ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ระเบิดมือ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 14:
อย่างไรก็ตาม ระเบิดมือในยุคโบราณยังไม่ค่อยมีประสิทธิภาพมากนัก จนกระทั่งในช่วง[[สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง]] ที่เริ่มมีการพัฒนาระเบิดมือ และมีการใช้ระเบิดมืออย่างแพร่หลายในสนามรบ ระเบิดมือที่มีชื่อเสียงในช่วงนั้น คือ '''ระเบิดมิลส์''' (Mills bomb) จากประเทศอังกฤษ เป็นระเบิดมือแบบแตกกระจายรุ่นแรกๆในช่วงต้นศตวรรษที่ยี่สิบ และเป็นที่นิยมกันมากในแนวหน้าของกองทัพอังกฤษในยุคนั้น ระเบิดมิลส์ เป็นระเบิดที่มีโลหะห่อหุ้ม มีรูปร่างกลม มีเข็มแทงชนวน และมีพื้นผิวเป็นร่อง ชาวไทยจึงนิยมเรียกกันว่า [[ระเบิดน้อยหน่า]]
 
ในขณะที่ประเทศ[[อังกฤษ]]มีระเบิดมิลส์นั้น ประเทศ[[เยอรมนี]]ก็ได้มีการพัฒนาและผลิตระเบิดมือแบบมีด้ามจับขึ้นมา เรียกว่า '''Stielhandgranate''' โดยมีเชื้อประทุห่อหุ้มอยู่ในกระบอกโลหะ และติดไว้กับแกนไว้สำหรับขว้าง ระเบิดชนิดนี้มีใช้ทั้งในสมัย[[สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง]] และ[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] ถัดมาได้มีการพัฒนาระเบิดมืออีกรุ่นหนึ่ง เรียกว่า '''โมโลตอฟ คอกเทล''' (Molotov cocktail) เป็นระเบิดมือที่ใช้ขวดแก้วบรรจุน้ำมันเชื้อเพลิง และใช้การจุดชนวนแถบผ้าเพื่อให้เกิดการเผาไหม้และระเบิดขึ้น ระเบิดมือชนิดนี้ใช้ครั้งแรกในกองทัพของประเทศ[[ฟินแลนด์]] ซึ่งตอนนั้นยังมียุทโธปกรณ์ที่ไม่ค่อยจะก้าวหน้ามากนัก เมื่อต้องต่อสู้กับกองทัพของ[[สหภาพโซเวียต|โซเวียต]]ในช่วง[[สงครามฤดูหนาว]] โมโลตอฟ คอกเทล เป็นหนึ่งในระเบิดมือไม่กี่ชนิด ที่มีคุณสมบัติในการหยุดยั้งรถถังของศัตรู โดยการขว้างโมโลตอฟ คอกเทล ให้เข้าไปกระแทกกับท่อไอเสียเครื่องยนต์ของรถถังที่มาจากอีกฝ่ายหนึ่ง เพื่อให้ตัวเครื่องยนต์ถูกไฟเผาไหม้
 
ในช่วงก่อนและระหว่าง[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] มีระเบิดมือรุ่นใหม่ๆที่ถูกพัฒนาและผลิตออกมาโดยเหล่าประเทศมหาอำนาจ เพื่อความได้เปรียบทางด้านการรบ เช่น ระเบิดมือรุ่น '''Mk 2''' จากสหรัฐอเมริกา , ระเบิดมือรุ่น '''RGD-33''' จากสหภาพโซเวียต และ ระเบิดมือรุ่น '''Type 97''' จากจักรวรรดิญี่ปุ่น เป็นต้น