ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ปอมเปอี"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Xqbot (คุย | ส่วนร่วม)
r2.7.3) (โรบอต เพิ่ม: jv:Pompeii; ปรับแต่งให้อ่านง่าย
Horus (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 13:
[[ไฟล์:Pompeii Garden of the Fugitives 02.jpg|thumb|ผู้เสียชีวิตในปอมเปอี ถูกความร้อนเผาจนร่างกายกลายเป็นโพรง จึงต้องหาโพรง และเทปูนปลาสเตอร์ จะเห็นเป็นร่างผู้เสียชีวิต]]
[[ไฟล์:Karl_Brullov_-_The_Last_Day_of_Pompeii_-_Google_Art_Project.jpg|thumb|ภาพวาดหายนะในปอมเปอีของ Karl Brullov วาดขึ้นในช่วง ค.ศ. 1830-1833]]
นคร'''ปอมเปอี''' (Pompeii) เป็นเมืองนครโรมันที่ถูกฝังบางส่วนใกล้กับเมือง[[เนเปิลส์]]สมัยใหม่ ใน[[แคว้นกัมปาเนีย]] ประเทศอิตาลี ปอมเปอีถูกทำลายบางส่วนและถูกฝังได้เถ้าและหินภูเขาไฟหนา 4 ถึง 6 เมตร จากเหตุภูเขาไฟวีซูเวียสปะทุใน ค.ศ. 79
 
ปอมเปอีสาบสูญไปเกือบ 1,700 ปี ก่อนมีการค้นพบใหม่ใน ค.ศ. 1748 นับแต่นั้น การขุดค้นได้ให้ความเข้าใจอย่างละเอียดในชีวิตของนครระหว่างสันติภาพโรมัน ปัจจุบัน มรดกโลกของยูเนโกแห่งนี้เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมที่สุดของอิตาลี โดยมีนักท่องเที่ยวประมาณ 2.5 ล้านคนต่อปี<ref>{{Cite web | title=Dossier Musei 2008 | archiveurl=http://web.archive.org/web/20090318010723/http://www.touringclub.it/Pdf/dossier/Musei2008.pdf | archivedate=March 18, 2009 | publisher=Touring Club Italiano | language=Italian | accessdate=September 30, 2012}}</ref>
'''เมืองปอมเปอี''' (Pompeii) ก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณ [[550 ปีก่อนคริสต์ศักราช]] แต่ยังเป็นเพียงเมืองของชนเผ่าเร่ร่อน จนกระทั่ง [[80 ปีก่อนคริสต์ศักราช]] ปอมเปอีจึงได้เป็นเมืองของอาณาจักรโรมัน และชาวปอมเปอีจึงได้รับการยอมรับเป็นพลเมืองโรมัน หลังจากนั้นไม่นาน ชาวโรมันที่มั่งคั่งพากันสร้างบ้านพักตากอากาศตามชายฝั่งทะเลของปอมเปอี และบริเวณลาดเขาของภูเขาไฟวิสุเวียส และผู้คนเหล่านี้ได้ลงทุนทำอุตสาหกรรมผลิดสิ่งหรูหราฟุ่มเฟือยขึ้นในเมืองนี้ และไม่นานปอมเปอีก็กลายเป็นศูนย์กลางการค้าอันมั่งคั่ง เต็มไปด้วยผูคนที่มีความสามารถสูง ภายในเมืองมีทั้งสถาปัตยกรรมต่างๆที่ไม่เหมือนใครอยู่มากมาย แต่ที่เด่นๆก็คือ หลังคาเหนือห้องโถงจะมีช่องโหว่ใหญ่ด้านกว้าง และหลังคาเอียงลาดลงไปทางรูโหว่นั้น เมื่อฝนตก น้ำฝนจะไหลลงไปตามหลังคา ลงไปตามรูโหว่ และไหลลงสู่อ่างกระเบื้องที่อยู่ใต้รูโหว่ และไหลสู่ถังเก็บน้ำ และนอกจากนี้ ยังสะพานส่งน้ำและน้ำพุสาธารณะ ซึ่งน้ำสะอาดมาก แต่ชาวปอมเปอีจะสะดวกสะบายมากต่อเมื่อมีฐานะดี แต่ครอบครัวที่ยากจนลงมาจะต้องเริ่มทำงานหาเลี้ยงตนตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ผู้ที่ร่ำรวยส่วนมากก็เป็นทาสที่เป็นอิสระแล้ว ซึ่งคนรวยประเภทนี้ไม่มีอำนาจทางการเมือง คนที่จะมีอำนาจทางการเมืองได้นั้นจะต้องไม่เคยเป็นทาส
 
== อ้างอิง ==
อุตสาหกรรมหลักของเมืองปอมเปอี คือ ผลิตเหล้าองุ่นและผ้าขนสัตว์
{{รายการอ้างอิง}}
 
== หายนะของเมืองปอมเปอี ==
วันที่ 24 สิงหาคม [[ค.ศ. 79]] เวลา 13นาฬิกา 30 นาที ภูเขาไฟวิสุเวียสได้ระเบิดขึ้น ฝุ่นควัน หินพัมมิซ และก๊าซพิษจำนวนมากถูกพ่นออกมา กระแสลมในวันนั้นได้พัดพามันไปที่เมืองปอมเปอี และสตาเบีย ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของวิสุเวียส แต่เมืองปอมเปอีใกล้กว่า จึงได้รับผลกระทบมากกว่า ในช่วงเวลาไม่กี่นาที ท้องฟ้าเหนือเมืองปอมเปอีก็ถูกปกคลุมด้วยฝุ่นควันจากภูเขาไฟจนแสงอาทิตย์ไม่อาจส่องลอดมาได้ จึงตกอยู่ในความมืดคล้ายยามราตรี หลังจากนั้นไม่นาน หินพัมมิซในฝุ่นควันก็เริ่มจับตัวกันเป็นก้อนใหญ่ที่หนักขึ้น เย็นลง และเริ่มร่วงลงมาสู่เมืองปอมเปอี ชาวเมืองเริ่มวิตก บางคนรีบหนีไป บางคนไปหลบในบ้านหรือในสถานที่ส่วนรวม
 
ต่อมาไม่นานนัก ชาวปอมเปอีก็เริ่มหายใจไม่ออก เพราะก๊าซพิษที่ภูเขาไฟพ่นออกมาทำให้อากาศไม่สะอาด ผู้ที่พยายามจะหนีส่วนใหญ่ตาย สาเหตุการตายส่วนใหญ่เพราะหินพัมมิซขนาดใหญ่หล่นใส่หัว แล้วก็ล้มลงหมดสติ แล้วก็ขาดอากาศหายใจจนตายในที่สุด ตกเย็นวันเดียวกันนั้นเอง ชาวปอมเปอีที่หลบภัยในบ้านเริ่มตาย เพราะหินพัมมิซทับถมกันหนาจนบ้านถูกฝังและขาดอากาศหายใจจนตาย ต่อมาไม่นาน หลังคาบ้านก็เริ่มถล่ม เพราะรับน้ำหนักหินไม่ไหว ทำให้ผู้คนถูกฝัง
 
วันที่ 25 สิงหาคม [[ค.ศ. 79]] ช่วงเช้า วิสุเวียสระเบิดแรงขึ้น ทำให้ท้องทะเลปั่นป่วนเพราะแรงสั่นสะเทือน คลื่นชายหาดแรงมากจนบ้านพักตากอากาศริมทะเลถูกคลื่นซัดพังไปหลายหลัง ช่วงบ่าย กระแสลมเปลี่ยนทิศไปทางทิศตะวันตก (เยื้องใต้เล็กน้อย) นำพาฝุ่นควันสู่เมืองมิเซนัมและเฮอร์คิวเลเนียม แต่เฮอร์คิวเลเนียมอยู่ใกล้กว่ามาก จึงได้รับหายนะมากกว่า
 
วันที่ 26 สิงหาคม [[ค.ศ. 79]] ภูเขาไฟระเบิดเบาลง แต่ก็เกิดฝนตกลงมาบริเวณลาดเขาของภูเขาไฟวิสุเวียส ซึ่งเต็มไปด้วยเถ้าถ่านที่ร้อนจัด
 
วันที่ 27 สิงหาคม [[ค.ศ. 79]] น้ำฝนละลายผสมกับเถ้าถ่านกลายเป็นโคลนเดือดไหลทะลักลงมากลบเมืองเฮอร์คิวเลเนียม ชาวเมืองหลายร้อยคนเสียชีวิต แต่เป็นเพียงส่วนน้อย เพราะส่วนใหญ่ได้ล่องรืออพยพออกไปแล้ว ไม่นาน วิสุเวียสก็หยุดอาละวาด
 
ผู้รอดตายได้กลับไปยังเมืองของตน แล้วได้นำซากอาคารที่โผล่พ้นเถ้าถ่านฝุ่นควันไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น
 
นักประวัติศาสตร์ชาวโรมชื่อ [[แทซิทัส]] ได้ทำการบันทึกเหตุการณ์ดังกล่าวไว้เป็น[[ภาษาละติน]]
 
== การขุดค้นพบเมืองปอมเปอี ==
ใน [[ค.ศ. 1534]] ได้มีการขุดค้นพบซากเมืองปอมเปอีเป็นครั้งแรก แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจ ต่อมาใน [[ค.ศ. 1689]] คนงานขุดคลองส่งน้ำคณะหนึ่ง ได้ขุดไปเจอซากสิ่งก่อสร้างแบบโรมัน และพบเหรียญเงินและรูปปั้น ซึ่งพวกเขาได้เคลื่อนย้ายออกไป และขุดคลองต่อ
 
[[ค.ศ. 1748]] ตระกูลบูร์บง ซึ่งเป็นเชื้อสายกับราชวงศ์บูร์บง ซึ่งเป็นผู้ปกครองรัฐเนเปิลส์ในอิตาลีระหว่าง [[ค.ศ. 1734]]-[[ค.ศ. 1861]] ได้สนใจที่จะค้นหาเมืองปอมเปอี พวกเขาจึงใช้เงินจ้างคนงานไปขุดเมืองโดยกยการขุดเป็นอุโมงค์เข้าไปจนพบเมือง พวกเขาจึงสั่งให้นำสิ่งของมีค่าออกมาและเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวของตระกูลบูร์บง
 
[[ค.ศ. 1861]] รัฐต่างๆในอิตาลีได้รวมกันเข้าเป็นประเทศเดียวกัน ส่งผลให้ตะกูลบูร์บงล่มสลาย ชาวอิตาลีจึงให้ความสนใจกับการขุดปอมเปอีมากขึ้น จิอูเซปเป ฟีออเรลลี ได้เป็นหัวหน้าคณะนักโบราณคดี เขาได้คิดวิธีอันน่าทึ่งในการขุดปอมเปอี เช่น ร่างกายชาวปอมเปอีนั้น ได้ถูกความร้อนและกาลเวลาเปลี่ยนสภาพเป็นโพรงขี้เถ้าขนาดเล็ก เขาได้เจาะรูลงไปเป็นรูเล็กๆ และเทปูนปลาสเตอร์ลงไป รอให้แห้งแล้วจึงขุดขึ้นมา ทำให้เห็นถึงท่าทางสุดท้ายของชาวเมืองหลายคนก่อนที่จะตาย
 
[[ค.ศ. 1924]]-[[ค.ศ. 1961]]หัวหน้าคณะนักโบราณคดีได้เปลี่ยนคนเป็น อเมดีโอ มายอูรี เขาบูรณะซ่อมแซมฝาผนังและเพดาน ข้าวของเครี่องใช้ที่นำมาศึกษาจะถูกวางไว้ที่เดิมหลังศึกษาเสร็จ และเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งผู้มาท่องเที่ยวจะสัมผัสได้ถึงชีวิตที่หรูหราในปอมเปอีและพลังอำนาจของธรรมชาติ
 
{{มรดกโลกอิตาลี}}
เส้น 49 ⟶ 27:
[[หมวดหมู่:เมืองในประเทศอิตาลี]]
[[หมวดหมู่:เนเปิลส์]]
{{Coord|40.751000|N|14.487000|E|display=title}}
 
{{Link FA|bg}}