ผลต่างระหว่างรุ่นของ "คิลบิล"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Nullzerobot (คุย | ส่วนร่วม)
เก็บกวาด
บรรทัด 1:
{{กล่องข้อมูล ภาพยนตร์
| name = Kill Bill Vol.1
| image = Kill_00.jpg
| caption = ใบปิดภาพยนตร์ Kill Bill Vol.1 (นางฟ้าซามูไร)
| director = เควนติน ทาแรนติโน
| producer = ลอว์เรนซ์ เบ็นเดอร์
| writer = [[เควนติน ทาแรนติโน]]
| starring = [[อูม่า เธอร์แมน]]</br>[[เดวิด คาราดีน]]</br>[[ลูซี่ ลิว]]</br>[[แดรีล ฮันนาห์]]</br>[[จูลี่ ดรัยฟัส]] </br>[[วิวีก้า เอ. ฟอกซ์]]</br>[[ไมเคิล แมดเซน]] </br>[[ไมเคิล พาร์ค]] </br>[[ซอนนี่ ชิบะ]] </br>[[หลิวเจียหุย]]</br>[[ชิอากิ คุริยาม่า]] </br>
| music = RZA
| cinematography = โรเบิร์ต ริชาร์ดสัน
| editing = แซลลี่ เมนเก้
| distributor = มิราแม็กซ์ ฟิล์มส์
| released = [[10 ตุลาคม]] [[ค.ศ. 2003]] (สหรัฐอเมริกา) </br> [[21 พฤศจิกายน]] [[พ.ศ. 2546]] (ประเทศไทย)
| runtime = 111 นาที
| country = [[สหรัฐอเมริกา]]
| language = [[อังกฤษ]]</br>[[ญี่ปุ่น]]</br>[[ฝรั่งเศส]]</br>[[จีนกลาง]]</br>[[จีน]][[กวางตุ้ง]]</br>[[สเปน]]
| budget = 55,000,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
| gross = 180,949,045 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ทั่วโลก)
บรรทัด 26:
'''''คิลบิล''''' ({{lang-en|''Kill Bill''}}) เป็นผลงานลำดับที่ 4 ของผู้กำกับและนักเขียนบทคนดัง [[เควนติน ทาแรนติโน]] ''(Reservoir Dogs, Pulp Fiction, Jackie Brown)'' โดยเขาสร้างเรื่องนี้ จากแรงบันดาลใจที่เขามีต่อ[[หนังกำลังภายใน]], หนัง[[ยากูซ่า]], หนัง[[ซามูไร]] และหนัง[[คาวบอย]]ตะวันตก ในช่วงทศวรรษที่ 1970 เข้าฉายในประเทศไทยโดยใช้ชื่อภาษาไทยว่า ''นางฟ้าซามูไร''
 
== เนื้อเรื่อง ==
''Kill Bill Vol.1'' เป็นตอนแรกของภาพยนตร์ชุดนี้ โดยภายหลังได้แบ่งออกฉายเป็น 2 ภาค ซึ่งในภาคแรกนี้เป็นในรูปแบบสไตล์ตะวันออก และ ''Kill Bill Vol.2'' นำเสนอในรูปแบบสไตล์หนัง[[คาวบอย]]
 
=== Volume 1 ===
 
เดอะไบรด์ (อูม่า เธอร์แมน) เจ้าสาวที่กำลังเข้าพิธีแต่งงานในโบสถ์แถว เอล พาโซ่ แต่บิล (เดวิด คาราดีน) พร้อมพวกสมาชิกได้บุกเข้ามาและเข้าทำร้ายเธอ จากนั้นเธอได้บอกกับบิลว่ากำลังตั้งท้องลูกของเขา แต่บิลก็ยิงเข้าศีรษะเธออย่างอำมหิต
 
==== Chapter 1 : 2 ====
 
5 ปีต่อมา เธอเริ่มออกตามล่าคนที่ทำร้ายเธอในโบสถ์ โดยเป้าหมายนี้คือ จินนี่ เบล (วิวีก้า เอ. ฟอกซ์) หรือ เวโรนิต้า กรีน โดยเธอบุกเข้าไปในบ้านและเกิดการต่อสู้กัน จากนั้น นิกกี้ ลูกสาวของเวโรนิต้าก็กลับจากโรงเรียน และทั้งสองก็หยุดการต่อสู้กัน จากนั้นทั้งคู่ก็เดินเข้าไปในครัวและพูดคุยกัน แต่ เดอะไบรด์ ไม่ยอมใจอ่อน ทันใดนั้นเวโรนิต้าก็ใช้ปืนที่ซ่อนไว้ในกล่องขนมในตู้เย็นยิงใส่ แต่ เดอะไบรด์ ก็ใช้มีดพกของเธอ ขว้างเข้าใส่หน้าอกของ เวโรนิต้า อย่างเต็มแรง จนเวโรนิต้าขาดใจตายในที่สุด แต่ลูกสาวของเธอก็เข้ามาเห็นเหตุการณ์ โดย เดอะไบรด์ ให้สัญญาว่าถ้าเมื่อไหร่โตขึ้น ก็มาล้างแค้นให้กับแม่ของเธอได้ จากนั้น เดอะไบรด์ ก็ออกเดินทางเพื่อตามล้างแค้นในบัญชีของเธอต่อ ด้วยรถปิคอัพที่ชื่อ "Pussy Wagon"
 
==== Chapter 2 : Blood Splattered Bride ====
 
ย้อนกลับไปยังเหตุการณ์สังหารหมู่ในโบสถ์ โดย เดอะไบรด์ เป็นผู้เดียวที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์นั้น จากนั้นเธอก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและนอนเป็นเจ้าหญิงนิทรา ทันใดนั้น แอลล์ ไดร์เวอร์ (แดรีล ฮันนาห์) ก็ปรากฏตัวพร้อมกับชุดนางพยาบาลและชุดเข็มฉีดยากับยาพิษ แต่ บิล ได้โทรมาห้ามก่อนที่แอลล์จะฆ่าเดอะ ไบรด์
 
หลังจากนั้น เดอะไบรด์ ได้ฟื้นขึ้นมาพร้อมกับอาการที่ยังโคม่าอยู่ เธอได้หนีออกจากโรงพยาบาลหลังจากที่เธอฆ่าบุรุษพยาบาลที่ชื่อ บั๊ค เธอนั่งเก้าอี้รถเข็นพยาบาล และได้เข้าไปหลบในรถปิดอัพที่ชื่อ "Pussy Wagon" ของบั๊คและเธอก็ฝึกกายภาพบำบัดด้วยการขยับหัวแม่เท้า และเธอได้นึกถึงเป้าหมายแรกที่เธอจะคิดบัญชี
 
==== Chapter 3 : Origin of O-ren ====
 
เดอะไบรด์ เล่าถึงตัวของ โอเรน อิชิอิ (ลูซี่ ลิว) โดยนำเสนอในรูปแบบการ์ตูนเคลื่อนไหว หลังจากที่ครอบครัวของโอเรนถูก[[ยากูซ่า]]ฆ่าตาย เธอก็เก็บความแค้นทั้งหมด เพื่อรอเวลาสังหารหัวหน้ายากูซ่าที่ฆ่าพ่อและแม่ของเธอ หลังจากที่เธอสังหารหัวหน้ายากูซ่าได้ เธอก็ผันตัวเองไปเป็นนักฆ่ามืออาชีพ โดยภายหลังได้เข้าร่วมเป็นสมุนของบิล และเป็น 1 ใน4 ที่ทำร้าย เดอะ ไบรด ในโบสถ์วันนั้น
 
==== Chapter 4 : Man From Okinawa ====
 
เดอะ ไบรด เดินทางไปยัง [[โอกินาว่า]] เพื่อขอ[[คะตะนะ]] (ดาบซามูไร) ของ ฮัตโตริ ฮันโซ ที่เลิกจากวงการนี้และหันไปเปิดร้าน[[ซูชิ]] เดอะ ไบรด์ จึงหว่านล้อมด้วยเหตุผลว่าทำไมถึงต้องการดาบ และฮัตโตริก็เข้าใจในจุดประสงค์ของเธอ จึงได้ทำดาบให้เธอเป็นกรณีพิเศษ และเขาต้องผิดคำสาบานที่ให้ไว้กับบรรพบุรุษว่าจะไม่สร้างดาบไว้ใช้สังหารผู้คน
 
==== Chapter 5 : Showdown at the House of Blue Leaves ====
 
เดอะ ไบรด์ เริ่มบัญชีแค้นคนแรก คือ โอเรน โดยเดอะไบรด์ สวมชุดขับมอเตอร์ไซค์สีเหลืองแถบสีดำ (ชุดคล้ายๆ [[บรู๊ซ ลี]]) เข้ามาในบ้านใบไม้สีน้ำเงิน ''(House of Blue Leaves)'' ซึ่งเป็นที่โอเรนกับสมาชิกแก็งค์ 88 ชอบมาสังสรรค์กัน และจากนั้นเดอะ ไบรดก็ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับต้องฝ่าด่านสมาชิกแก๊งค์ของโอเรน ซึ่งทั้งหมดนี้เดอะ ไบรด์ต้องเจอกับลูกสมุนของแก็งค์ 88 นับสิบ และในที่สุดเดอะ ไบรด์ สามารถจัดการโอเรนสำเร็จ และได้ไว้ชีวิต โซฟี ฟาเทล (จูลี่ ดรัยฟัส) เพื่อมาบอกบิลว่าเธอจะจัดการกับทุกคนที่ทำร้ายเธอในวันนั้น
 
ฉากจบของตอนนี้ คือคำพูดที่บิลบอกกับโซฟีว่า "เธอรู้หรือเปล่า ว่าลูกสาวของเธอยังมีชีวิตอยู่?"
 
 
=== Volume 2 ===
{{กล่องข้อมูล ภาพยนตร์
| name = Kill Bill Vol.2
| image = Kill bill vol 2.jpg
| caption = ใบปิดภาพยนตร์ Kill Bill Vol.2 (นางฟ้าซามูไร 2)
| director = เควนติน ทาแรนติโน
| producer = ลอว์เรนซ์ เบ็นเดอร์
| writer = เควนติน ทาแรนติโน
| starring = อูม่า เธอร์แมน</br>เดวิด คาราดีน</br>แดรีล ฮันนาห์</br>ไมเคิล แมดเซน </br>ไมเคิล พาร์ค </br>หลิวเจียหุย</br>
| music = โรเบิร์ต โรดริเกซ
| cinematography = โรเบิร์ต ริชาร์ดสัน
| editing = แซลลี่ เมนเก้
| distributor = มิราแม็กซ์ ฟิล์มส์
| released = [[24 เมษายน]] [[ค.ศ. 2004]] (สหรัฐอเมริกา) </br> [[20 พฤษภาคม]] [[พ.ศ. 2547]] (ประเทศไทย)
| runtime = 136 นาที
| country = [[สหรัฐอเมริกา]]
| language = [[อังกฤษ]]</br>[[ญี่ปุ่น]]</br>[[ฝรั่งเศส]]</br>[[จีนกลาง]]</br>[[จีน]][[กวางตุ้ง]]</br>[[สเปน]]
| budget = 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
| gross = 152,159,461 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ทั่วโลก)
| preceded_by = Kill Bill Vol.1
| website =
| amg_id =
| imdb_id = 0378194
บรรทัด 84:
}}
 
==== Chapter 6 : Massacre at Two Pines ====
 
เริ่มเรื่องของภาคนี้ จะย้อนไปยังถึงเหตุการณ์ในโบสถ์ ก่อนการสังหารหมู่ ซึ่งเปิดเรื่องโดยที่บิล ได้เข้ามาในงานแต่งเพื่อพูดจากับเดอะไบรด์ ก่อนที่เธอจะเข้าสู่พิธีแต่งงาน โดยหารู้ไม่ว่า บิลได้เตรียมสมุนทั้งสี่เข้ามาทำลายและปิดฉากชีวิตใหม่ของเดอะ ไบรด์
บรรทัด 90:
หลังจากนั้นก็เข้าสู่เหตุการณ์ปัจจุบัน โดยบิลได้เดินทางไปหา บั๊ด (ไมเคิล แมดเซน) น้องชายแท้ๆ ของบิลคนเดียว เพื่อเตือนให้บั๊ดระวังการมาของเดอะ ไบรด์ แต่บั๊ดก็ได้เรียนรู้ถึงวัฎจักรการแก้แค้น และเตรียมพร้อมของการมาของเดอะไบรด์ โดยอาชีพของบั๊คคือพนักงานในคลับระบำโป๊
 
==== Chapter 7 : Lonely Grave of Paula Schulz ====
 
เมื่อบั๊คกลับมาถึง[[รถบ้าน]] เดอะไบรด์ก็เปิดเผยตัวและเข้าจู่โจม แต่บั๊ดรู้ทันเธอก่อน เดอะไบรด์จึงโดนยิงเข้าเต็มอก แต่เพราะบั๊ดใช้กระสุนหัวยางจึงทำให้เธอไม่ตาย จากนั้นบั๊ดจึงยึดดาบของเธอและโทรศัพท์บอกแอลล์เพื่อขอรางวัลนำจับถึง 1 ล้านเหรียญ จากนั้นจึงเอาตัวเดอะไบรด์เอาไปฝังในสุสาน[[เท็กซัส]] โดยฝังในหลุมศพของ "พอลล่า ชูลซ์ท"
 
==== Chapter 8 : Cruel Tutelage of Pai Mei ====
 
ในช่วงเวลาที่เธออยู่ใน[[โลงศพ]] เธอได้ย้อนกลับไปคิดถึงสมัยที่เธอฝึกวิชาที่เมืองจีน โดยที่บิลพาไปฝึกที่สำนักวิชาของอาจารย์ ไป่เม่ย (หลิวเจียฮุย) โดยบิลบอกว่าไป่เม่ยมีวิชาดัชนีห้าจุดปลิดวิญญาณ ซึ่งเป็นสุดยอดวิชาของมวยจีน และเป็นความลับซึ่งไป่เม่ยไม่ยอมถ่ายทอดวิชานี้ให้แก่ใครทั้งสิ้นแม้แต่บิล และนิสัยส่วนตัวของไป่ เม่ย คือ ไม่ชอบคน[[อเมริกัน]] จากนั้นไป่เม่ยก็รับเดอะไบรด์เข้าเป็นศิษย์โดนสอนวิชาฝ่ามือพิฆาต และเธอก็ใช้วิชานี้ในการออกจากโลงศพ
 
==== Chapter 9 : Elle and I ====
 
หลังจากเดอะไบรด์เป็นอิสระ เธอก็ได้เดินทางไปหาบั๊ดเพื่อจัดการบัญชีแค้นของเธอ แต่ในเวลาเดียวกัน แอลล์ ก็ได้นำเงินรางวัลนำจับเอามาให้บั๊ด แต่ในระหว่างที่แอลล์คุยกับบั๊ด เขาก็เอาดาบของเดอะไบรด์ให้กับแอลล์ แต่เมื่อบั๊ดเปิดกระเป๋าเพื่อนับเงินรางวัลนำจับ เขาก็ถูกงูพิษที่แอลล์ใส่ไว้ในกระเป๋าเงินกัดเข้าที่หน้าอกและหลายที่ในร่างกาย และในที่สุดบั๊ดก็สิ้นใจตาย จากนั้นแอลล์ก็โทรศัพท์บอกบิลเกี่ยวกับหลุมศพที่ฝังเดอะไบรด์เอาไว้ พร้อมกับเฉลยปริศนาของชื่อที่แท้จริงของเดอะไบรด์ที่มีชื่อว่า "เบียทริกซ์ คิดโด้"
 
แต่ทันใดนั้นเดอะไบรด์ก็บุกเข้ามาในรถบ้านของบั๊ด และได้เกิดการต่อสู้กัน ในระหว่างที่ทั้งสองต่อสู้กัน แอลล์ก็ได้เฉลยปริศนาของตนเองว่าทำไมถึงมีตาข้างเดียว นั้นเป็นเพราะไป่เม่ยเป็นคนควักลูกตาของแอลล์และแอลล์ก็ฆ่าไป่เม่ยโดยวางยาในอาหาร เมื่อการสนทนาของทั้งสองจบลง เบียทริกซ์กับแอลล์ก็สู้กันต่อด้วยดาบซามูไร แต่เมื่อแอลล์กับเบียทริกซ์จ้องตาประสานกัน เบียทริกซ์ก็อาศัยช่วงที่แอลล์เผลอ ก็ควักลูกตาของแอลล์อีกข้างหนึ่งออกมา แอลล์กรีดร้องและด่าเดอะไบรด์ด้วยความเจ็บปวด และเบียทริกซ์ก็เหยียบลูกตาของแอลล์จนเละ จากนั้นเบียทริกซ์ก็หยิบดาบของตนเองและเดินจากรถบ้านของบั๊ดไปอย่างไม่มีวันกลับมาอีกตลอดชีวิต
 
==== Last Chapter : Face to Face ====
 
เบียทริกซ์เดินทางมายัง[[เม็กซิโก]]เพื่อมาหาเอสเตบัน วิฮาโญ่ (ไมเคิล พาร์ค) พ่อเล้าแก่ผู้หนึ่งซึ่งเป็นคนเลี้ยงดูบิลมาตั้งแต่เด็ก และเอสเตบันคือกุญแจที่จะไขปริศนาว่าบิลอยู่ที่ไหน และเมื่อเบียทริกซ์รู้ว่าบิลอยู่ที่ไหนเธอก็ไม่รีรอที่จะปิดบัญชีแค้นคนสุดท้ายของเธอ แต่เมื่อเธอไปถึงบ้านของบิล สิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น เมื่อเบียทริกซ์ได้พบกับ บีบี ลูกสาวแท้ๆ วัยสี่ขวบของเธอนั้นเอง ซึ่งกำลังหยอกเย้าอยู่กับบิลผู้เป็นพ่อของบีบีแท้ๆ แต่เบียทริกซ์ก็พยายามเก็บความรู้สึกแค้น และเล่นกับบีบีอย่างสนุกสนานจนบีบีนอนหลับไป
บรรทัด 110:
ทันใดที่เบียทริกซ์พบกับบิลอย่างตาต่อตา การต่อสู้ครั้งสุดท้ายก็เกิดขึ้น แต่บิลต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดว่าทำไมเบียทริกซ์จึงคิดหันหลังให้กับวงการนักฆ่าและไปตั้งชีวิตใหม่กับแฟนคนใหม่ ซึ่งเบียทริกซ์เองถูกยิงด้วยเซรุ่มยาพูดความจริงของบิล และเมื่อยาออกฤทธิ์เบียทริกซ์ก็เล่าความจริงทั้งหมด ว่าเธอไม่อยากให้ลูกสาวที่กำลังจะเกิดมาต้องมามีชีวิตที่พัวผันกับการฆ่าคน และจำเป็นต้องแกล้งทำเป็นว่าตัวเองตายไปกับงานชิ้นสุดท้าย ทำให้บิลเสียใจที่เป็นอย่างนั้น แต่เมื่อรู้ว่าความจริงว่าเบียทริกซ์โกหก บิลก็เกิดความแค้นที่เขาถูกคนรักหักหลัง และเมื่อการสนทนาของทั้งสองจบลง การต่อสู้สั้นๆ ด้วยการดวลดาบก็เริ่มขึ้น แต่เบียทริกซ์ใช้วิชาลับสุดยอดอย่าง วิชาดัชนีห้าจุดปลิดวิญญาณ จัดการกับบิล ซึ่งบิลเองไม่เคยรู้เลยว่าไป่เม่ยสอนวิชานี้กับเบียทริกซ์ ตัวเธอเองรู้สีกเสียใจที่ต้องฆ่าคนที่เธอรักที่สุดอย่างบิล และเมื่อการล้างแค้นของเธอจบลง เบียทริกซ์ได้พาลูกสาวของเธอหนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง
 
== จุดกำเนิด ==
 
''Lady Snowblood (1973)'' คือแรงบันดาลใจอันดับต้นๆของหนังเรื่องนี้ เพราะเนื้อเรื่องว่าด้วยเรื่องราวผู้หญิงที่พกเอาความแค้นจากการที่เธอต้องสูญเสียครอบครัวของเธอจากเหตุฆาตกรรม เธอจึงต้องการสังหารกลุ่มคนที่ฆ่าครอบครัวของเธอ หรือกระทั่งงานของผู้กำกับ [[ฟรองซัว ทรุฟโฟต์]] เรื่อง ''The Bride Wore Black (1968)'' ที่บอกเล่าถึงเจ้าสาวที่ตามไล่ฆ่ากับกลุ่มคนที่ฆ่าเจ้าบ่าวตาย
บรรทัด 116:
คิลบิล ถือว่าเป็นงานที่สร้างเพื่อรำลึกถึงหนัง[[คาวบอย]][[อิตาลี]] ''(Spaghetti Western)'' , หนังทุนต่ำเกี่ยวกับ[[คนดำ]], หนังแอ็คชั่นแนวกำลังภายใน, หนังแอ็คชั่นสไตล์[[ญี่ปุ่น]] หรือแม้กระทั่งหนัง[[กังฟู]] ในยุค 1960 ถึง 1970 โดยเอกลักษณ์ที่แสดงให้เห็นได้ชัด คือ การใช้โลโก้ของ ชอว์ บราเดอร์ มาแปะที่หัวเรื่องในภาค Vol.1
 
== รางวัลในประเทศไทย ==
*1 ใน 5 ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากงานเฉลิมไทย อวอร์ดครั้งที่ 1 (Quentin Tarantino) ภาค 1
*1 ใน 5 นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากงานเฉลิมไทย อวอร์ดครั้งที่ 1 (Uma Thurman) ภาค 1
เข้าถึงจาก "https://th.wikipedia.org/wiki/คิลบิล"