ผลต่างระหว่างรุ่นของ "5.56×45 มม. นาโต"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Nullzerobot (คุย | ส่วนร่วม) ล เก็บกวาด |
Nullzerobot (คุย | ส่วนร่วม) ล เก็บกวาด |
||
บรรทัด 2:
[[ไฟล์:30-30.jpg|thumb|'''จากซ้ายไปขวา''' : 5.56x45 mm. NATO (SS109) , .30-30 Winchester , 7.62x51 mm. NATO ('''หมายเหตุ''' กระสุน 5.56 มม. แบบ SS109 ของบริษัท FN จะไม่แต้มสีเขียวที่หัวกระสุนเหมือนกระสุน M855 ของสหรัฐฯ)]]
กระสุนขนาด '''5.56x45 มม. นาโต''' หรือ '''5.56 นาโต''' เป็น[[กระสุน]]ปืนเล็กยาวชนวนกลางที่ปรับปรุงจากกระสุนขนาด [[:en:.223
== ประวัติ ==
[[ไฟล์:M1903-Springfield-Rifle.jpg|thumb|300pixel|ปืน M1903 Springfield]]
นับแต่ประเทศสหรัฐอเมริกาประกาศเอกราชจากประเทศอังกฤษได้สำเร็จ กองทัพสหรัฐฯได้ประจำการปืนเล็กยาวแบบคาบศิลาเป็นจำนวนมากจนเมื่อล่วงเข้าสู่ยุคของกระสุนแบบปลอกโลหะและดินควันน้อย กองทัพสหรัฐฯจึงได้ทยอยเปลี่ยนจากปืนคาบศิลามาเป็นปืนเล็กยาวที่ใช้กระสุนแบบครบนัดทั้งหมด โดยได้เลือกประจำการปืนเล็กยาวขนาด .30 นิ้วมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1892 ปืนเล็กยาวรุ่นแรกที่ประจำการ คือ ปืน [[:en:Krag-Jørgensen|Krag-Jørgensen]] ขนาด [[:en:.30-40
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพฯสหรัฐฯได้เริ่มทยอยโอนปืน M1903 Springfield ไปให้กองกำลังท้องถิ่นและบางส่วนได้นำมาดัดแปลงเป็นปืนเล็กยาวซุ่มยิง M1903A4 ใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงสงครามเกาหลี ในขณะเดียวกันก็ได้ทยอยบรรจุปืนเล็กยาวบรรจุเอง M1 Garand เข้าประจำการ โดยปืน M1 Garand ออกแบบโดยจอห์น ซี กาแรนด์ ซึ่งในช่วงแรกออกแบบให้ใช้กับกระสุนขนาด 7×51 มิลลิเมตร [[:en:.276
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ได้มีการวิจัยดินขับแบบใหม่ขึ้นจนสำเร็จจนสามารถใช้ในปริมาณน้อยลงแต่ให้แรงขับเท่าเดิม กองทัพสหรัฐฯจึงได้นำกระสุน .30-06 มาทำการลดความยาวปลอกจาก 63 มิลลิเมตรลงเป็น 51 มิลลิเมตร เพื่อนำไปใช้กับปืนในโครงการ T37 กลายเป็นโครงการ '''T44''' แล้วในที่สุดก็ประจำการเป็นปืน [[:en:M14
แต่แล้วปืน M14 ก็มีอายุการใช้งานได้ไม่นาน เนื่องจากมีปัญหาเรื่องตัวปืนและกระสุนมีน้ำหนักมากทำให้ทหารพกพาไปได้น้อย อีกทั้งมีปัญหาเรื่องแรงสะท้อนถอยหลังสูง โดยเฉพาะเมื่อแบบอัตโนมัติจะไม่สามารถควบคุมปืนได้เลย ทำให้โครงการวิจัยปืนเล็กยาวที่ใช้กระสุนขนาดหน้าตัดเล็กแต่มีความเร็วสูงมีความชัดเจนขึ้นมาแทน ซึ่งโครงการนี้มีชื่อว่า '''Project SALVO''' ตั้งขึ้นมาแต่ ค.ศ. 1948 โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างอาวุธประจำกายทหารราบที่ใช้กระสุนขนาด .22 ความเร็วสูง มีระยะหวังผล 300 เมตรขึ้นไป ภายหลังจึงได้มีข้อกำหนดเพิ่มเติมว่าต้องมีน้ำหนักเบา เลือกยิงได้ทั้งแบบทีละนัดและยิงเป็นชุด และต้องยิงเจาะหมวกเหล็กได้ในระยะ 500 เมตร
ใน ค.ศ. 1957 บริษัท Armalite ซึ่งเป็นแผนกอาวุธปืนของบริษัทแฟร์ไชล์ด แอร์คราฟต์ คอร์ป (Fairchild Aircraft Corp.) ได้เข้าร่วมโครงการนี้ โดยยูจีน สโตนเนอร์ได้นำแบบปืน AR-10 ขนาด 7.62 มิลลิเมตรมาย่อส่วนเป็นปืน AR-15 เพื่อใช้กับกระสุน [[:en:.222
ในระยะแรกเข้าประจำการ ทางกองทัพสหรัฐฯยังคงกำหนดให้ใช้คุณสมบัติเดิมของกระสุน 5.56 มม.กับปืนเอ็ม 16 ตามที่บริษัทเรมิงตันออกแบบ โดยมีรหัสที่ใช้ในกองทัพสหรัฐฯว่า '''M193''' ต่อมาองค์กรแซมมี [[:en:
# ต้องใช้หัวกระสุนน้ำหนัก 55 เกรน
# มีความเร็วต้นที่ 3,250 ฟุต/วินาที เมื่อยิงจากปืนซึ่งมีลำกล้องยาว 20 นิ้ว หรือเร็วกว่านั้นเมื่อยิงจากปืนที่มีความยาวลำกล้องมากกว่า
บรรทัด 27:
ส่วนกองทัพสหรัฐฯเองก็ได้นำกระสุน 5.56 นาโตแบบ SS109 มาปรับปรุงเป็นกระสุนในรูปแบบของตนเอง โดยเพิ่มแกนเหล็กบริเวณหัวกระสุนเพื่อเพิ่มอำนาจทะลุทะลวงและแต้มสีเขียวบริเวณปลายหัวกระสุนเพื่อเป็นสัญลักษณ์ และกำหนดรหัสที่ใช้ในกองทัพว่า '''M855''' รวมทั้งมีคำสั่งให้บริษัทโคลท์ทำการปรับปรุงปืน M16A1 เป็นปืน M16A2 เพื่อรองรับกระสุนแบบ M855 ในเวลาต่อมา
[[ไฟล์:
== ความแตกต่างระหว่างกระสุนขนาด 5.56 นาโตกับกระสุน .223 เรมิงตัน ==
บรรทัด 33:
== อาวุธปืนเล็กยาวจู่โจมบางส่วนที่ใช้กระสุน 5.56 นาโต ==
* [[:en:
* [[:en:FAD assault rifle|Fusil Automático Doble]]
* [[:en:FAMAS|FAMAS]]
* [[:en:FARA 83|FARA 83]]
* [[:en:
* [[:en:HK-416|HK-416]]
* [[เฮคเลอร์แอนด์คอช เอชเค33|HK33]]
บรรทัด 48:
* [[:en:SA80|SA80]]
* [[:en:Sterling SAR-87|Sterling SAR-87]]
* [[:en:
* [[:en:
== อ้างอิง ==
|