ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แนวนามธรรม"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Tiemianwusi (คุย | ส่วนร่วม)
จัดรูปแบบ +เก็บกวาด +แทนที่ "เพนท์ติ้ง" → "เพนติง" ด้วยสจห.
บรรทัด 1:
[[ไฟล์:Franz kline 1.jpg|thumb|“จิตรกรรมแอ็บสแตรกต์ เอกซ์เพรสชั่นนิสม์ของสำแดงพลังอารมณ์แบบนามธรรมของ ฟรานซ์ ไคลน์”]]
'''แอ็บสแตรกต์ เอกซ์เพรสชั่นนิสม์''' หรือลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แบบนามธรรม ({{lang-en|Abstract Expressionism}}) เป็นขบวนการศิลปะที่เกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 20 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเริ่มต้นจากเหตุการณ์ระส่ำระสายก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้นำไปสู่การอพยพลี้ภัยของศิลปินหนุ่มสาวจากยุโรปมายังสหรัฐ ในไม่ช้าศิลปินกลุ่มนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนงานศิลปะในสหรัฐให้เคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว ศิลปินที่ก่อกระแสงานศิลปะที่เรียกกันว่าลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แบบนามธรรม หรือแอ็บสแตรกต์ เอกซ์เพรสชั่นนิสม์ (Abstract Expressionism) ด้วยความที่กระแสศิลปะนี้เกิดในนิวยอร์ก ศิลปินกลุ่มดังกล่าวจึงได้รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า นิวยอร์ก สกูล (The New York School)
 
'''แอ็บสแตรกต์ เอกซ์เพรสชั่นนิสม์''' หรือลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แบบนามธรรม''' ({{lang-en|Abstract Expressionism}}) เป็นขบวนการศิลปะที่เกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 20 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเริ่มต้นจากเหตุการณ์ระส่ำระสายก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้นำไปสู่การอพยพลี้ภัยของศิลปินหนุ่มสาวจากยุโรปมายังสหรัฐ ในไม่ช้าศิลปินกลุ่มนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนงานศิลปะในสหรัฐให้เคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว ศิลปินที่ก่อกระแสงานศิลปะที่เรียกกันว่าลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แบบนามธรรม หรือแอ็บสแตรกต์ เอกซ์เพรสชั่นนิสม์ (Abstract Expressionism) ด้วยความที่กระแสศิลปะนี้เกิดในนิวยอร์ก ศิลปินกลุ่มดังกล่าวจึงได้รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า นิวยอร์ก สกูล (The New York School)
คำว่า แอ็บสแตรกต์ เอกซ์เพรสชั่นนิสม์ (Abstract Expressionism) ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในประเทศเยอรมนีในปี ค.ศ.1919 ในนิตยสาร Der Sturm ซึ่งเป็นนิตยสารภาพแนวเอกซ์เพรสชั่นนิสม์ (Expressionism) ส่วนในประเทศอเมริกา อัลเฟรด บาร์ (Alfred Barr) เป็นคนแรกที่ใช้คำนี้ในปี ค.ศ.1929 เพื่ออธิบายงานของคานดินสกี้ และต่อมาในปี ค.ศ.1946 นักวิจารณ์ศิลปะชื่อ โรเบิร์ต โค้ทส์ (Robert Coates)ก็ได้นำมาใช้เรียกผลงานของ ฮันส์ ฮอฟมันน์ ลงในนิตยสาร “นิวยอร์กเกอร์”
 
คำว่า แอ็บสแตรกต์ เอกซ์เพรสชั่นนิสม์ลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แบบนามธรรม (Abstract Expressionism) ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในประเทศเยอรมนีในปี ค.ศ. 1919 ในนิตยสาร Der Sturm ซึ่งเป็นนิตยสารภาพแนวเอกซ์เพรสชั่นนิสม์สำแดงพลังอารมณ์ (Expressionism) ส่วนในประเทศอเมริกา อัลเฟรด บาร์ (Alfred Barr) เป็นคนแรกที่ใช้คำนี้ในปี ค.ศ. 1929 เพื่ออธิบายงานของคานดินสกี้ และต่อมาในปี ค.ศ. 1946 นักวิจารณ์ศิลปะชื่อ โรเบิร์ต โค้ทส์ (Robert Coates) ก็ได้นำมาใช้เรียกผลงานของ ฮันส์ ฮอฟมันน์ ลงในนิตยสาร “นิวยอร์กเกอร์”
 
ศิลปินในกระแสนี้ได้พัฒนารูปแบบจิตรกรรมแบบอเมริกันจากอิทธิพลบางประการของลัทธิคิวบิสม์และลัทธิเซอร์เรียลลิสม์มาสู่การใช้กรรมวิธีในการวาดภาพตามทรรศนะส่วนตัว สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดร่วมสำคัญของงานจิตรกรรมที่ศิลปินอเมริกันได้จุดกระแสความเคลื่อนไหวขึ้นในนครนิวยอร์กระหว่างทศวรรษที่ 1940-1950 ก็คือการรวมเอาการแสดงออกทางอารมณ์อันเข้มข้นเข้ากับลักษณะงานนามธรรมเฉพาะตน
 
ความเคลื่อนไหวทางศิลปะแบบแอ็บสแตรกต์ เอกซ์เพรสชั่นนิสม์ลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แบบนามธรรม แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเรียกว่า "แอ๊คชั่น เพนท์ติ้งเพนติง" เช่นงานของ แจ๊คสัน พอลลอค, วิลเลม เดอ คูนนิ่ง ที่มุ่งแสดงออกทางอัปกิริยาขณะที่วาดภาพ กับอีกกลุ่มหนึ่งที่เรียกว่า "คัลเลอร์ ฟิลด์ เพนท์ติ้งเพนติง" เช่น งานของ มาร์ค รอธโก้, บาร์เนธ นิวแมน และ คลิฟฟอร์ด สติลล์ ที่มุ่งถ่ายทอดด้วยอารมณ์ความรู้สึก
 
== ลักษณะและข้อมูลทั่วไป ==
ในช่วงทศวรรษที่ 1930-1940 ทั่วโลกประสบปัญหามากมาย ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจ การเหยียดผิว การปกครองแบบเผด็จการ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ความพินาศจากระเบิดปรมาณู ทำให้สังคมโลกและสังคมอเมริกันตั้งคำถามกับระบบคุณค่าแบบเดิมๆเดิม ๆ ไม่ว่าจะเป็นมนุษยธรรม วิทยาศาสตร์ หรือในเรื่องของเหตุผล กระแสแอ็บสแตรกต์ เอกซ์เพรสชั่นนิสม์ลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แบบนามธรรมจึงเกิดขึ้นในฐานะเป็นงานศิลปะที่แสดงออกถึงความเป็นขบถต่อระบบคุณค่าเดิมๆ และตั้งคำถามต่อสิ่งเหล่านั้น
 
การที่จะให้คำจำกัดความของ แอ็บสแตรกต์ เอกซ์เพรสชั่นนิสม์ลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แบบนามธรรม นั้นเป็นเรื่องยาก เพราะการแบ่งประเภทของผลงานว่ามาจากลัทธิหรือกระแสใด เกิดขึ้นโดยการจัดการของนักวิจารณ์และนักประวัติศาสตร์ศิลปะ ซึ่งต่างจากศิลปินที่ไม่ต้องการถูกกำหนดกรอบว่าผลงานของเขาจะต้องเป็นไปในแนวทางไหน ศิลปินที่ถูกเรียกว่าเป็นแอ็บสแตรกต์ เอกซ์เพรสชั่นนิสม์ลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แบบนามธรรม แต่ละคน ต่างก็ได้รับอิทธิพลและเทคนิคมาจากลัทธิก่อนหน้านี้แตกต่างกันไป เช่น เทคนิคการเขียนภาพของศิลปินลัทธิ[[ลัทธิเหนือจริง|เซอร์เรียลิสม์]]ที่เรียกว่า “การเขียนภาพแบบกระแสสำนึก” (เอคริเตอร์ ออโตมาทีค) ซึ่งหมายถึงการปล่อยให้ภาพวาดหรือตัวอักษรแล่นไหลไปตามกระแสสำนึกโดยไม่มีการตัดทอน หรือลบแก้ใดๆ ทั้งสิ้น ก็นำไปสู่เทคนิคการหยดสีอย่างฉับพลันลงบนผ้าใบที่วางบนพื้นของ แจ็กสัน พอลล็อคลล็อก ซึ่งเป็นศิลปินแอ็บสแตรกต์ เอกซ์เพรสชั่นนิสม์ลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แบบนามธรรมที่มีชื่อเสียงที่สุด แอ็บสแตรกต์ เอกซ์เพรสชั่นนิสม์ลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แบบนามธรรม จึงถูกนำมาใช้กับผลงานที่มีลักษณะแตกต่างกันของศิลปินหลายคนซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในนิวยอร์ก แม้แต่งานที่อาจไม่เป็นงานนามธรรม และไม่เป็นงาน[[ศิลปะเอ็กซเพรสชันนิสม์|เอกซ์เพรสชั่นนิสม์สำแดงพลังอารมณ์]] ก็อาจถูกเรียกว่าแอ็บสแตรกต์ เอกซ์เพรสชั่นนิสม์ลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แบบนามธรรมได้ด้วยเช่นกัน ศิลปะแอ็บสแตรกต์ เอกซ์เพรสชั่นนิสม์ลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แบบนามธรรม จึงอาจกล่าวโดยรวมว่าเป็นงานนามธรรมที่เสนอการแสดงออกทางความคิดเรื่องจิตวิญญาณ จิตใต้สำนึก และจิตใจ ซึ่งตั้งคำถามต่อระบบคุณค่าแบบเดิมๆ สิ่งที่พอจะบ่งบอกว่าเป็นลักษณะของ แอ็บสแตรกต์ เอกซ์เพรสชั่นนิสม์ลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แบบนามธรรม มีเพียงความนิยมในการใช้ผืนผ้าใบขนาดใหญ่เขียนภาพ ซึ่งเป็นภาพนามธรรมที่มีการแสดงอารมณ์ออกมาอย่างรุนแรงเท่านั้น
 
== แอ๊คชั่น เพนท์ติ้งเพนติง (Action Painting) ==
[[ไฟล์:No. 5, 1948.jpg|thumb|“จิตรกรรมแอ็คชั่น เพนท์ติ้งของพอลล็อค”เพนติงของพอลล็อก”]]
ในปี 1947 แจ็กสัน พอลลอค ได้พัฒนาเทคนิควิธีการวาดภาพขึ้นใหม่ที่เรียกว่า "แอ๊คชั่น เพนท์ติ้งเพนติง" โดยได้รับการช่วยเหลือจาก ลี คราสเนอร์ ภรรยาของเขา เทคนิคที่ว่านี้ใช้วิธีการหยดสีลงบนผืนผ้าใบที่วางอยู่บนพื้นหรืออาจใช้สีจากกระป๋องโดยตรง พอลลอคสร้างงานอย่างเป็นตัวของตัวเองสูงและมีลักษณะด้นสด (improvise) วิธีหนึ่งของเขาที่มีชื่อเสียงมากคือ การเต้นรำไปรอบๆผืนผ้าใบแล้วหยดสีลงไป โดยการทำเช่นนี้เขาอ้างว่าเป็นการกระตุ้นสิ่งที่อยู่ภายในของเขา (inner) ลงไปสู่ผืนผ้าใบด้วยตรง ซึ่งเป็นรูปแบบของภาพวาดอัตโนมัติหรือจิตใต้สำนึก (automatic / subconscious) พอลลอคได้ทำลาย
ขนบของศิลปะอเมริกันลง เขามุ่งประเด็นทั้งหมดไปที่สิ่งที่เป็นนามธรรมด้วยงานที่มีสเกลขนาดใหญ่และการกลวิธีในการสร้างรูปลักษณ์ได้กลายมาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
 
สำหรับแอ็บสแตรกต์ เอกซ์เพรสชั่นนิสม์ลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แบบนามธรรมความจริงของภาพวาดนั้นตรงไปตรงมาและเป็นการแสดงออกอย่างรวดเร็ว ด้วยวิธีการของศิลปินที่ถ่ายทอดแรงกระตุ้นภายในของเขาออกมา ภาพวาดกลายเป็นเหตุการณ์ (event) ละคร (drama) ของการเปิดเผยตัวเอง นี่เป็นแนวคิดของ "แอ๊คชั่น เพนติ้ง" แม้ว่า วิลเลม เดอ คูนนิ่ง จะอยู่ในกลุ่มเดียวกับ พอลล็อคลล็อก แต่งานของเขานั้นแตกต่างออกไป ทั้งในด้านเทคนิคและสุนทรียศาสตร์ ในงานชุด Women series of six paintings ช่วงปี (1950-3) เขาวาดภาพหญิงสาวมีมีความสูงขนาดสามในสี่ นี่เป็นงานที่เป็นรูปเป็นร่าง แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ยังสร้างงานในรูปแบบนามธรรมด้วย อย่างไรก็ตามเขามีความเชื่อที่แรงกล้าเกี่ยวกับ สิ่งที่อยู่ภายในของศิลปินเช่นเดียวกับพอลลอค และอารมณ์ความรู้สึกบางอย่างนั้นก็สามารถถูกอ่านได้โดยผู้ชม
 
== วิธีการและลัทธิอัตโนมัติ (Automatism) ==
ศิลปินแอ็บสแตรกต์ เอกซ์เพรสชั่นนิสม์ลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แบบนามธรรมที่อยู่ในกลุ่มแอ็คชั่น เพนท์ติ้งเพนติงมักอาศัยวิธีการที่เรียกว่าวิธีการอัตโนมัติ (Automatism) ในการสร้างงาน วิธีการอัตโนมัติได้ปลดปล่อยจินตนาการของศิลปิน ทำให้เขาสามารถค้นหาสภาวะความเป็นสากลจักรวาลภายในตัวเขาซึ่งซ่อนอยู่ภายในจิตใต้สำนึกได้อย่างอิสระ นอกจากนี้ยังทำให้ศิลปินสามารถแสดงออกได้ด้วยความกล้าเสี่ยงกล้าทดลองด้วยวิธีการที่ไม่มีขอบเขตจำกัด ทำให้เกิดรูปทรงที่มีพลังเคลื่อนไหว ก่อให้เกิดการให้น้ำหนักต่อวิธีของการวาดภาพมากกว่าเดิม และที่สำคัญคือทำให้เกิดการค้นพบภาษาใหม่ในการแสดงออกที่เป็นต้นแบบไม่ซ้ำใคร
 
วิธีการทำงานจิตรกรรมของพ็อลล็อคล็อกได้ถูกพิจารณาจากนักทฤษฎีศิลปะว่าเป็นการขยายขอบเขตการเขียนอัตโนมัติของเซอร์เรียลิสม์ เขาควบคุมเหตุการณ์ (สถานการณ์) บนผ้าใบ แต่เห็นได้ชัดเจนว่าเขาไม่ได้ควบคุมลักษณะการเกิดรูปร่างใดๆ บนผืนผ้าใบ ดังที่เขาได้กล่าวว่า เป็นการปล่อยให้พลังและการเคลื่อนไหวที่มองเห็นได้ (Energy and Motion Made Visible) ทำงาน พอลล็อคล็อกมีความเชื่อว่าเขาวาดภาพออกมาจากจิตใต้สำนึก (Painting out of the Unconscious)
 
การปลดปล่อยจิตใต้สำนึกออกมาสำหรับศิลปินแอ็บสแตรกต์ เอกซ์เพรสชั่นนิสม์ลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แบบนามธรรม ได้แก่ การเขียนภาพสดๆ (Improvisation) และการปาดป้ายอย่างฉับพลันทันที (Spontaneous Gesture) ซึ่งน่าจะได้รับอิทธิพลบางประการจากลัทธิ[[ลัทธิเหนือจริง|เซอร์เรียลิสม์]] ซึ่งศิลปินพยายามหาวิธีที่ความบังเอิญจะมีโอกาสเข้ามาแสดงบทบาทมากที่สุดในงานศิลปะ วิธีการหนึ่งที่เรียกว่า Decalcomania นั้น คล้ายกับการเล่นสนุกกับสีของเด็กนักเรียน โดยการนำเอากระดาษหรือผ้าใบที่ระบายสีไว้มาประกบกันแล้วดึงออกมา ก็จะได้พื้นผิวหน้าที่ไม่ได้คาดหวังมาก่อนเกิดขึ้น แม้เราจะสามารถคาดเดาผลได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผลจะเป็นเช่นนั้นเสมอไป ซึ่งนับว่าการควบคุมของมนุษย์ก็ได้ถูกลดความสำคัญลงไปอย่างมาก เช่นเดียวกับพอลล็อคและลล็อกและ[[ฟรานซ์ ไคลน์]]ที่ถือว่าความสดฉับพลันเป็นหัวใจสำคัญ แรงผลักดันอิสระจากจิตของมนุษย์เป็นสิ่งเดียวที่จะปลดปล่อยพลังแห่งธรรมชาติ ความกลมกลืนที่แท้จริงเกิดจากการทำงานของพลังจากแรงผลักดันอิสระจากจิตของมนุษย์นั่นเอง
 
== คัลเลอร์ ฟิลด์ เพนท์ติ้งเพนติง (Colour Field Painting) ==
[[ไฟล์:G051 rothko vbkoy-wr.jpg|thumb|“จิตรกรรมแบบคัลเลอร์ ฟิลด์ เพนท์ติ้งเพนติง ของมาร์ค รอธโก”]]
เทคนิค คัลเลอร์ ฟิลด์ เพนท์ติ้งเพนติง (Colour Field Painting) ถูกพัฒนาภายหลังจากเทคนิค แอคชั่น เพนท์ติ้งเพนติง และเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของแอ็บสแตรกต์ เอกซ์เพรสชั่นนิสม์ลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แบบนามธรรม คัลเลอร์ ฟิลด์ เพนท์ติ้งเพนติง ปรากฏในช่วงทศวรรษที่ 1940 - 1950 โดยหลากหลายศิลปิน เช่น มาร์ค รอธโก, คลิฟฟอร์ด สติลล์, บาร์เนธ นิวแมน เทคนิคคัลเลอร์ ฟิลด์ เพนท์ติ้งเพนติง มีวิธีการที่นุ่มนวลกว่า โดยแรงกระตุ้นที่อยู่เบื้องหลังนั้นคือภาพสะท้อนและการใช้สมองในการสร้างลักษณะของภาพอย่างเรียบง่ายด้วยจินตนาการและสร้างผลสะเทือนทางอารมณ์ รอธโก และ นิวแมน รวมไปถึงคนอื่นๆ อธิบายว่า ความปรารถนาของพวกเขาคือ "ความสูงสุด" (sublime) มากกว่าความสวยงาม (beautiful) ด้วยรูปแบบของการใช้สีที่มีลักษณะมินิมัลลิสม์ (minimalism) ของของพวกเขา ที่มีเป้าหมายเพื่อที่จะปลดปล่อยศิลปินจากข้อจำกัดจากความทรงจำทั้งหมด รวมไปถึงการโหยหาอดีต ตำนานและปกรณัมต่างๆ ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของจิตรกรรมตะวันตก
 
== ศิลปินสำคัญในกระแสแอ็บสแตรกต์ลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แบบนามธรรม เอกซ์เพรสชั่นนิสม์==
* [[แจ๊คสัน พอลล็อคลล็อก|แจ็กสัน พอลล็อคลล็อก]] (Jackson Pollock)
* [[ฟรานซ์ ไคลน์]] (Franz Kline)
* [[วิลเล็ม เดอ คูนนิ่ง]] (Willem de Kooning)
เส้น 38 ⟶ 39:
* [[ฮันส์ ฮอฟมันน์]] (Hans Hofmann)
 
== อ้างอิง ==
* จิระพัฒน์ พิตรปรีชา. โลกศิลปะศตวรรษที่ 20. (กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ),2545 หน้า 224-229
* บาร์บารา เฮสส์. แอ็บสแตรกต์ เอกซ์เพรสชั่นนิสม์ลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แบบนามธรรม. อนิมา ทัศจันทร์ แปลจาก Abstract Expressionism (เชียงใหม่ : ไฟน์อาร์ท), 2552, หน้า 6-25
* Modernist. Abstract expressionism. http://en.wikipedia.org/wiki/Abstract_expressionism (9 ตุลาคม 2555)
* http://www.visual-arts-cork.com/history-of-art/abstract-expressionism.htm