ผลต่างระหว่างรุ่นของ "นาส"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
บรรทัด 37:
แต่ในปี 2001 เขาออกผลงานใหม่ชุด หลังจากที่ได้ไปปะทะฝีปากแบบ Classic Rap Battle กับ [[เจย์-ซี|Jay Z]] เขาออกชุด Stillmatic กับซิงเกิ้ลเปิดตัวอย่าง Ether เพลงที่ตอกกลับ Jay Z จนได้รับการยอมรับว่าเขาเป็นฝ่ายชนะในเกมส์ Battle ยกนั้น ตามมาด้วย Get ur self A… และ One Mic ที่กลายเป็นเพลงที่ได้รับเสียงตอบรับอย่างท่วมท้น และได้รับการเปิดออกอากาศมากที่สุดในรายการวิทยุทั่วโลก
 
ปี 2005 เขาหมดสัญญากับ โคลัมเบีย และ ตัดสินใจที่จะไม่ต่อสัญญา พร้อมทำเรื่องช็อควงการคือ หลังจากที่ถูกจับมาเปรียบเทียบกับ Jay Z มาโดยตลอด เขาเข้ามาเป็นศิลปินในสังกัด DefJamDef Jam ออกอัลบั้ม ''Hip Hop is Dead'' ในปี 2006 และต่อมาปี 2007 กับอัลบั้ม ''Greatest Hits'' ที่รวมเองเพลงเด่นๆ ของเขาเอาไว้มากมาย พร้อม 1 เพลงใหม่ Surviving the times
 
ปี 2008 เขาออกผลงานที่ช๊อคคนทั้งอเมริกาด้วยชื่อเรียกของอัลบัมที่เรียกว่า ''Nigger'' ซึ่งแปลตรงๆแล้วเป็นคำเหยียดหยามคนดำจนเขาถูกบีบบังคับจากนักการเมืองสีผิวชาวอเมริกัน เจสสซี่ แจ็คสัน ให้เปลี่ยนชื่ออัลบัม นาสตัดสินใจไม่ตั้งชื่ออัลบัม แล้วเรียกชื่ออัลบัมใหม่นี้ว่า ''Untitled''แต่เพลงในอัลบัมของเขายังมีนัยแฝงของชื่ออัลบัมที่เขาเคยตั้งเอาไว้
 
ปี 2010 นาส ได้ร่วมงามกับทายาท เร้กเก้ ตระกูลมาเลย์ อย่าง Damian Marley ในอัลบั้ม Distant Relatives ในสังกัด Universal Republic และ Def Jam เขาทั้งสองเขียนเพลงและโปรดิวด้วยตนเอง แนวดนตรีผสมผสานระหว่างฮิปฮอปและเร้กเก้ ได้อย่างลงตัว
 
ปี 2012 นาสปล่อยสตูดิโออัลบั้มเดี่ยวลำดับที่ 10 ของตนเอง อัลบั้มที่ 3 และอัลบั้มสุดท้าย ภายใต้สังกัด Def Jam ก่อนที่จะหมดสัญญา ในชื่อว่า Life Is Good เป็นแนวดนตรีฮิปฮอป-อันเดอร์กราว์ ผสมอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีโปรดิวเซอร์แกนนำอย่าง Salaam Remi, No I.D. เป็นเสาหลักในการทำเพลงในอัลบั้มนี้ และร่วมด้วยโปรดิวเซอร์มีโปรอย่าง Swizz Beatz, Rodney Jerkins, DJ Hot Day, Noah "40" Shebib, กลุ่ม J.U.S.T.I.C.E. League, กลุ่ม Da Internz, Al Shux และแขกรับเชิญคับคังอย่าง Rick Ross, Mary J. Blige, Miguel, Large Professor, Anthony Hamilton, Victoria Monet ศิลปินหน้าใหม่อย่าง Cocaine 80s รวมเพลงตกค้างที่ร่วมกับ Amy Winehouse
ซิงเกิ้ลโปรโมทเพลงแรกคือ Nasty ได้ Salaam Remi โปรดิว
ซิงเกิ้ลที่ 2 The Don เป็นเพลงที่ Salaam Remi โปรดิวร่วมด้วย Heavy D ก่อนที่จะเสียชีวิต และร่วมกับ กลุ่ม Da Internz (MIMS, Big Sean, Rihanna, Ludacris) โดยใช้เพลง Another Black Girl Lost มาแซมม์
ซิงเกิ้ลที่ 3 Daughters ที่ได้ No I.D. มาโปรดิว เป็นเพลงที่ถ่ายทอดชีวิตความเป็นพ่อที่เป็นห่วงลูกในโลกของสังคมออนไลน์ ณ ขณะนี้ ได้อย่างชัดเจน
ซิงเกิ้ลที่ 4 Accident Murderers ได้ Rick Ross มาแจมด้วย หลังจากร่วมมาหลายครั้งแล้วแต่ยังไม่เป็นทางการสะที ซิงเกิ้ลนี้เป็นทางการของเขาทั้งสอง อาจเป็นซิงเกิ้ลหลัก เพลงนี้ Salaam Remi และ No I.D. ร่วมโปรดิว โดยใช้เพลง One Love มาแซมม์ สร้างความสะใจทั้งการมิกซืและการแซมม์ที่ลงตัว
 
== ผลงานสตูดิโออัลบั้ม ==
เข้าถึงจาก "https://th.wikipedia.org/wiki/นาส"