ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สิทธิสตรี"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
แจ้งต้องการวิกิลิงก์ +เก็บกวาดทันใจด้วยสจห.
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
{{ต้องการวิกิลิงก์}}
{{ปรับภาษา}}
'''สิทธิสตรี''' ({{lang-en|Women's rights}}) คือ [[สิทธิ]]และการให้สิทธิแก่สตรีและเด็กหญิงในสังคมต่างๆ ทั่วโลก
ในบางแห่ง กฎหมาย ขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่น และพฤติกรรมมีส่วนให้การสนับสนุนและสร้างสิทธิเหล่านี้ขึ้นมาเป็นอย่างขนบ ธรรมเนียมประเพณี ในขณะที่ในที่อื่นๆ ผู้คนเพิกเฉยสิทธิสตรีและยับยั้งสิทธิเหล่านี้ สิทธิสตรีแตกต่างจากแนวคิดในมุมมองที่กว้างขึ้นในเรื่องสิทธิมนุษย์โดย พิจารณาจากข้ออ้างต่างๆแสดงความลำเอียงทางประเพณีหรือทางประวัติศาสตร์ที่มี มา ข้ออ้างดังกล่าวต่อต้านการใช้สิทธิสตรีและเด็กหญิงและให้การยอมรับผู้ชายและ เด็กผู้ชายมากกว่า<ref name=Hosken>Hosken, Fran P., 'Towards a Definition of Women's Rights' in ''Human Rights Quarterly'', Vol. 3, No. 2. (May, 1981), pp. 1–10.</ref>
 
บรรทัด 9:
 
=== ประเทศจีน ===
สถานะของผู้หญิงใน[[ประเทศจีน]]อยู่ในสถานะที่ต่ำ โดยส่วนใหญ่แล้วมีสาเหตุมาจากขนบธรรมเนียมประเพณี[[เท้าดอกบัว]] (foot binding) ผู้หญิงชาวจีนคิดเป็นร้อยละ 45 มีเท้าดอกบัวในช่วงศตวรรษที่ 19 ในระดับชนชั้นที่สูงขึ้นพบว่ามีเท้าดอกบัวเกือบ 100% ในปี ค.ศ. 1912 รัฐบาลจีนสั่งให้มีการสิ้นสุดการมีเท้าดอกบัว เท้าดอกบัวมีส่วนสัมพันธ์กับโครงสร้างกระดูกเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เท้ามีความยาวเพียงแค่ประมาณ 4 นิ้ว เท้าดอกบัวก่อให้เกิดความยากลำบากในการเคลื่อนไหวดังนั้นจึงทำให้การทำกิจกรรมต่างๆของสตรีมีจำกัด
มีขนบธรรมเนียมประเพณีทางสังคม คือ ผู้ชายและผู้หญิงไม่ควรอยู่ใกล้กัน ดังนั้นหญิงชาวจีนจึงมีความลังเลในการเข้ารับการรักษาโดยแพทย์ชายที่มีการรักษาตามแบบการแพทย์แผนตะวันตก สิ่งนี้ส่งผลให้เกิดความต้องการแพทย์หญิงอย่างมากในการให้การรักษาตามแบบการแพทย์แผนตะวันตกในประเทศจีน ดังนั้นมิชชันนารีชาวอเมริกันจากคณะอเมริกันบอร์ดจากโบสถ์เพรสบีเทอเรียน (Presbyterian Church) จึงได้ส่งตัวแพทย์หญิงมิชชันนารี ด็อกเตอร์ Mary H. Fulton (ในปี ค.ศ. 1854-1927) <ref> http://www.amazon.com/Inasmuch-Mary-H-Fulton/dp/1140341804 </ref> เพื่อไปก่อตั้งวิทยาลัยแพทยศาสตร์แห่งแรกสำหรับสตรีในประเทศจีน วิทยาลัยนี้เป็นที่รู้จักกันในนาม Hackett Medical College for Women <ref> http://www.hkbu.edu.hk/~libimage/theses/abstracts/b15564174a.pdf </ref><ref> http://www.cqvip.com/qk/83891A/200203/6479902.html </ref> วิทยาลัยนี้ตั้งอยู่ในนครกว่างโจว (Guangzhou) ประเทศจีนและได้รับเงินบริจาคจำนวนมากจากคุณ Edward A.K. Hackett (ในปี ค.ศ. 1851-1916) จากรัฐอินดีแอนา (Indiana) ประเทศสหรัฐอเมริกา วิทยาลัยนี้มุ่งหวังในการเผยแพร่ศาสนาคริสต์และการแพทย์แผนปัจจุบันและการยกระดับสถานะทางสังคมของหญิงชาวจีน<ref name="RebeccaChan"> Rebecca Chan Chung, Deborah Chung and Cecilia Ng Wong, "Piloted to Serve", 2012 </ref><ref name="facebook"> https://www.facebook.com/PilotedToServe </ref>
 
=== ประเทศกรีซ (Greece) ===
 
สถานภาพของสตรีในกรีซ[[กรีกโบราณ]]มีความแตกต่างกันจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่ง มีการบันทึกเกี่ยวกับสตรีในเมืองโบราณต่างๆในประเทศกรีซกรีก เช่น เดลฟี (Delphi) กอร์ไทน์ (Gortyn) เทสซาลี (Thessaly) เมการา (Megara) และสปาร์ตา (Sparta) ในการที่สตรีเป็นเจ้าของที่ เป็นสิ่งที่มีเกียรติมากที่สุดของการมีทรัพย์สมบัติส่วนตัวในช่วงเวลานั้น <ref>{{Cite book| last = Gerhard| first = Ute| title = Debating women’s equality: toward a feminist theory of law from a European perspective| publisher = Rutgers University Press| year = 2001| page = 33| url = http://books.google.com/?id=XMohyLfGDDsC&dq=women+right+to+property| isbn = 978-0-8135-2905-9}}</ref>
 
ในนครรัฐเอเธนส์ (Athens) สมัยโบราณ สตรีไม่มีความเป็นมนุษย์ตามกฎหมายและถือว่าเป็นอย่างส่วนหนึ่งของ oikos (ภาษากรีก ซึ่งแปลว่า “บ้าน” หรือ “ที่อยู่ศัย”) ผู้ชายเป็นอย่างผู้นำ เป็นอย่าง kyrios (ภาษากรีก ซึ่งแปลว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า”) ผู้หญิงจะอยู่ภายใต้การปกครองของบิดาตนหรือญาติคนอื่นซึ่งเป็นเพศชายจนกว่าจะมีการแต่งงาน และเมื่อมีการแต่งงานไปสามีจะกลายมาเป็นพระเจ้าของตน ผู้หญิงถูกห้ามจากการมีส่วนในกระบวนการพิจารณาตามกฎหมาย (legal proceedings) แต่ผู้ชายที่มีฐานะเป็นอย่างพระเจ้าสามารถทำสิ่งดังกล่าวได้ในนามของตน<ref name="google114">{{Cite book| last = Blundell| first =Sue| title = Women in ancient Greece, Volume 1995, Part 2| publisher = Harvard University Press| year = 1995| page = 114| url = http://books.google.com/?id=Xfx1VaSIOgQC&printsec=frontcover&dq=women+ancient+greece#v=onepage&q=women%20athens&f=false| isbn = 978-0-674-95473-1}}</ref>