ผลต่างระหว่างรุ่นของ "นางกุสาวดี"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 28:
== พระประวัติ ==
 
พระนางกุสาวดี เดิมมีพระนามว่า เจ้านางกุลธิดา{{ต้องการอ้างอิงตรงนี้}} เป็นพระธิดาใน[[พญาแสนหลวง]] (พระแสนเมือง) [[เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่]] ในสมัย [[พ.ศ. 2193]] (ขณะนั้นเป็นเมืองขึ้นแก่[[พม่า]]) ครองเมืองได้ 13 ปี ใน พ.ศ. 2205 ก็เสียเมืองให้แก่[[เจ้าพระยาโกษาธิบดี (เหล็ก)]] ซึ่งเป็นแม่ทัพใน[[สมเด็จพระนารายณ์มหาราช]] ในครั้งนั้น เจ้านางกุลธิดาได้ถูกนำตัวมาถวายเป็นบาทบาจาริกาแก่สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ต่อมา สมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้ยกพระนางให้อภิเษกกับพระเพทราชา ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นเจ้ากรมช้าง กล่าวกันว่า ขณะนั้นพระนางได้ทรงครรภ์กับสมเด็จพระนารายณ์แล้ว แต่เกิดความละอายที่มีลูกกับหญิงลาว (ซึ่งแต่เดิมไทยอยุธยาถือว่า[[เชียงใหม่]]หรือ[[อาณาจักรล้านนา]]ก็เป็นลาวเหมืองกับล้านช้าง-หลวงพระบาง-เวียงจันทร์ และดูถูกว่าต่ำต้อยกว่าไทยที่อยุธยาหรือรัตนโกสินทร์{{อ้างอิง}}) จึงพระราชทานนางให้แก่พระเพทราชา พระนางประสูติพระโอรสที่ตำบลโพธิโพธิ์ประทับช้าง [[จังหวัดพิจิตร]] (บริเวณ[[วัดโพธิโพธิ์ประทับช้าง]]ในปัจจุบัน) มีนามว่า เจ้าเดื่อ หรือ มะเดื่อ ดังนั้น พระโอรสที่ประสูติจากพระนางจึงเป็นบุตรบุญธรรมของพระเพทราชา ซึ่งต่อมาก็คือ [[สมเด็จพระเจ้าเสือ]] พระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยานั่นเอง
 
เมื่อ[[สมเด็จพระนารายณ์มหาราช]]สวรรคตแล้ว หลวงสรศักดิ์ (สมเด็จพระเจ้าเสือ) ได้เป็นกำลังสำคัญในการผลักดันให้พระเพทราชายึดอำนาจ โดยพระองค์กำจัดผู้มีสิทธิสืบราชสมบัติ 3 พระองค์ คือ พระราชอนุชาของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช 2 องค์ คือ [[สมเด็จเจ้าฟ้าอภัยทศ]]และ[[สมเด็จเจ้าฟ้าน้อย]] รวมทั้ง โอรสบุญธรรม คือ [[พระปีย์]] โดยมีพระสงฆ์จำนวนหนึ่งที่ไม่พอใจบาทหลวง[[คริสต์ศาสนา]]เข้าร่วม{{อ้างอิง}} รวมทั้งกองกำลังจากกองทหารมอญที่เข้ามารับราชการอยู่ในไทยเป็นกำลังในการสนับสนุนการยึดอำนาจ แล้วจึงปราบดาภิเษกพระเพทราชาขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาและสถาปนาราชวงศ์ใหม่ คือ [[ราชวงศ์บ้านพลูหลวง]] แทน