ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เจสัน มแรซ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
EmausBot (คุย | ส่วนร่วม)
r2.7.2+) (โรบอต เพิ่ม: tr:Jason Mraz
OctraBot (คุย | ส่วนร่วม)
replaceViaSearch: ซิงเกิล
บรรทัด 27:
'''เจสัน โทมัส มราซ''' ({{Lang-en|Jason Thomas Mraz}}) เกิดเมื่อวันที่ [[23 มิถุนายน]] [[ค.ศ. 1977]] เป็นนักร้อง นักแต่งเพลง เกิดและโตที่เมคานิกส์วิลล์ [[เวอร์จิเนีย]] แนวเพลงของมราซได้รับอิทธิพลจาก แนว[[ป็อป]] [[ร็อก]] [[โฟล์ก]] [[แจ๊ส]] และ[[ฮิปฮอป]] เขาได้เล่นให้กับศิลปินไว้หลายคน เช่น [[เดฟ แมธธิวส์ แบนด์]] ,[[เจมส์ บลันท์]] ,[[เกวิน เดอกรอว์]], [[พอลลา โคล์]] ,[[เจมส์ มอร์ริสัน (นักร้อง)|เจมส์ มอร์ริสัน]] เป็นต้น
 
เขามีผลงานอัลบั้มแรก ''Waiting For My Rocket To Come'' ที่มียอดขายผ่านหลักแพลทินัม มี[[ซิงเกิ้ลซิงเกิล]]แรก "The Remedy (I Won't Worry)" ต่อมาออกผลงานชุดที่สองชื่อ ''MR.A-Z'' เข้าชาร์ทอัลบั้ม Billboard 200 ที่อันดับ 5<ref name="Zahlaway">Zahlaway, John. ([[August 12]], [[2005]]. [http://www.livedaily.com/news/Jason_Mraz_books_headlining_fall_tour-8592.html?t=1 Jason Mraz books headlining fall tour] ''LiveDaily.com'' Accessed [[July 1]],[[2007]].</ref> อัลบั้มนี้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง[[รางวัลแกรมมี]] สาขา Best Engineered Album, Non-Classical, ขณะที่โปรดิวเซอร์ที่ชื่อ สตีฟ ลิลลีไวต์ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงสาขา Producer of the Year<ref>[http://www.foxnews.com/story/0,2933,178108,00.html Fast Facts: 48th Annual Grammy Nominees] [[December 8]], [[2005]]. Accessed [[July 1]], [[2007]].</ref>
 
ผลงาน[[อัลบั้ม]]ชุดที่ 3 ''We Sing. We Dance. We Steal Things.'' ออกวางขายเมื่อ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 2008 มียอดขายระดับรางวัลแพลทินัม ซิงเกิ้ลซิงเกิลแรกเพลง [[I'm Yours]] สามารถติดท็อปเท็นในชาร์ทซิงเกิ้ลเท็นในชาร์ทซิงเกิล[[บิลบอร์ด]] 100 ได้ สูงสุดที่อันดับ 6 และมียอดขายระดับ 3 รางวัลแพลทินัม อัลบั้มนี้ทำให้เจสันได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง[[รางวัลแกรมมี]] 3 รางวัล คือ Song Of The Year จากเพลง I’m Yours, Best Male Pop Vocal Performance จากเพลง I’m Yours และ Best Engineered Album,Non-Classical
 
== ประวัติ ==
บรรทัด 42:
ต้นสหัสวรรษใหม่เจสันก็จากบ้านเกิดอีกครั้งเพื่อตามหาฝันในฝั่งตะวันตก เขาขับรถจากเมคคานิกส์วิลล์ในฝั่งตะวันออกสุดสู่ [[San Diego]] สุดเขตด้านตะวันตกใต้ของอเมริกา ที่นี่เองเจสันได้เริ่มต้นอาชีพการเป็นนักร้องนักแต่งเพลง ด้วยการร้องเพลงในผับชื่อดังของเมืองคือ [[Java Joe’s]] ทุกวันพฤหัสบดี เจสันเปิดแสดงโชว์เล็กๆ จากคนดูเพียงไม่กี่คน จนกลายเป็นคนดูเต็มร้านในเวลาไม่กี่เดือน และที่นี่เองที่เจสันได้พบกับโทค่า (Noel “Toca” Rivera) นักร้องและนักเพอร์คัสชั่น ทั้งคู่ออกแสดงที่ Java Joe’s จนได้รับเชิญจากคลับใน [[Los Angeles]] และเมืองใกล้เคียงให้ไปเปิดแสดงโดยต่อเนื่อง ระหว่างนี้เจสันและโทค่าก็ได้ทำอัลบั้มเดโมในชื่อ [[Live At Java Joe’s]] ซึ่งมีเพลงอย่าง [[You And I Both]], 1000 Things และเพลงได้รับการเปิดออกอากาศในสถานีวิทยุท้องถิ่นในซาน ดิเอโก้ การแสดงของเจสันและอัลบั้มเดโมที่น่าประทับใจ กลายเป็นความสำเร็จแบบปากต่อปาก จนได้ดึงดูดแมวมองจาก [[Elektra Records]] ให้มาชมการแสดง และเจสันได้เซ็นสัญญากับอีเล็กตร้าในปี 2002
=== Waiting For My Rocket To Come ===
อัลบั้มแรกของเจสัน ออกวางจำหน่ายในเดือนตุลาคม 2002 ในอัลบั้มนี้เขาได้ร่วมงานกับ John Alagia ที่เคยโพรดิวซ์งานให้กับ [[Dave Matthews Band]] และ [[John Mayer]] โดยมี [[The Remedy (I Won’t Worry)]] เป็นซิงเกิ้ลแรกซิงเกิลแรก เพลงพูดถึงการเอาชนะความเศร้าหมองด้วยการมองโลกในแง่ดี ซึ่งเจสันได้รับแรงบันดาลใจจากเพื่อนวัยเด็ก Charlie Mingroni ที่ต่อสู้กับโรคมะเร็งกระดูก เพลงนี้ขึ้นถึงอันดับ 15 ใน Billboard Hot 100 Chart ส่วนอัลบั้ม [[Waiting For My Rocket To Come]] ก็ได้รับรางวัลแพลทินัมจากสมาคมแผ่นเสียงแห่งอเมริกา หรือ [[RIAA]] ในฐานะที่มียอดจำหน่ายอัลบั้มมากกว่า 1 ล้านก๊อปปี้ในอเมริกา
ความสำเร็จอย่างท่วมท้นแม้เพียงอัลบั้มแรก เป็นเพราะเพลงของเจสันเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของดนตรีหลากหลาย ทั้ง โฟล์ก ป๊อป ร็อก และฮิปฮอป ซึ่งทักษะการร้องแบบกึ่งแร็ปและการแต่งเนื้อเพลงที่เป็นการเล่นคำได้อย่างแยบยล ทำให้เจสันเป็นความแปลกใหม่ของอุตสาหกรรมดนตรีอเมริกันในช่วงนั้น อีกทั้งการแสดงสดของเขาก็ได้รับเสียงชื่นชมจากแฟนเพลงแบบปากต่อปาก เพื่อเป็นการสนองตอบเสียงเรียกร้องของแฟนเพลง [[Tonight Not Again : Jason Mraz Live At The Eagle Ballroom]] อัลบั้มบันทึกการแสดงสดจาก Eagle Ballroom ที่เมือง Cleveland รัฐ Ohio จึงได้ออกวางจำหน่ายในปี 2004 ปัจจุบัน เจสัน มราซ ยังไม่แต่งงาน
 
=== MR.A-Z ===
เดือนกรกฎาคม 2005 อัลบั้มที่ 2 ของเจสัน ก็ถูกวางจำหน่าย ภายใต้สังกัดใหม่คือ [[Atlantic Records]] โดยมี Wordplay เป็นซิงเกิ้ลแรกซิงเกิลแรก และ Geek In The Pink เป็นซิงเกิ้ลที่สองซิงเกิลที่สอง ตัวอัลบั้มขึ้นถึงอันดับที่ 5 ใน Billboard 200 Album Chart ในสัปดาห์แรก แต่ก็ไม่ได้ทำให้อัลบั้มนี้ประสบความสำเร็จด้านยอดขายและยอดแอร์เพลย์เท่าที่ควร แต่กระนั้น [[MR.A-Z]] ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง[[รางวัลแกรมมี]] ปี 2006 ในสาขา Best Engineered Album, Non-Classical
=== We Sing. We Dance. We Steal Things. ===
หลังจากอัลบั้มที่สอง เจสันใช้เวลาพักผ่อนเพื่อค้นพบความสงบภายในตัวเอง ทำให้เขาเริ่มศึกษาหลักพุทธศาสนาและเซน ระหว่างนี้เองเจสันได้แต่งเพลง และใช้เพลงใหม่นี้ตามโชว์เล็กๆในยุโรปและอเมริกา ก่อนวางจำหน่ายอัลบั้มที่สามในเดือนพฤษภาคม 2008 เจสันได้แยกเพลงต่างๆในสตูดิโออัลบั้มออกเป็น EP เพลงอคูสติก 3 ชุด คือ We Sing (จำหน่ายแบบจำกัดในเดือนมีนาคม) We Dance (จำหน่ายแบบจำกัดในเดือนเมษายน) และ We Steal Things (ออกวางจำหน่ายพร้อมกับสตูดิโออัลบั้ม [[We Sing. We Dance. We Steal Things.]]) อัลบั้มนี้เจสันได้พบกับ Martin Terefe โพรดิวเซอร์ที่เคยร่วมงานกับ [[Coldplay]] และ [[James Morrison]] อีกทั้งยังได้ James Morrison และ [[Colbie Caillait]] มาร่วมร้องในอัลบั้มนี้ด้วย
 
ในอัลบั้ม [[We Sing. We Dance. We Steal Things.]] นับว่าเป็นมิติใหม่ทางดนตรีสำหรับเจสัน เพราะมีการใช้เครื่องเป่าทองเหลืองเข้ามาเสริมความคึกคัก การนำเครื่องสายมาเพิ่มความละเมียดละไม และวงประสานเสียงให้ได้ความอลังการมากขึ้น ซิงเกิ้ลแรกซิงเกิลแรก [[I’m Yours]] ขึ้นสูงสุดที่อันดับ 6 ใน Billboard Hot 100 จำหน่ายได้กว่า 3 ล้านก๊อปปี้ในอเมริกา และกว่า 5 ล้านก๊อปปี้ทั่วโลก ส่วนตัวอัลบั้มได้รับรางวัลแพลทินัม จากยอดขายเกินกว่า 1 ล้านก๊อปปี้ในอเมริกา และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี ครั้งที่ 51 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2009 ถึง 3 รางวัล คือ Song Of The Year จากเพลง I’m Yours, Best Male Pop Vocal Performance จากเพลง I’m Yours และ Best Engineered Album,Non-classical
 
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2009 เจสันเริ่มทัวร์ทั่วโลกที่กรุงโซล เกาหลีใต้ หลังจากงานประกาศ[[รางวัลแกรมมี]] ทัวร์ครั้งนี้กินระยะเวลาตั้งแต่กุมภาพันธ์ จนกระทั่งกรกฎาคม ครอบคลุมทั้งเอเชีย ยุโรป ออสเตรเลีย และอเมริกา