ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สมัยกลาง"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Applezapotis (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Applezapotis (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 6:
ในยุคกลางตอนต้น การลดลงของประชากร, การหดตัวของเมือง และการรุกรานจาก[[อนารยชน]] เริ่มต้นขึ้นใน[[ยุคโบราณตอนปลาย]]และดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เหล่าอนารยชนผู้บุกรุกเข้าตั้งอาณาจักรของตนในส่วนที่เหลืออยู่ของจักรวรรดิโรมันตะวันตก ในคริสต์ศตวรรษที่ 7 [[แอฟริกาเหนือ]]และ[[ตะวันออกกลาง]] ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมันตะวันออก ได้กลายไปเป็น[[รัฐเคาะลีฟะฮ์|จักรวรรดิอิสลาม]]หลังจากถูกยึดครองโดยผู้สืบทอดของ[[มุฮัมมัด|นบีมุฮัมมัด]] แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและโครงสร้างทางการเมืองมากมาย แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจาก[[ยุคโบราณคลาสสิค]]อย่างสิ้นเชิง จักรวรรดิโรมันตะวันออกหรือ[[จักรวรรดิไบแซนไทน์]]ยังคงอยู่รอดและรักษาอำนาจของตนเอาไว้ได้ นอกจากนี้แล้วอาณาจักรเกิดใหม่ส่วนใหญ่ยังคงเกี่ยวพันอยู่กับสถาบันที่หลงเหลืออยู่ของชาวโรมัน ในขณะที่วัดวาอารามของคริสต์ศาสนาได้แผ่ขยายไปทั่วยุโรปตะวันตก ในคริสต์ศตวรรษที่ 7 และ 8 [[ชาวแฟรงก์]]ภายใต้การปกครองของ[[ราชวงศ์คาโรแล็งเชียง]]ได้สถาปนาจักรวรรดิขึ้นซึ่งครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของยุโรปตะวันตกมีนามว่า [[จักรวรรดิคาโรแล็งเชียง]] ซึ่งยืนยงไปจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 9 เมื่อจักรวรรดิล่มสลายลงจากแรงงกดดันของการรุกรานจากภายนอก เช่น ชาว[[ไวกิง]]จากทางเหนือ, ชาว[[ชาวฮังการี|มาจยาร์]]จากทางตะวันออก และชาวซาราเซนจากทางใต้
 
ช่วงยุคกลางตอนกลางซึ่งเริ่มขึ้นหลังคริสต์ศตวรรษที่ 10 ประชากรของยุโรปขยายตัวอย่างมากจากการที่นวัตกรรมทางเทคโนโลยีและทางการเกษตรทำให้การค้าขายเจริญรุ่งเรืองและการทำเรือกสวนไร่นาขยายตัว [[ระบบมาเนอร์]] - องค์กรของชาวนาตามหมู่บ้านที่ติดค้างค่าเช่าที่ดินและหน้าที่ด้านแรงงานแก่ขุนนาง และ[[ระบบเจ้าขุนมูลนาย|ระบบฟิวดัล]] - โครงสร้างทางการเมืองที่ซึ่ง[[อัศวิน]]และขุนนางศักดิ์ต่ำกว่าติดค้างหน้าที่ด้านการทหารแก่เจ้านายผู้มีศักดิ์สูงกว่าของพวกเขาแลกกับสิทธิ์ในการเก็บค่าเช่าที่ดินและชาวนาใต้ปกครอง สองระบบนี้คือระเบียบของสังคมที่ใช้กันในยุคกลางตอนกลาง ต่อมาอาณาจักรเริ่มรวมศูนย์อำนาจมากขึ้นภายหลังการล่มสลายลงของจักรวรรดิคาโรแล็งเชียง [[สงครามครูเสด]]ซึ่งเริ่มขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1095 คือผลิตผลจากความพยายามทางการทหารของเหล่าชาวคริสต์ในยุโรปตะวันตกที่ต้องการจะทวงคืน[[แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์|ดินแดนศักดิ์สิทธิ์]]ในตะวันออกกลางคืนจาก[[ชาวมุสลิม]]และมีอำนาจเหนือดินแดนดังกล่าวนานพอที่จะสถาปนารัฐคริสต์ในตะวันออกใกล้ กลุ่มปัญญาชนเกิดขึ้นจากลัทธิอัสสมาจารย์นิยมและการก่อตั้ง[[มหาวิทยาลัย]]ทั่วยุโรป รวมไปถึงการก่อสร้าง[[สถาปัตยกรรมกอทิก|โบสถ์วิหารแบบกอทิก]]ซึ่ง เป็นหนึ่งในตัวอย่างความสำเร็จทางด้านศิลปะอันยอดเยี่ยมจากยุคกลางตอนกลาง
 
ยุคกลางตอนปลายต้องเผชิญกับความยุ่งยากและหายนะมากมาย เช่น ความอดอยาก, โรคระบาด และสงคราม ซึ่งทำให้จำนวนประชากรในยุโรปตะวันตกลดลงเป็นอย่างมาก ในช่วงเวลาสี่ปีตั้งแต่ ค.ศ. 1347 ถึง ค.ศ. 1350 [[แบล็กเดท|กาฬโรคระบาดในยุโรป]]คร่าชีวิตชาวยุโรปไปสามในสี่โดยประมาณ ความกังขา, ความ[[นอกรีต]] และความแตกแยกภายในคริสตจักรดำเนินควบคู่ไปกับสงครามระหว่างรัฐ, สงครามกลางเมือง และการลุกฮือของชาวนาภายในอาณาจักรต่างๆ พัฒนาการทางด้านวัฒนธรรมและเทคโนโลยีได้เปลี่ยนแปลงสังคมของยุโรปอันเป็นจุดจบของยุคกลางและจุดเริ่มต้นของสมัยใหม่ตอนต้น