ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อิเล็กทริกไลต์ออร์เคสตรา"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 29:
ELO ได้รับอิทธิพลมาจากผลงานของ[[เดอะบีตเทิลส์]]โดยเจฟฟ์ ลินน์ ตั้งใจจะให้อีแอลโอทำดนตรี "สานต่อจากแนวทางของเดอะบีตเทิลส์"จนได้รับความนิยมใน[ประเทศอังกฤษ]]ด้วยเพลงเก่าของ Chuck Berry (Roll over Bethoven)(1972) ก่อนจะเริ่มได้รับความนิยมตามมาใน[สหรัฐอเมริกา]]จากเพลง "Show down"(On the Third Day) อีแอลโอ ประสบความสำเร็จสูงสุดช่วงกลางทศวรรษ 1970 จนถึงปี 1980 มีผลงานติดอันดับท็อป 40 ในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษทั้งสิ้น 27 ซิงเกิล ทั้งยังถือสถิติเป็นศิลปินที่มีซิงเกิลติดอันดับฮอต 100 และ ทอป 40 มากที่สุด โดยไม่มีซิงเกิลใดเคยขึ้นถึงอันดับหนึ่งเลย
 
ในยุคหลังปี 1980 ก่อนการสลายวงเจฟฟ์ ลินน์ พยายามตัดเครืองดนตรีซิมโฟนิก ซึ่งเป็นเครื่องสายออกจากงานของอีแอลโอ และนำเครื่องดนตรีซินเทอร์ไชเซอร์มาแทนที่เพื่อทดลองงานรูปแบบ pop rock และ disco จนเหลือสมาชืกในวงเพียง 4 คน โดยผลงานชุดสุดท้ายก่อนสลายวงในปี 1986 ได้แก่อัลบั้ม ''Balance of Power'' หลังจากนั้น 15 ปีต่อมา เจฟฟ์ ลินน์ กลับมาทำอัลบั้ม "Zoom"(2001) ซึ่งมีแนวเพลงกลับไปเหมือนยุคแรกของวง โดยมีสมาชิกดั้งเดิมคือ Richard Tandy มือคีย์บอร์ดและมีศิลปินรับเชิญเป็นอดีตสมาชิกเดอะบีตเทิลส์ ได้แก่ จอร์ช แฮริสัน และ ริงโก สตาร์ ล่าสุด เจฟฟ์ ลินน์ ออกผลงานใหม่ในเดือนตุลาคม 2012 อัลบั้ม "Long Wave" และ "Mr. Blue Skysky"ซึ่งเป้นเป็นการนำเพลงเก่าของศิลปินเพลงแนที่เจฟฟ์ ชื่นชอบ และ เพลงฮิตของ ELO มาบันทึกใหม่ในสไตล์ของเขา
 
ชื่อ "อีเล็กทริกไลท์ออร์เคสตรา" เป็นการเล่นคำระหว่าง ''Electric Light'' หรือ หลอดนีออนเรืองแสง ที่ปรากฏบนภาพปกอัลบัม และ[[โลโก]]ของวงในยุคแรก เลียนแบบหลอดไฟตกแต่ง[[ตู้เพลง]]ยี่ห้อ[[วูร์ลิทเซอร์]] (Wurlitzer jukebox) รุ่นปี 1946 ผสมกับคำว่า ''Light Orcherstra'' หมายถึง[[วงออร์เคสตรา]]ขนาดเล็ก ที่ใช้[[ไวโอลิน]]และ[[เชลโล]]เป็นเครื่องดนตรี