ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เฉินหลง"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Passonvichan (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 18:
และการไปเปิดตลาดอเมริกาครั้งที่สอง ของเฉินหลงก็เป็นผลสักที เมื่อ Rumble in the Bronx (1995) สามารถเปิดตัวขึ้นอันดับหนึ่งใน Box Office ของอเมริกาเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 1996 สามารถทำรายได้ตลอดการฉายถึง 32.3 ล้านเหรียญสหรัฐ จากนั้นเฉินหลงก็มีหนังท๊อปฟอร์มหลายเรื่องในเวลาต่อมาเช่น Thunderbolt (1995) Police Story 4: First Strike (1996) Mr. Nice Guy (1997) และ Who Am I? (1998)
 
และการแสดงหนังอเมริกาอีกครั้งของเฉินหลงในรอบหลายปีก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเฉินหลงนำแสดงใน Rush Hour (1998) ที่นำแสดงคู่กับ Chris Tucker ผลก็คือประสบความสำเร็จอย่างสูง เพราะสามารถทำรายได้ใน Box Office ถึง 141.1 ล้านเหรียญและ 244.3 จากทั่วโลก จากนั้นเฉินหลงก็มีโอกาสเล่นหนังทั้งในฮ่องกงและอเมริกาสลับกันหลายๆครั้ง เช่น Gorgeous (1999) Shanghai Noon (2000) The Accidental Spy (2001) และเฉินหลงก็กลับมาเล่นหนังภาคต่ออย่าง Rush Hour 2 (2001) และ Shanghai Knights (2003) ซึ่งก็ประสบความสำเร็จเหมือนเคย
 
ปัจจุบันเฉินหลงเปิดบริษัทสร้างหนังอย่าง JCE Movies Limited โดยเฉินหลงสร้างและนำแสดงในหนังของตนเอง โดยหนังของเขาเรื่องแรกในบริษัทที่เขานำแสดง คือ New Police Story (2004) จากนั้นก็สร้างออกมาเรื่อยๆ เช่น The Myth (2005) และ Rob-B-Hood (2006) ผลงานต่อไปคือ Rush Hour 3 (2007) และการพากษ์เสียงให้กับการ์ตูนค่าย DreamWorks เรื่อง Kung Fu Panda (2008)