ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระเจ้าซ็องจงแห่งโชซ็อน"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 9:
| วันสวรรคต = [[พ.ศ. 2037]]<br /><small> (พระชนมายุได้ 37 พรรษา) </small>
| พระอิสริยยศ = พระมหากษัตริย์แห่งเกาหลี
| พระราชบิดา = องค์ชายรัชทายาทอีกยองอียคยอง
| พระราชมารดา = พระพันปีอินซู
| พระอัครมเหสี =
| พระมเหสี = พระมเหสีคยองเฮ,<br /> อดีตพระมเหสียุนแจฮยอน,<br /> พระมเหสีจองฮย็อน
| พระราชสวามี =
| พระราชโอรส/ธิดา = [[องค์ชายยอนซัน]],[[พระเจ้าจุงจง]]
บรรทัด 39:
แต่พระเจ้าเยจงก็ทรงอยู่ในราชสมบัติได้ไม่นานสวรรคตไปเสียก่อนในค.ศ. 1469 โดยที่ทรงเหลือพระโอรสพระชนมายุสี่ชันษาไว้ คือ องค์ชายเจอัน (제안대군, 齋安大君) พระมเหสีจองฮี หรือ พระพันปีจาซอง ร่วมกับชินซุกจู (신숙주, 申淑舟) และฮันมยองฮี ได้ตัดสินพระทัยว่าองค์ชายเจอันนั้นพระชนมายุน้อยเกินกว่าจะเป็นกษัตริย์ และยกราชบัลลังก์ให้กับพระโอรสขององค์ชายรัชทายาทอีกยอง แต่องค์ชายโวลซาน (월산군, 月山君) พระโอรสขององค์ชายรัชทายาทอีกยองนั้นมีสุขภาพไม่สู้จะดีนัก จึงมอบราชบัลลังก์ให้แก่พระอนุชาขององค์ชายโวลซาน คือ องค์ชายจัลซาน
 
องค์ชายจัลซานจึงขึ้นครองราชสมบัติด้วยพระชนมายุเพียงสิบสามพระชันษา และมีพระหมื่นปีจาซอง (자성대왕대비, 慈聖大王大妃) พระอัยกาอัยยิกา เป็นผู้ว่าราชการแทนหลังม่าน (수렴청정, 垂簾聽政) พระเจ้าซองจงในต้นรัชกาลนั้นทรงเป็นเพียงกษัตริย์หุ่นเชิด อำนาจทั้งหมดตกแก่ชินซุกจู และฮันมยองฮี ซึ่งเป็นขุนนางที่มีอำนาจมตั้งแต่รัชสมัยของ[[พระเจ้าเซโจ]]พระอัยกีของพระเจ้าซองจง และเป็นผู้ผลักดันให้พระเจ้าซองจงได้เป็นกษัตริย์ในที่สุด พระเจ้าซองจงทรงสถาปนาพระราชบิดาองค์ชายรัชทายาทอีกยอง เป็น พระเจ้าทอกจง (덕종, 德宗) และพระชายาซูบินพระราชมารดาเป็น พระพันปีอินซู (인수대비, 仁粹大妃) ในค.ศ. 1474 กฎหมายประจำอาณาจักรหรือ''คยองกุกแดจอน'' (경국대전, 經國大典) ที่ชำระมาตั้งแต่สมัยของพระเจ้าเซโจก็ได้เสร็จสิ้นลง
 
เมื่อพระเจ้าซองจงขึ้นครองราชย์ได้มีการปูนบำเน็จขุนนางผู้มีความดีความชอบ (공신, 功臣) ซึ่งขุนนางกลุ่มนี้มีอภิสิทธิ์หลายอย่างและมีทรัพย์สินร่ำรวย<ref>http://www.koreanhistoryproject.org/Ket/C09/E0903.htm</ref> รวมทั้งดำรงตำแหน่งสำคัญระดับสูงของระบอบการปกครอง เรียกว่า กลุ่มขุนนางเก่า (훈구파, 勳舊派) ซึ่งมีอำนาจมาตั้งแต่รัชสมัยของพระเจ้าเซโจ เหตุการณ์ที่พระเจ้าเซโจทรงแย่งราชบัลลังก์มาจาก[[พระเจ้าทันจง]]และกวาดล้างขุนนางที่ต่อต้านทำให้เกิดนักปราชญ์ขึ้นกลุ่มใหม่ ที่ต้องลี้ภัยการเมืองไปอาศัยอยู่ตามป่าเขาถูกกีดกันจากวงราชการ เรียกว่า กลุ่มซาริม (사림파, 士林派) เมื่อพระเจ้าซองจงมีพระชนมายุครบยี่สิบชันษาเมื่อค.ศ. 1476 ทรงว่าราชการด้วยพระองค์เองและทรงดึงขุนนางกลุ่มซาริม นำโดยคิมจงจิก (김종직, 金宗直) เข้ามารับราชการในสามกรม (삼사, 司) เพื่อคานอำนาจกับกลุ่มขุนนางเก่า
บรรทัด 47:
พระมเหสีจากตระกูลยุน ในอดีตเคยเล่นผูกพันและรักกับพระเจ้าซอนจงแต่เด็ก ทว่าถูกกำแพงชนชั้นปิดกั้นด้วยเหตุผลทางชนชั้นและครอบครัวกล่าวคือบิดาของพระมหสีถูกใส่ร้ายว่าเป็นกบฏ ตำแหน่งของบิดาพระมเหสีในตอนนั้นคือเจ้ากรมการศึกษาซึ่งเทียบเท่ารัฐมนตรีในปัจจุบัน ครอบครัวของพระมเหสีจึงแทบถูกเนรเทศ ส่วนทางครอบครัวพระเจ้าซอนจงตอนนั้นแม้เป็นเพียงองค์ชายและยังไม่ได้อยู่ในวังแต่พระราชมารดาไม่โปรดที่พระเจ้าซอนจงออกไปเล่นและพบปะเช่นนั้น
 
ต่อมาพระมเหสียุนเข้าวังโดยการถวายตัวเป็นนางในแต่พระเจ้าซอนจงทรงลืมไปแล้วด้วยผ่านมาหลายสิบปี แต่ฟื้นความจำได้เพราะเคยหักตราหยกมอบให้พระมเหสีครึ่งนึงและเก็บไว้อีกครึ่งหนึ่ง พระมเหสีจึงได้เป็นพระสนมและเป็นพระมเหสีเพราะได้ให้ประสูติพระโอรสเมื่อ ค.ศ. 1476 ซึ่งพระเจ้าซองจงทรงสถาปนาขึ้นเป็นองค์ชายรัชทายาท พระมเหสียุน ทรงเป็นพระมเหสีที่มีอุปนิสัยอ่อนโยนและเป็นมิตรกับทุกๆคนเช่นเดียวกับมเหสีซุกยอน แต่เนื่องด้วยพระองค์ทรงเป็นมเหสีที่เคร่งครัดในกฎระเบียบและมีความตรงไปตรงมาเป็นอย่างมาก จึงเป็นที่ไม่พอใจของเหล่าพระสนมเท่าไรนัก เนื่องจากพระสนมหลายคนไม่ปฏิบัติตัวอยู่ในกฎระเบียบของฝ่ายในจึงมักถูกลงโทษจากพระมเหสีอยู่บ่อยครั้ง ทำให้เหล่าสนมไม่พอใจและร่วมมือกันใส่ร้ายพระมเหสียุนต่างๆ นานา ประกอบกับพระมเหสียุนทรงมีเรื่องบาดหมางพระทัยกับพระเจ้าซองจงในเรื่องชู้สาวและการเสด็จออกเที่ยวกลางคืน รวมถึงเรื่องกับพระพันปีอินซู พระราชมารดาพระเจ้าซอนจง จนถึงขั้นทำให้พระพักตร์ของพระเจ้าซองจงได้รับบาดเจ็บเนื่องด้วยความหึงหวง เหตุเกิดจากระหว่างที่พระนางท้องพระเจ้าซองจงทรงทำตัวเหลวไหลออกเสพกามโลกีย์นอกวังกับนางโลมชื่อ "[[ออลูตง]]" พระมหาสีมเหสียุนผู้เคร่งครัดกฎระเบียบยอมแหกกฎปลอมตัวออกนอกวังเพื่อไปขอร้องออลูตงให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับพระเจ้าซองจงถึงขึ้นลดตัวลงไปคำนับ เมื่อพระเจ้าซอนจงกลับเข้าวัง พระมเหสีผู้ทรงพระครรภ์จำเอามือพยายามจะเข้ากอดพระเจ้าซอนซองจงที่ทรงเดินหนีแต่พระเจ้าซอนจงทรงผลักพระมเหสีที่ทรงพระครรภ์ พระมเหสีพยายามใช้มือที่ถือตราหยกเกาะเพื่อไม่ให้ล้มลงและกระทบกระเทือนถึงลูกที่อยู่ในท้อง จึงเอื้อมมือไปเกาะสิ่งที่อยู่ใกล้ที่สุดจึงทำให้พระพักตร์ของพระเจ้าซองจงมีบาดแผลเล็กน้อย แต่ทว่าเหตุการการ์ณนี้นำมาซึ่งเหตุให้พระนางถูกปลดออกจากตำแหน่งและเนรเทศออกนอกวัง และเมื่อเสด็จออกไปอยู่นอกวังแล้ว พระนางก็ยังทรงถูกใส่ร้ายเช่นเดิมและด้วยความเข้าใจผิดของพระพันปีอินซู จึงได้มีพระเสาวนีย์ให้ประทานยาพิษแก่อดีตพระมเหสียุนจนสิ้นพระชนม์ไปในที่สุด โดยที่พระเจ้าซอนจงมิได้ช่วยอะไรเลยนอกจากนี้ยังเป็นผู้ลงตราในราชองค์การะประหารพระมเหสียุนด้วยยาพิษที่ทำให้ทรมานและกระอักเลือดตายอย่างช้าๆในที่สุด พระเจ้าซองจงสวรรคตเมื่อค.ศ. 1494 พระสุสานชื่อว่า ''ซอนรึง'' (선릉, 宣陵)
 
== พระนามเต็ม ==