ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แควาเลียร์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
OctraBot (คุย | ส่วนร่วม)
replaceViaSearch
Applezapotis (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
{{ใช้ปีคศ|width=280px}}
[[Image:Prince Rupert-Simon Verelst.jpg|thumb|280px |“''[[เจ้าชายรูเปิร์ตแห่งไรน์]]'' โดย ไซมอน เวเรลสต์]]
'''ฝ่ายกษัตริย์นิยม''' หรือ '''คาวาเลียร์''' ([[ภาษาอังกฤษ]]: '''Cavalier''' หรือ '''Royalist''') “คาวาเลียร์” เป็นคำที่[[ฝ่ายรัฐสภา]]ใช้เรียกผู้นิยมกษัตริย์ที่สนับสนุน[[สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 แห่งอังกฤษ|พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1]] ระหว่าง[[สงครามกลางเมืองอังกฤษ]] (ระหว่างปี [[ค.ศ. 1642]] ถึงปี [[ค.ศ. 1651]]) [[เจ้าชายรูเปิร์ตแห่งไรน์]] ผู้ทรงเป็นแม่ทัพกองทหารม้าของพระเจ้าชาร์ลส์ ทรงมีลักษณะที่เรียกได้ว่าเป็นตัวอย่างของผู้เป็น '''คาวาเลียร์”เลียร์'''<ref>, Manganiello, [http://books.google.co.uk/books?id=an-eXXA3DBMC&pg=PA476&sig=ACfU3U1ArT-kmcryPT3-QKYVo2M0M2gtUQ p. 476]</ref>
 
== ช่วงต้น ==
==การริเริ่มใช้==
คาวาเลียร์มีรากศัพท์มาจากภาษาละตินเช่นเดียวกับคำว่า ''เชอวาลิเยร์'' (Chevalier; อัศวิน) ในภาษาฝรั่งเศส และคำว่า ''กาบาเญโร'' (Caballero; สุภาพบุรุษ) ในภาษาสเปน โดยในภาษาละตินพื้นบ้านซึ่งเป็นรากศัพท์คำว่า ''คาบาลลาเรียส'' (Caballarius) แปลว่าทหารม้า ส่วน[[วิลเลียม เชกสเปียร์|เชกสเปียร์]]ใช้คำว่า ''คาวาเลอรอส'' (Cavaleros) เพื่อใช้อธิบายอันธพาลเอาแต่ใจหรือชายเจ้าชูผู้ผยองตนในบทละคร ''[[พระเจ้าเฮนรีที่ 4 (ละคร)|พระเจ้าเฮนรีที่ 4 ตอนที่สอง]]'' โดยกล่าวเพียงผิวเผินว่า "ข้าจะดื่มแด่บาร์ดอล์ฟผู้เป็นนายของข้า และแด่เหล่าคาวาเลอรอสทุกคนในลอนดอน"<ref name=OED-Cavalier>OED. "Cavalier"</ref>
“คาวาเลียร์” มาจากภาษาสเปน “caballeros” ที่มีรากมาจาก[[ภาษาละตินพื้นบ้าน]] (Vulgar Latin) “คาวาเลียร์” ที่แปลว่านายอาชา วิลเลียม เชคสเปียร์ใช้คำว่า “cavaleros” ในการบรรยายผู้วางมาดใน “เฮนรีที่ 4 ตอน 2” เมื่อแชลโลว์ (Shallow) กล่าวว่า “I'll drink to Master Bardolph, and to all the cavaleros about London.”<ref name=OED-Cavalier>OED. "Cavalier"</ref>
[[File:Burton, William Shakespeare- The Wounded Cavalier.jpg|thumbnail|right|''คาวาเลียร์ผู้บาดเจ็บ'' โดย วิลเลียม เชกสเปียร์ เบอร์ตัน]]
 
== สงครามกลางเมืองอังกฤษ ==
[[File:Sir-Anthony-van-Dyck-Lord-John-Stuart-and-His-Brother-Lord-Bernard-Stuart.jpg|thumb|right|ภาพเหมือนของลอร์ดจอห์น สจ็วตและน้องชายลอร์ดเบอร์นาร์ด สจ็วต ซึ่งทั้งสองเสียชีวิตในการต่อสู้เพื่อองค์กษัตริย์ วาดโดยเซอร์[[แอนโทนี แวน ไดค์]]]]
''คาวาเลียร์'' เป็นคำอธิบายเกี่ยวข้องกับฝ่ายนิยมกษัตริย์ผู้สนับสนุนพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 ในการต่อสู้กับฝ่ายรัฐสภาอังกฤษช่วง[[สงครามกลางเมืองอังกฤษ]] ในตอนแรกปรากฎเป็นคำศัพท์เชิงตำหนิและดูถูกที่ใช้เรียกผู้สนับสนุนพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 ช่วงฤดูร้อนปี ค.ศ. 1642:
{{quote|ค.ศ. 1642 (10 มิถุนายน) ''ประพจน์ของฝ่ายรัฐสภา'' ในแคลเรนดัน วี. (1702) ไอ. 504 กลุ่มผู้มุ่งร้ายหลากหลายประเภทผู้ซึ่งเกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์; บางส่วนใช้ชื่อคาวาเลียร์กระทำการอันไม่เคารพกฏหมายของแผ่นดินหรือไม่เกรงกลัวทั้งพระเจ้าและมนุษย์ด้วยกันเอง พร้อมที่จะกระทำการชั่วร้ายและรุนแรงในทุกรูปแบบ, ค.ศ. 1642 (17 มิถุนายน) ''คณะกรรมาธิการและขุนนางฎีกา'' ในรุส์ชว์ ชุดที่สาม (1721) ไอ. 631 ที่ซึ่งสมเด็จ..จะโปรดให้ยกเลิกองค์รักษ์วิสามัญของคุณ คาวาเลียร์และผู้อื่นในลักษณะเช่นนั้น ผู้ซึ่งมีความสนใจและเสน่หาอันน้อยนิดในประโยชน์ทางสาธารณะ คำพูดและอัชฌาสัยมีเพียงแต่การแบ่งแยกและสงคราม|[[พจนานุกรมภาษาอังกฤษ ฉบับออกซฟอร์ด]]: "คาวาเลียร์"<ref name=OED-Cavalier/>}}
 
พระราชดำรัสของพระเจ้าชาร์ลส์ต่อคณะกรรมธิการฎีกาในวันที่ 13 มิถุนายน ค.ศ. 1642 กล่าวถึงคาวาเลียร์ว่า "คำศัพท์ถึงความผิดพลาดใดที่ดูเหมือนจะได้รับความไม่พอใจอย่างมาก"<ref name=EB-Cavalier/> ต่อมาคำว่าคาวาเลียร์ก็ถูกใช้ในอีกความหมายหนึ่ง (เป็นชื่อของเกียรติยศ) โดยพรรคของพระมหากษัตริย์ ผู้ซึ่งงในทางกลับกันได้เรียก[[ฝ่ายรัฐสภา]]ว่าเป็นคู่อริ และในช่วงการฟื้นฟูราชวงศ์ พรรคของราชสำนักยังคงรักษาชื่อนี้เอาไว้จนอยู่รอดต่อมาถึงการเรียกใช้คำใหม่ว่า "[[ขุนนางทอรี|ทอรี]]"<ref name=EB-Cavalier>[[Encyclopaedia Britannica Eleventh Edition]] Article: CAVALIER</ref>
 
ในอดีตคาวาเลียร์ไม่ได้ถูกเข้าใจในความหมายปัจจุบันซึ่งใช้อธิบายถึงลักษณะการแต่งกาย แต่เป็นคำที่ใช้อธิบายทัศนคติด้านสังคมและการเมือง อย่างไรก็ตามในปัจจุบันคำว่าคาวาเลียร์กลายมาเป็นคำที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกับลักษณะการแต่งกายในราชสำนักซึ่งไว้ผมยาวสลวยเป็นลอน, สีสันสดใส และถูกตัดอย่างบรรจง รวมไปถึงการใส่ปลอกคอลูกไม้และกำไลข้อมือ และหมวกประดับขนนก<ref>OED "Cavalier", Meaning 4. ''attrib.'', First quotation "1666 EVELYN ''Dairy'' 13 Sept., The Queene was now in her cavalier riding habite, hat and feather, and horseman's coate." </ref> ซึ่งแตกต่างจากการแต่งตัวของฝ่ายรัฐสภาสุดโต้งที่สนับสนุน[[รัฐสภาอังกฤษ]] โดยจะแต่งตัวด้วยชุดที่เรียบง่ายกว่าและไว้ผมสั้น ซึ่งภาพพจน์ของทั้งสองฝ่ายต่างถูก[[การเหมารวม|เหมารวม]]อย่างสอดคล้องกันทั้งหมด นายพลส่วนมากของฝ่ายรัฐสภาสวมใส่หมวกซึ่งมีความยาวเช่นเดียวกับฝ่ายกษัตริย์นิยม แต่[[โอลิเวอร์ ครอมเวลล์]] เป็นกรณียกเว้น และในความเป็นจริงแล้วผู้วาดสภาพเสมือนของขุนนางที่ดีที่สุดและเป็นผู้แสดงภาพพจน์ของฝ่ายคาวาเลียร์ได้ดีที่สุดอย่าง [[แอนโทนี แวน ไดค์]] จิตรกรในราชสำนักพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 กลับเข้าร่วมกับฝ่ายรัฐสภาในสงครามกลางเมือง ส่วนภาพที่แสดงถึงคาวาเลียร์อันโด่งดังที่สุดน่าจะเป็น ''[[คาวาเลียร์ผู้หัวเราะ]]'' โดย[[ฟรันส์ ฮาลส์]] ซึ่งแสดงถึงสุภาพบุรุษจากเมืองฮาร์เลมของฝ่ายคาวาเลียร์จัดใน[[สาธารณรัฐดัตช์|ดัตช์]]ในปี ค.ศ. 1642 ภาพพจน์ของคาวาเลียร์ในทางเสื่อมเสีย (ในช่วงเวลาที่มีการใช้อย่างแพร่หลาย) ยังแสดงให้เห็นว่าฝ่ายรัฐสภามองฝ่ายกษัตริย์นิยมว่าเป็นกลุ่มคนเอาแต่ใจที่ให้ความสำคัญกัยความฟุ้งเฟ้อมากกว่าประเทศชาติส่วนรวม
 
[[File:King Charles I and his adherents.jpg|thumb|left|ภาพแกะสลักพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 และผู้ติดตาม]]
อนุศาสนาจารย์ของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 อธิบายคาวาเลียร์ว่า "เยาวชนแห่งเกียรติยศ สุภาพบุรุษจากตระกูลผู้ดี ผู้ซึ่งรักกษัตริย์ของเขาเพราะความรู้สึกผิด ด้วยใบหน้าอันแจ่มชัดและดูโดดเด่นกว่าใคร และด้วยหัวใจอันจงรักภักดีกว่าใคร"<ref>Carlton [http://books.google.co.uk/books?id=tVugNXnVrVAC&pg=PA52&lpg=PA52&source=web&ots=R_397WDr76&sig=dHZRxGeThJzUK7F71kI1FieSNCM&hl=en&sa=X&oi=book_result&resnum=3&ct=result p. 52]</ref> ซึ่งมีชายหลายคนในกองทัพฝ่ายนิยมกษัตริย์ผู้สอดคล้องกับคำอธิบายข้างต้น ที่ซึ่งนายทหารภาคสนามมีอายุอยู่ในช่วงต้นของวัยสามสิบ, แต่งงานแล้ว และมีที่ดินในชนบทที่ต้องกลับไปจัดการ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มีทัศคติเดียวกันในการเทิดทูนพระเจ้าในฐานะอิสรภาพของอังกฤษแห่ง[[กองทัพตัวอย่าง]] แต่พระเจ้าก็มักจะเป็นศูนย์รวมใจในชีวิตของพวกเขา คาวาเลียร์ลักษณะเช่นนี้ถูกอุปมาโดย[[เจคอป แอสต์ลีย์ บารอนแอสต์ลีย์แห่งเรดดิงที่ 1]] ผู้ซึ่งกล่าวคำภาวนาอันโด่งดังช่วงก่อน[[ยุทธการเอ็ดจฮิลล์]]ว่า "โอ พระเจ้า, ท่านรู้ดอกไม่ว่าวันนี้ตัวข้าจะยุ่งสักเพียงไร หากข้าพเจ้าลืมท่าน โปรดอย่าลืมข้าพเจ้า"<ref>Hume [http://books.google.co.uk/books?id=rBcUAAAAYAAJ&pg=PA216 p. 216] See footnote r. cites Warwick 229. </ref> ในการสิ้นสุดลงของ[[สงครามกลางเมืองอังกฤษครั้งที่ 1|สงครามกลางเมืองครั้งที่ 1]] แอสต์ลีย์ให้สัตยาบันว่าจะไม่จับอาวุธขึ้นสู้กับรัฐสภาอีกครั้ง และให้คำมั่นว่าเขารู้สึกถึงหน้าที่ซึ่งห้ามเขาไม่ให้ช่วยเหลือฝ่ายกษัตริย์นิยมในการก่อ[[สงครามการเมืองอังกฤษครั้งที่สอง|สงครามการเมืองครั้งที่สอง]]
 
[[File:The_Cavalier.jpg|thumb|ทหารของ[[โอลิเวอร์ ครอมเวลล์|ครอมเวลล์]]บุกเข้าไปในที่อยู่อาศัยของคาวาเลียร์ วาดโดยเจ. วิลเลียมสัน สำหรับหนังสือ ''ภาพแห่งประวัติศาสตร์บริเตนเพิ่มเติม'' โดยอี.แอล.ฮอสคิน กรุงลอนดอน ค.ศ. 1914]]
 
อย่างไรก็ตาม สัตยาบันดังกล่าวกลับถูกประกาศโดยฝ่ายรัฐสภาว่าเป็นภาพพจน์ชวนเชื่อและดูหมิ่นของความมักมากในกาม, ชายเสเพลผู้ดื่มสุราจัดและไม่ค่อยนึกถึงพระเจ้า ซึ่งเป็นภาพพจน์นี้เองที่ยังคงอยู่รอดมาและตรงกับลักษณะของฝ่ายกษัตริย์นิยมหลายคน เช่น เฮนรี วิลมอต์ เอิร์ลแห่งรอเชสเตอร์ที่ 1<ref>Barratt, 177</ref></ref> และ [[จอร์จ กอริง ลอร์ดกอริง|ลอร์ดกอริง]] ผู้ซึ่งเป็นนายพลในกองทัพฝ่ายกษัตริย์นิยม<ref>Memegalos, [http://books.google.co.uk/books?id=1JFoOlQlLjQC&printsec=frontcover#PPP4,M1 inside front cover]</ref> เอ็ดเวิร์ด ไฮด์ เอิร์ลที่ 1 แห่งแคลเรนดัน ที่ปรึกษาคนสำคัญของ[[พระเจ้าชาลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ|พระเจ้าชาลส์ที่ 2]] กล่าไว้ว่าเขา "จะล้มเลิกความไว้วางใจใดๆ โดยปราศจากความลังเล และผ่านร่างพระราชบัญญัติการคลังใดก็ตามเพื่อบรรเทาความกระหายและตอบสนองความประสงค์ทั่วไป; และในความเป็นจริงมิได้ประสงค์สิ่งใดเลยนอกจากความมานะอุตสาหะ (ให้เขามีปัญญา, ความกล้าหาญ, ความเข้าใจ และความทะเยอทะยาน ที่ไม่ถูกควบคุมโดยความกลัวจากพระเจ้าหรือมนุษย์ด้วยกันเอง) เพื่อให้เขามีเชื่อเสียงและประสบความสำเร็จสูงสุดในความชั่วร้ายในฐานะใครก็ตามไม่ว่าจะในยุคที่เขามีชีวิตอยู่หรือยุคก่อนหน้าก็ตาม คุณสมบัติอำพรางทั้งหมดถือว่าเป็นงานชิ้นเอกของเขา; ที่ซึ่งเขาเชี่ยวชาญอย่างมาก มากเสียจนผู้คนไม่ได้ละอายใจหรือเสียหน้าด้วยการถูกหลอกอย่างปกติ แต่รู้สึกดังกล่าวซ้ำสองจากตัวเขา<!--- ต้องการคำแปลที่ดีกว่าจากคำพูดต้นฉบับ: "would, without hesitation, have broken any trust, or done any act of treachery to have satisfied an ordinary passion or appetite; and in truth wanted nothing but industry (for he had wit, and courage, and understanding and ambition, uncontrolled by any fear of God or man) to have been as eminent and successful in the highest attempt of wickedness as any man in the age he lived in or before. Of all his qualifications dissimulation was his masterpiece; in which he so much excelled, that men were not ordinarily ashamed, or countenance, with being deceived but twice by him." ---><ref>[[Encyclopaedia Britannica Eleventh Edition]] Article: GEORGE GORING GORING</ref> ความรู้สึกนี้ถูกพัฒนาขึ้นในการใช้คำว่าคาวาเลียร์ของภาษาอังกฤษสมัยใหม่ ซึ่งใช้อธิบายทัศนคติที่หละหลวมและไม่ใยดี
 
คาวาเลียร์ยังถูกใช้อธิบายถึงสมาชิกของพรรคการเมืองที่สนับสนุนระบอบกษัตริย์ จนกระทั่งวิกฤตการณ์[[ร่างพระราชบัญญัติการยกเว้นผู้สืบราชบัลลังก์]] ค.ศ. 1678 – ค.ศ. 1681 ที่คำดังกล่าวถูกแทนที่ด้วยคำว่า "[[ขุนนางทอรี|ทอรี]]" ซึ่งเป็นอีกคำหนึ่งที่ถูกใช้เชิงดูถูกเหยียดหยามในตอนแรก และในช่วงเวลาดังกล่าวคำที่ใช้เรียกฝ่ายรัฐสภาว่า ''กลุ่มหัวเกรียน'' ก็ถูกแทนที่ด้วยคำว่า "[[พรรควิก (สหราชอาณาจักร)|วิก]]" ซึ่งก็ถูกใช้ในเชิงดูถูกเหยียดหยามในตอนแรกเช่นกัน{{sfn|Worden|2009|p=4}}
 
== ในศิลปกรรม ==
[[File:Charlesx3.JPG|thumbnail|right|ภาพเหมือนพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 แห่งอังกฤษจากสามมุมมองอันโด่งดังโดย[[แอนโทนี แวน ไดค์]]]]
[[File:Millais Royalist.jpg|thumb|ฝ่ายกษัตริย์นิยมผู้ถูกเนรเทศ ค.ศ. 1651 โดย [[จอห์น เอเวอเรทท์ มิเลส์]]]]
ตัวอย่างของภาพวาดแนวคาวาเลียร์สามารถพบเห็นได้ใน ''ภาพเหมือนพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 แห่งอังกฤษจากสามมุมมอง'' โดย [[แอนโทนี แวน ไดค์]]
 
== หมายเหตุ ==
{{รายการอ้างอิง|2}}
 
== อ้างอิง ==
 
{{รายการอ้างอิง}}
*Barratt, John. ''Cavalier Generals: King Charles I and His Commanders in the English Civil War, 1642-46'', Pen & Sword Military, 2005
*Carlton, Charles. ''Going to the Wars: The Experience of the British Civil Wars, 1638–1651'', Routledge, 1994 ISBN 0-415-10391-6.
*[[David Hume|Hume David]]. ''The History of England from the Invasion of Julius Caesar to the Revolution 1688 (Volume V)''.T. Cadell, 1841
*Manganiello Stephen C. ''The Concise Encyclopedia of the Revolutions and Wars of England, Scotland, and Ireland, 1639–1660'', Scarecrow Press, 2004, ISBN 0-8108-5100-8
*Memegalos, Florene S. ''George Goring (1608–1657): Caroline Courtier and Royalist General'', Ashgate Publishing, Ltd., 2007 ISBN 0-7546-5299-8
*[[Oxford English Dictionary]] Second Edition 1989 (OED).
*{{cite book|ref=harv |last=Worden |first=Blair |year=2009 |title=The English Civil Wars 1640&ndash;1660|location=London |publisher=Penguin Books|isbn=0-14-100694-3}}
 
;อ้างอิงถึง
*{{1911|author=Anonymous|wstitle=Cavalier|volume=5}}
 
== ดูเพิ่ม ==
เส้น 16 ⟶ 53:
[[หมวดหมู่:สงครามกลางเมืองอังกฤษ]]
{{เรียงลำดับ|ฝ่ายกษัตริย์นิยม}}
 
{{โครงประวัติศาสตร์}}
 
[[az:Kavalerlər]]