ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โอปอล"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Octahedron80 (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Octahedron80 (คุย | ส่วนร่วม)
เก็บกวาด
บรรทัด 1:
{{Infobox mineral
| name = โอปอล
| category = [[แร่รัตนชาติ]]
| boxwidth =
| boxbgcolor =
| image = Opal_Armband_800pix.jpg
| imagesize =
| caption = เครื่องประดับจากโอปอล
| formula = [[ไฮเดรต]] [[ซิลิกา]]. SiO<sub>2</sub>·''n''H<sub>2</sub>O
| molweight =
| color = ขาว, ดำ, แดง, แสด, สีรุ้ง, ไม่มีสี
| habit =
| system = ไม่แน่นอน
| twinning =
| cleavage =
| fracture =
| tenacity =
| mohs = 5.5–6.5
| luster = แบบแก้วและยางสน
| polish =
| refractive =
| opticalprop =
| birefringence =
| dispersion =
| pleochroism =
| fluorescence =
| absorption =
| streak = สีขาว
| gravity = 2.15 (+.08, -.90)
| density =
| melt =
| fusibility =
| diagnostic =
| solubility =
| diaphaneity =
| other =
| references =
}}
 
'''โอปอล''' ({{lang-en|Opal}}) เป็น[[อัญมณี]]ในตระกูล[[ควอตซ์]] (Quatrz) เช่นเดียวกับ[[แอเมทิสต์]]ซึ่งเป็นอัญมณีประจำ[[ราศีกุมภ์]] มี[[สเกลของโมส์|ค่าความแข็ง]]ที่ 5 – 6 โมส์ (Moh) มีความวาวแบบแก้วและยางสน มีหลายสีด้วยกัน เช่น สีขาว แดง เหลือง เขียว ม่วง ดำ แต่ที่เป็นที่นิยมมากที่สุด คือ โอปอลไฟ
 
จากสีสันลวดลายอันงดงามที่พาดผ่านบนตัวโอปอลนี้ ทำให้นักประวัติศาสตร์ [[ไพลนี]] (Pliny) ชื่นชมไว้ว่า มันคือศูนย์รวมความงามของเหล่าอัญมณี เพราะประกอบด้วยเปลวไฟสีแดงจากทับทิม ประกายสีม่วงเหมือนแอเมทิสต์ และสีเขียวน้ำทะเลจาก[[มรกต]]
 
คำว่า Opal มาจาก[[ภาษาสันสกฤต]]ว่า Upula แปลว่า หินมีค่า โอปอลเป็นที่รู้จักมาเป็นเวลานานหลายพันปีมาแล้ว โดยเฉพาะประเทศในแถบตะวันตก [[นักโบราณคดี]]ชื่อ Louis Leaky ขุดพบเครื่องประดับโอปอลที่เก่าแก่ที่สุดซึ่งมีอายุถึง 6,000 ปี ในถ้ำที่[[ประเทศเคนยา]] มงกุฎของกษัตริย์แห่งอาณาจักร Holy Roman ประดับด้วยโอปอลชื่อ Orphanus มงกุฎของกษัตริย์แห่ง[[ฝรั่งเศส]]ก็ประดับด้วยโอปอลเช่นกัน อัญมณีสีรุ้งนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเขียนในสมัยก่อนมากมาย เช่น [[วิลเลียม เช็คสเปียร์]] (William Shakespeare) [[เซอร์ วอลเตอร์ สก็อต]] (Sir Walter Scott) ก่อให้เกิดภาพลักษณ์ใหม่ ๆ แก่โอปอล
 
คำว่า Opal มาจาก[[ภาษาสันสกฤต]]ว่า Upula แปลว่า หินมีค่า โอปอลเป็นที่รู้จักมาเป็นเวลานานหลายพันปีมาแล้ว โดยเฉพาะประเทศในแถบตะวันตก [[นักโบราณคดี]]ชื่อ Louis Leaky ขุดพบเครื่องประดับโอปอลที่เก่าแก่ที่สุดซึ่งมีอายุถึง 6,000 ปี ในถ้ำที่[[ประเทศเคนยา]] มงกุฎของกษัตริย์แห่งอาณาจักร Holy Roman ประดับด้วยโอปอลชื่อ Orphanus มงกุฎของกษัตริย์แห่ง[[ฝรั่งเศส]]ก็ประดับด้วยโอปอลเช่นกัน อัญมณีสีรุ้งนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเขียนในสมัยก่อนมากมาย เช่น [[วิลเลียม เช็คสเปียร์]] (William Shakespeare) [[เซอร์ วอลเตอร์ สก็อต]] (Sir Walter Scott) ก่อให้เกิดภาพลักษณ์ใหม่ ๆ แก่โอปอล
 
=== สัญลักษณ์แห่งความหวังของชาวตะวันตก ===
 
ชาวตะวันตกเชื่อกันว่าโอปอลเป็นหินแห่งโชคลาง มีความเกี่ยวข้องกับไสยศาสตร์ สามารถบอกเหตุล่วงหน้าได้ว่าจะเกิดเหตุดีหรือเหตุร้าย โอปอลยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง เพราะมันเต็มไปด้วยสายรุ้งแห่งความหวัง ผู้ที่สวมใส่อัญมณีชนิดนี้จะสมหวังในสิ่งที่ต้องการ ชาวอาหรับเชื่อว่าโอปอล คือ อัญมณีที่ตกลงมาจากสวรรค์
 
ทางด้านการบำบัด หากสตรีมีครรภ์สวมใส่โอปอลจะช่วยให้คลอดบุตรง่าย หากทำเป็นเครื่องประดับผมจะช่วยให้ผมดำเงางาม ในยุคกลาง เชื่อกันว่าโอปอลทำให้สายตาดี หากกลัดเป็นเข็มกลัดไว้ที่หน้าอกจะช่วยให้ปอดดีขึ้น
 
=== ตำนานการเกิดโอปอล ===
 
สีสันหลากหลาบนโอปอลมีตำนานเล่าขานกันว่า เทพแห่งดวงอาทิตย์ เทพแห่งไฟ และเทพแห่งสวรรค์หลงรักผู้หญิงคนเดียวกัน ทำให้เทพทั้งสามบาดหมางกัน เทพเจ้าซีอุสจึงแก้ปัญหาโดยสาปหญิงผู้นั้นให้กลายเป็นหมอก แต่เทพทั้งสามกลับกลัวว่าตนเองจะจำหญิงผู้นั้นไม่ได้ เทพแห่งดวงอาทิตย์จึงให้สีทองแก่นาง เทพแห่งไฟให้สีแดง ส่วนเทพแห่งสวรรค์ให้สีน้ำเงิน เทพซีอุสเห็นว่าเรื่องราววุ่นวายมากขึ้น จึงเสกให้ร่างของหญิงสาวกลายเป็นโอปอล ตั้งแต่นั้นมา โอปอลจึงมีสีสันสวยงามดังที่เห็น
 
ในทางวิทยาศาสตร์ การที่โอปอลมีสันหลากหลายนั้นเกิดจากอนุภาคของทรายซึ่งเป็นส่วนประกอบของโอปอลเรียงตัวไม่เป็นระเบียบ ทำให้เกิดช่องว่างภายในเป็นโพรงเล็ก ๆ และมีน้ำแทรกอยู่ในช่องว่าง จึงเกิดแสงสะท้อนให้เห็นเป็นสีสันต่าง ๆ มากมาย
 
ในทางวิทยาศาสตร์ การที่โอปอลมีสันหลากหลายนั้นเกิดจากอนุภาคของทรายซึ่งเป็นส่วนประกอบของโอปอลเรียงตัวไม่เป็นระเบียบ ทำให้เกิดช่องว่างภายในเป็นโพรงเล็ก ๆ และมีน้ำแทรกอยู่ในช่องว่าง จึงเกิดแสงสะท้อนให้เห็นเป็นสีสันต่าง ๆ มากมาย
 
== ปัจจุบัน ==
เส้น 66 ⟶ 64:
 
ทางฝ่ายด้านเอเซีย ประเทศที่รู้จักการเจียระไนโอปอล เป็นประเทศแรกนั้น เชื่อว่าได้แก่ประเทศลังกา '' (Ceylon) ''ในประเทศไทย เริ่มมีการเจียระไนโอปอลเป็นครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2494 โดยคุณอนันต์ ซาลวาลา เจ้าของบริษัทไทยแลปปิ๊ดดารี่ ในปัจจุบันเท่าที่ทราบปรากฏว่า ชาวไทยเราเจียระไนโอปอลได้นิ่มนวล และสวยงามมาก ประเทศญี่ปุ่นเอง ก็ยังมีการเจียระไนโอปอล หลังประเทศไทยเรา เท่าที่ทราบมา มิสเตอร์ [[มุชิยูกิโกฟู]] เป็นช่างเจียระไนโอปอลคนแรกของญี่ปุ่น
 
 
== คุณสมบัติ ==
เส้น 77 ⟶ 74:
คุณสมบัติทางฟิสิกส์ของโอปอล คือ ไม่มีรูปผลึก '' (Amorphous) ''และมักจะมีลักษณะคล้ายพวงองุ่น '' (botryoidal) ''[[ไฟล์:Close-packed spheres.jpg|thumb|300pm|ภาพแสดง โครงสร้างของโอปอล]]
หรือคล้ายๆ หินย้อย '' (Stalactite) '' มีรอยแตกเว้ากึ่งๆโค้ง มีความแข็งอยู่ในช่วง 5.5 - 6.5 ตามสเกล ความแข็งมาตรฐานโมห์ '' (Moh's scale of hardness) ''
มีค่าความถ่วงจำเพาะ 1.9 - 2.2 มีความวาวคล้ายแก้ว บางครั้งก็มีความวาวคล้ายยางสน สีของโอปอลอาจจะเป็นสีขาว ไม่มีสี สีเหลือง แดง น้ำตาล เขียว เทา
และน้ำเงินขึ้นกับมลทินที่เข้ามาเจือปนอยู่ บางครั้งจะแสดงคุณสมบัติโอปอเลสเซนท์ '' (Opalescense) '' คือเมื่อขยับไปมาจะเล่นสีได้
เนื้อมีลักษณะโปร่งใสถึงโปร่งแสง ค่าดัชนีหักเหหรือมาตรการแสงหักเห '' (Refractive index) '' ไม่คงที่ ปกติอยู่ในช่วงระหว่าง 1.435 - 1.455
โอปอลไม่มีรอยแยกแนวเรียบ '' (Cleavage) '' อย่างเช่นรัตนชาติอื่นๆ มีแต่เฉพาะรอยแตก '' (Fracture) '' ซึ่งมักจะแตกเป็นรูปก้นหอย '' (Conchoidal fracture) ''
 
นอกจากนี้แล้ว โครงสร้างของโอปอลยังเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือโมเลกุลซิลิกอนไดอ๊อกไซด์จับตัวกันแบบรูปปิรามิดโดยมีน้ำแทรกอยู่ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดการเล่นสีขึ้น คล้ายกับการเกิดรุ้งบนฟองสบู่
โอปอลมีหลายสี แต่ที่พบมาก คือสีขาว สีดำถือว่าราคาแพงที่สุดเพราะจะทำให้การเล่นสีเด่นชัดขึ้น โอปอลไฟ (เหลือง ส้ม แดง) มักจะนำมาเจียระไน และใช้แทนทับทิม โอปอลที่หายาก คือ สีเขียว น้ำเงิน
โอปอลจะบอบบาง จึงมักจะถูกประกบด้านล่าง 2-3 ชั้น ด้วยโอปอลสีดำ และด้านบนปะด้วยควอทซ์ใส ซึ่งเป็นวิธีที่ดีมากในการนำโอปอลมาทำแหวน หรือเครื่องประดับอื่นๆที่ต้องการการปรับปรุงคุณภาพอย่างหยาบ
 
เส้น 99 ⟶ 96:
 
'''6.ดินเบา''' '' (ไดอะตอมไมท์ Diatomite) '' โอปอลชนิดนี้มีเนื้อละเอียดคล้ายชอล์ก เกิดจากการสะสมตัวของซากชีวินพวกไดอะตอม ซึ่งเนื้อจริงๆ ของไดอะตอมไมท์ก็คือ โอปอล
 
 
== ประเภทของโอปอล ==
เส้น 105 ⟶ 101:
Bauer (1969) ได้แบ่งโอปอลออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ
 
'''1.พรีเชียสโอปอล''' '' (Precious Opal) '' หรือโอปอลที่มีค่าทางรัตนชาตินี้ [[ไฟล์:WLA hmns Fiery Opal Opalville Mine.jpg|thumb|300 pm|ภาพแสดง พรีเชียสโอปอล]]โดยหลักการณ์ทั่วไป เป็นโอปอลที่มีการเล่นสี (Play of colour) เป็นประกาย ได้สวยงามมาก และมีค่าสูง หาได้ยาก [[Bauer]] (1969) อธิบายลักษณะไว้ว่า พรีเชียลโอปอลเป็นโอปอลที่มีค่ามากที่สุด มีการเล่นสี เกิดเป็นประกายสวยงาม ซึ่งสะท้อนออกมาให้เห็นจากภายในเนื้อของตัวมันเอง ไม่ใช่เป็นสีซึ่งเกิดจากมีมลทินอื่นแปลกปลอมเข้าไป ในบางครั้งการเล่นสีอาจปรากฏให้เห็นทั่วทั้งผิวหน้า ซึ่งเจียระไนขัดมันของโอปอลหรืออาจมีการเล่นสีเพียงบางจุด หากพลิกดูจุดนั้นจะค่อยๆ หายไปบนพื้นหน้าพลอยนั้น พรีเชียสโอปอล จะมีความวาว (Luster) ซึ่งจัดว่าไม่สูงนักและมีความแข็งค่อนข้างต่ำ การเล่นสี อยู่ในช่วงที่ไม่ลึกลงไปนัก จึงเป็นเหตุอันหนึ่งซึ่งทำให้ไม่มีการเจียระไนโอปอลชนิดนี้เป็นเหลี่ยมตัด (Facet) นอกจากนี้แล้ว พรีเชียสโอปอลยังมีความโปร่งแสง (Translucent) และบางครั้ง อาจมีความโปร่งใส (Transparent) ได้
 
'''2.โอปอลไฟ''' '' (Fire opal) '' หรือ '' (Sun opal) '' จัดเป็นโอปอลที่มีค่าสูง รองจากโอปอลดำ บางเม็ดอาจมีค่า เทียบเท่า หรือแพงกว่าโอปอลดำก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ ความสวยงามของแต่ละเม็ด มีทั้งแบบไม่มีสี '' (Colourless) '' สีน้ำตาล เหลืองอ่อน และสีน้ำตาลแดงเข้ม โอปอลไฟสีแดง โดยปกติมีราคาดีกว่าโอปอลไฟสีเหลือง เหตุที่เรียกกันว่า โอปอลไฟนั้น ก็เพราะเมื่อนำมาส่องดูภายใต้แสงไฟแล้ว จะเห็นสีสะท้อนบนผิวเหมือนลักษณะดวงไฟเกิดขึ้น คล้ายเปลวไฟ ธรรมดานี่เอง โอปอลไฟ แยกออกจากโอปอลดำได้อย่างง่ายๆ ก็ตรงลักษณะเปลวไฟอันนี้เอง และโดยลักษณะสี ของโอปอลไฟ ถึงแม้จะคล้ายคลึงกับ โอปอลดำ หรือพรีเชียสโอปอล สีของโอปอลไฟจะไม่สะดุดตาเท่า คือมีความสุกสว่าง ของประกายสี ด้อยกว่าโอปอลดำหากโอปอลไฟมีลักษณะดวงไฟเกิดขึ้น บนพื้นหน้าที่เจียระไนให้เห็นมากเท่าไหร่ ราคาก็จะยิ่ง แพงมากขึ้นเท่านั้น
เส้น 124 ⟶ 120:
 
6.'''แคทโชลอง''' '' (Cacholong) '' เป็นโอปอลที่มีความพรุนตัวสูง หากทำให้น้ำออกหมดจะมีลักษณะทึบแสงหรือถ้าหากดูดน้ำเข้าเต็มที่จะโปร่งแสง
 
 
== แหล่งที่พบโอปอล ==
เส้น 133 ⟶ 128:
=== ในประเทศไทย ===
* ไดอะตอมไมท์ พบหลายแห่งใน จ.[[ลำปาง]] โอปอลธรรมดาพบที่ ลำนารายณ์ จ.[[ลพบุรี]] ไม้เนื้อโอปอลพบที่ จ.[[นครราชสีมา]] เกิดในแหล่งแร่ฟลูออไรท์ ที่บ้านปาง จ.[[ลำพูน]]
 
 
== ประโยชน์ของโอปอล ==
 
ประโยชน์ของโอปอล คือ ใช้ในลักษณะที่เป็นรัตนชาติโดยประโยชน์ของโอปอลที่เห็นได้ชัดๆ ก็คือนำเอามาทำเครื่องประดับต่างๆ จำพวกล็อกเกต แหวน ต่างหู เข็มกลัดเนคไท เข็มกลัดเสื้อ และทำด้ามมีดเล็กๆ เป็นต้น ในการเจียระไน มักจะนิยมเจียระไน เป็นรูปโค้งหลังเต่า หลังเบี้ย หรือรูปไข่ ไม่ค่อยนิยมเจียระไนเป็นรูปเหลี่ยมตัด เพราะเหตุที่ โอปอลมีเนื้ออ่อน ตรงมุมที่หน้าพลอยตัดกัน จะหักหลุดได้ง่ายๆ ยกเว้นโอปอลไฟเท่านั้น บางครั้ง จะนำมาเจียระไนเป็นเหลี่ยมตัด และเพราะว่าโอปอลมีเนื้ออ่อนอยู่แล้ว ประกอบกับเมื่อถูกอากาศหรือแสงแดดมาก น้ำในโครงสร้างจะระเหยออกไป สีสันของโอปอลก็จะจางลง จึงไม่พบว่านำเอาโอปอลมาทำของอย่างอื่น
 
โอปอลขนาดใหญ่ๆ จะมีราคาสูง สำหรับดินเบา (ไดอะตอมไมท์) ใช้ทำเป็นผงขัด '' (abrasive) '' ผงกรอง '' (filtration powder) '' ใช้ทำฉนวนไฟฟ้า '' (insulation product) '' และใช้เติมลงไปในสารใดๆ เพื่อเพิ่มน้ำหนัก '' (filter) ''
 
 
 
== สมบัติอื่นที่มีต่อของแสงในแร่ ==
เส้น 150 ⟶ 142:
 
3.'''ยี่หร่าหรือสาแหรก''' '' (Asterism) '' ลักษณะของยี่หร่า คือการเกิดประกายคล้ายดาวเป็นแฉก ๆ อย่างที่พบใน star sapphire หรือทับทิม เกิดขึ้นเมื่อแร่ถูกตัดในทิศทางที่ตั้งฉากกับแกนเอก '' (Principal axis) '' ของผลึกจำนวนแฉกที่เกิดขึ้นจะบ่งจำนวนสมมาตรของแกนเอกนั้น เช่น 6, 4, 3, และ 2 เป็นต้น
 
 
 
== ข้อมูลที่น่าสนใจ ==
 
โอปอลมีประกายสีแดงของ[[ทับทิม]] มีประกายสีม่วงของอแมทิสต์ และสีเขียวของมรกต รวมอยู่ภายในตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งเป็นที่ประทับใจต่อ Pliny the Elder (ค.ศ. 23-79) นักประวัติศาสตร์โรมัน และนักเขียนเอนไซโคปิเดียร์ เล่มแรกของโลกเป็นอย่างมาก ชาวโรมันถือว่า โอปอลเป็นสัญลักษณ์ของความหวัง ความบริสุทธิ์ ในขณะที่ชาวกรีซเชื่อว่า ช่วยในการทำนาย ล่วงรู้อนาคต ในขณะที่ชาวอาหรับเชื่อว่า โอปอลตกจากสวรรค์ ในขณะฟ้าผ่าจึงทำให้มีสีหลากหลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ไม่น่าเชื่อเลยว่า สีของโอปอลที่เห็นเกิดจากน้ำ 5-10% ที่ถูกขังในตัวโอปอล ในขณะที่แสงสีต่างๆ เกิดจากการเรียงตัวกันของซิลิกอนไดอ๊อกไซด์ รูปทรงกลม
 
 
== อ้างอิง ==
เข้าถึงจาก "https://th.wikipedia.org/wiki/โอปอล"