ผลต่างระหว่างรุ่นของ "Session Initiation Protocol"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Nullzerobot (คุย | ส่วนร่วม)
เก็บกวาด
Nullzerobot (คุย | ส่วนร่วม)
เก็บกวาด
บรรทัด 1:
{{โปร}}
'''Session Initiation Protocol''' (SIP) คือ [[โพรโทคอล]]หรือเกณฑ์วิธีเพื่อใช้งานด้าน[[มัลติมีเดีย]] เช่น การส่งข้อมูลเสียงหรือวีดีโอบนเครือข่าย [[IP]] ได้รับการพัฒนาโดย [[IETF]] และ SIP ถือว่าเป็นโพรโทคอลที่เหนือกว่าโพรโทคอลอื่นในแง่ของการที่สามารถปรับใช้และนำไปพัฒนาได้ง่ายกว่า โดยตัว[[โพรโทคอล]]เองมีความสามารถในการสร้าง (create) , ปรับ (modify) และ ยกเลิก (terminate) การติดต่อสื่อสารระหว่างโหนดที่เป็นแบบหนึ่งต่อหนึ่ง (unicast) หรือแบบกลุ่ม (multicast) ได้ ซึ่ง SIP สามารถปรับเปลี่ยนที่อยู่ (address), หมายเลขพอร์ต, เพิ่มสายผู้สนทนา และสามารถเพิ่มหรือลดการส่งข้อมูลมิเดีย (media stream) บางประเภทได้ ตัวอย่างของโปรแกรมประยุกต์ (application) ที่อาศัย SIP ในการเชื่อมต่อ เช่น การประชุมด้วยวิดีโอ (video conferencing), การกระจายข้อมูลภาพและเสียง (streaming multimedia distribution), การส่งข้อความด่วน (instant messaging), การส่งไฟล์ (file transfer) และ เกมส์ออนไลน์ เป็นต้น
 
SIP ถูกออกแบบโดยนาย Henning Schulzrinne และนาย Mark Handly ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 โดยเวอร์ชันล่าสุดถูกประกาศใน [http://tools.ietf.org/html/rfc3261 RFC 3261] โดย [[IETF]] Network Working Group และในปี ค.ศ. 2000 SIP ได้ถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของระบบ IP Multimedia Subsystem (IMS) ของ 3GPP ซึ่งมาตราฐานการส่งสัญญาณมัลติมีเดียแบบ IP-based บนระบบ โทรศัพท์เคลื่อนที่ (cellular) อีกด้วย
 
[[โพรโทคอล]] SIP ทำงานอยู่บน Application Layer และถูกออกแบบโดยไม่คำนึงถึงชนิดของ Transport Layer ที่ใช้ในการส่งข้อมูล SIP สามารถทำงานบน Transmission Control Protocol (TCP), User Datagram Protocol (UDP), หรือ Stream Control Transmission Protocol (SCTP) ได้ โพรโทคอล SIP ทำงานในลักษณะ text-based ซึ่งมีลักษณะการทำงานคล้าย Hypertext Transfer Protocol (HTTP) และ Simple Mail Transfer Protocol (SMTP)
 
== การออกแบบโพรโทคอล ==
[[โพรโทคอล]] SIP ถูกออกแบบมาคล้ายกับ[[โพรโทคอล]] HTTP ในส่วนของการร้องขอและการตอบรับ (request/response) ระหว่างลูกข่าย (client) ซึ่งเป็นผู้เริ่มต้นการเชื่อมต่อ โดยส่งการร้องขอ (request) การทำงานบางอย่างกับเครื่องแม่ข่าย (server) และ SIP ยังใช้ข้อมูล header, กฎการเข้ารหัส และหมายเลขสถานะ (status codes) เหมือนกับ HTTP อีกด้วย
 
ในการส่งสัญญาณมีเดีย SIP จะต้องทำงานร่วมกับ[[โพรโทคอล]]อื่นๆในการส่งสัญญาณ แต่ SIP เท่านั้นที่จะถูกใช้เป็นตัวเริ่มต้นการสื่อสาร (communication session) โดยปกติ SIP ฝั่งลูกข่าย (client) จะใช้[[โพรโทคอล]] TCP หรือ UDP พอร์ตหมายเลข 5060 หรือ 5061 ในการเชื่อมต่อกับเครื่องแม่ข่าย (server) หรือ SIP endpoint โดยพอร์ตหมายเลข 5060 จะใช้ในการส่งสัญญาณแบบไม่เข้ารหัส (non-encrypted signaling traffic) ส่วนพอร์ตหมายเลข 5061 จะใช้ในกรณีที่มีการส่งสัญญาณแบบเข้ารหัส และจะทำงานร่วมกับ Transport Layer Security (TLS) อีกที โดยหลักๆแล้ว SIP จะทำหน้าที่ติดต่อหรือยกเลิกการส่งสัญญาณเสียงหรือภาพวิดีโอ ซึ่งในโปรแกรมประยุกต์หลายชนิดจะใช้ SIP ในการส่งข้อมูลมิเดียเช่น โปรแกรม instant messaging ที่สามารถส่งภาพและเสียงพร้อมกันได้ นอกจากนี้ยังมีเอกสารหลากหลายฉบับที่เกี่ยวข้องกับ SIP ซึ่งถูกประกาศโดย [[IETF]] เช่น Real-time Transport Protocol (RTP), Session Description Protocol (SDP) โดย SDP จะถูกใช้ร่วมกับ SIP สำหรับการทำข้อตกลง (negotiate) รูปแบบตัวแปรที่ใช้ในการเชื่อมต่อข้อมูลมิเดีย เช่น หมายเลขพอร์ต , [[โพรโทคอล]], การเข้ารหัสสัญญาณมิเดีย (codecs) โดยข้อมูลของ SDP เหล่านี้จะถูกส่งภายใต้ข้อมูลของ SIP packet body อีกที
 
เป้าหมายในการออกแบบ[[โพรโทคอล]] SIP ก็เพื่อใช้เป็นมาตราฐานในการเริ่มต้นการส่งสัญญาณโทรศัพท์ (signaling and call setup protocol) บนเครือข่ายแบบ IP-based และสามารถทำงานร่วมกับ public switched telephone network (PSTN) ที่มีอยู่เดิมได้ทันที และ SIP ถูกออกแบบมาโดยอ้างอิงถึงการเชื่อมต่อกันระว่าง proxy server และ user agents เพื่อให้มีลักษณะคล้ายกับการทำงานของโทรศัพท์มากที่สุด เช่น การส่งหมายเลข (dialing a number), การส่งสัญญาณกระดิ่ง (ringing), การส่งสัญญาญรอการเชื่อมต่อ (ring back) และการส่งสัญญาณสายไม่ว่าง (busy tone)
 
[[โพรโทคอล]] SIP ยังเพิ่มความสามารถพิเศษให้กับ[[โพรโทคอล]] Signaling System 7 (SS7) อีกด้วย ถึงแม้ทั้งสอง[[โพรโทคอล]]จะทำงานแตกต่างกันมาก เพราะ SS7 เป็น[[โพรโทคอล]]ที่ทำงานอยู่บนแกนกลางของระบบเครือข่ายที่เชื่อมต่อกับเครื่องลูกข่ายจำนวนมาก ซึ่งจะแตกต่างกับ SIP ที่เป็น[[โพรโทคอล]]ที่ทำงานแบบ peer-to-peer ที่ทำงานระหว่าง endpoint กับ endpoint
 
ถึงแม้ว่าจะมี[[โพรโทคอล]]หลากหลายที่ใช้งานบน VoIP signaling protocols แต่ SIP ยังเป็นที่นิยมในการสื่อสารแบบ IP community มากกว่า telecommunications industry นอกจาก SIP แล้วยังมี[[โพรโทคอล]] H.323 ของ International Telecommunication Union (ITU) ที่ทำงานลักษณะเดียวกันอีกด้วย
 
เอกสารการทำงานของ SIP เวอร์ชัน 2.0 ประกาศครั้งแรกใน [http://tools.ietf.org/html/rfc2543 RFC 2543] และถูกปรับปรุงอีกครั้งใน [http://tools.ietf.org/html/rfc3261 RFC 3261]
 
== ส่วนประกอบเครือข่าย SIP ==
บรรทัด 30:
# Redirect server จะทำหน้าที่รับ SIP request จากไคลเอนต์ จากนั้นจะส่งผลลัพธ์เป็นที่อยู่ของเครื่องแม่ข่ายถัดไปไปยังเครื่องไคลเอนต์ โดยที่ Redirect server จะไม่มีการส่งต่อข้อมูล SIP messages ไปยังเครื่องแม่ข่ายอื่นๆเหมือน Proxy server
 
* การกำหนดที่อยู่ของผู้รับและผู้ส่ง (Addressing) SIP จะระบุที่อยู่ของผู้รับและผู้ส่งในรูปแบบของ SIP URLs (SIP Universal Resource Locators) โดยจะอยู่ในรูปแบบ sip:ชื่อยูสเซอร์@ที่อยู่เครื่อง ตัวอย่างเช่น sip:john@example.com, sip:6680001@111.11.11.1 เป็นต้น
 
 
บรรทัด 59:
 
 
* แบบ Via Proxy server โทรจาก John's Soft phone ไปยัง Bob's SIP Phone โดยที่ John's Soft phone ส่งข้อมูลผ่าน Proxy server ที่ชื่อ site-a.com ส่วน Bob's SIP Phone ส่งข้อมูลผ่าน Proxy server ที่ชื่อ site-b.com
 
 
บรรทัด 137:
! Code !! Description !! References
|-
| 200 || OK. ||
|-
| 202 || Accepted. || RFC 3265
|-
| 204 || No Notification. ||
|}
 
บรรทัด 152:
| 300 || Multiple choices. || RFC 3261
|-
| 301 || Moved permanently. ||
|-
| 302 || Moved temporarily. ||
|-
| 305 || Use proxy. ||
|-
| 380 || Alternative service. ||
|}
 
บรรทัด 167:
! Code !! Description !! References
|-
| 400 || Bad request. ||
|-
| 401 || Unauthorized. ||
|-
| 402 || Payment required. ||
|-
| 403 || Forbidden. ||
|-
| 404 || Not found. ||
|-
| 405 || Bad request. ||
|-
| 406 || Not acceptable. ||
|-
| 407 || Proxy authentication required. ||
|-
| 408 || Request timeout. ||
|-
| 410 || Gone. ||
|-
| 412 || Conditional request failed. || RFC 3903
|-
| 413 || Request entity too large. ||
|-
| 414 || Request-URI too long. ||
|-
| 415 || Unsupported media type. ||
|-
| 416 || Unsupported URI scheme. ||
|-
| 417 || Unknown Resource-Priority. || RFC 4412
|-
| 420 || Bad extension. ||
|-
| 421 || Extension required. ||
|-
| 422 || Session Interval too small. || RFC 4028
|-
| 423 || Interval too brief. ||
|-
| 428 || Use Identity Header. || RFC 4474
บรรทัด 225:
| 470 || Consent needed. || RFC 5360
|-
| 480 || Temporarily unavailable. ||
|-
| 481 || Call/Transaction does not exist. ||
|-
| 482 || Loop detected. ||
|-
| 483 || Too many hops. ||
|-
| 484 || Address incomplete. ||
|-
| 485 || Ambiguous. ||
|-
| 486 || Busy here. ||
|-
| 487 || Request terminated. ||
|-
| 488 || Not acceptable here. ||
|-
| 489 || Bad event. || RFC 3265
|-
| 491 || Request pending. ||
|-
| 493 || Undecipherable. ||
|-
| 494 || Security agreement required. || RFC 3329
บรรทัด 261:
| 500 || Server internal error. || RFC 3261
|-
| 501 || Not implemented. ||
|-
| 502 || Bad gateway. ||
|-
| 503 || Service unavailable. || RFC 3261
|-
| 504 || Server timeout. ||
|-
| 505 || Version not supported. ||
|-
| 513 || Message too large. ||
|-
| 580 || Precondition Failure. || RFC 3312
บรรทัด 282:
! Code !! Description !! References
|-
| 600 || Busy everywhere. ||
|-
| 603 || Decline. ||
|-
| 604 || Does not exist anywhere. ||
|-
| 606 || Not acceptable. ||
|}