวิต เป็นเหตุให้เขาถูกจับกุมในข้อหาฆาตกรรม และมีโทษประหารชีวิต ระหว่างที่อยู่ในเรือนจำ เข้าได้รับการติดต่อจากลอร์ดคาลด์โลว์ ซึ่งอ้างว่าชื่นชอบและสะสมอุปกรณ์แสดงมายากล โดยลอร์ดคาลด์โลว์ยินดีจะรับเลี้ยงลูกสาวของบอร์เด็นเป็นบุตรบุญธรรม แลกกับการเปิดเผยเคล็ดลับของกลย้ายร่างฉบับดั้งเดิม บอร์เด็นตอบตกลง และได้พบว่าแท้จริงแล้วลอร์ดคาลด์โลว์ก็คือแองเจียร์ที่วางแผนแก้แค้นนั่นเอง แองเจียร์เดินทางมาเพื่อเยาะเย้ยบอร์เด็นเป็นครั้งสุดท้าย และฉีกกระดาษบันทึกความลับกลย้ายร่างของบอร์เด็นทิ้งโดยไม่แม้แต่จะเปิดอ่าน
 
เมื่อคัตเตอร์ได้ทราบว่าแองเจียร์ยังมีชีวิตก็พยายามขอร้องให้เขาเปิดเผยตัวเอง เพื่อให้บอร์เด็นพ้นจากโทษประหาร แต่แองเจียร์ปฏิเสธและยอมรับว่าทั้งหมดคือแผนการที่เตรียมไว้เพื่อแก้แค้นบอร์เด็น ในที่สุดบอร์เด็นก็ถูกประหารโดยการแขวนคอ เมื่อแน่ใจแล้วว่าบอร์เด็นเสียชีวิต แองเจียร์ก็มอบอุปกรณ์ของเทสล่าให้คัตเตอร์ทั้งหมด
 
ระหว่างที่คัตเตอร์จากมา เฟลอนวิศวกรของบอร์เด็นก็เดินสวนเข้าไปประจันหน้ากับแองเจียร์ และใช้ปืนยิงแองเจียร์ก่อนจะปลดอุปกรณ์ปลอมตัวออกให้เห็นว่าตนเองหน้าตาเหมือนบอร์เด็นไม่ผิดเพี้ยน แองเจียร์ซึ่งกำลังจะตายจึงได้ตระหนักถึงความลับทั้งหมดว่าแท้จริงแล้วบอร์เด็นมีฝาแฝดแต่ปกปิดมาตลอด เขายอมทุ่มเทใช้ชีวิตเป็นคนๆเดียวเพื่อการแสดงมายากล ยอมตัดนิ้วตนเองทิ้งให้เหมือนบอร์เด็น และตัวเขาเองก็หลงรักโอลิเวีย จนครอบครัวของบอร์เด็นต้องล่มสลายลง ทั้งหมดเพียงเพื่อการแสดงมายากลที่เป็นทุกอย่างของเขานั่นเอง เฟลอนเผาอาคารเก็บร่างจำลองของแองเจียร์ และทิ้งให้เขาเสียชีวิตในกองเพลิง และกลับมาใช้ชีวิตกับลูกสาวของบอร์เด็นต่อไป ภาพยนตร์จบลงโดยคำพูดของคัตเตอร์ที่ว่า แท้จริงแล้วผู้ชมอาจไม่ได้ต้องการรู้ความลับของการแสดงก็เป็นได้ เพราะทุกคนรู้อยู่แล้วว่ามันจะจบลงอย่างไร ผู้ชมเข้ามาชมเพียงเพื่อต้องการจะถูกหลอกนั่นเอง
 
== นักแสดงนำ ==