ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ผ้าซิ่นทิวมุก"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 1:
[[ไฟล์:ทิวมุก3.JPG|thumb|right|ผ้าซิ่นทิวมุกจกดาว]]
'''สิ่นทิวมุกจกดาว''' หรือ ซิ่นทิวมุก
== ประวัติ ==
บรรทัด 7:
"สิ่นทิวมุกจกดาว" (ออกเสียงตามสำเนียงอุบล) เป็นผ้าที่มีแหล่งกำเนิดในเมืองอุบลราชธานี ในอดีตเป็นผ้านุ่งสำหรับ [[อัญญานาง]] หรือเจ้านายสตรีสายเมืองอุบลราชธานีศรีวนาลัยประเทศราช แต่ละคุ้มแต่ละโฮงมีกันผืนสองผืนเท่านั้น เล่าสืบกันมาว่าช่างทอผู้ริเริ่มก็คือ อัญญานางเลื่อน เชื้อสายเจ้านายเมืองอุบล ในราวสมัยรัชกาลที่ 5<ref>สุนัย ณ อุบล และคณะ. (2536). ผ้ากับวิชีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ไท-ลาว สายเมืองอุบล. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ</ref> ครั้นท่านสิ้นวิธีการทอก็สูญหายหาคนทอไม่ได้ไปนับหลายสิบปี จนกระทั่งมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ร่วมกับกลุ่มสตรีทอผ้าบ้านลาดสมดี อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี ได้เริ่มโครงการฟื้นฟูผ้าพื้นเมืองลายโบราณจังหวัดอุบลราชธานี จึงมีการฟื้นฟูการทอซิ่นทิวมุกขึ้นใหม่อีกครั้งในปี พ.ศ.2551<ref>มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (2551) www.ubu.ac.th/~research/new_art/.../pamai%20's%20news.pdf</ref>
ซิ่นทิวมุก
==โครงสร้างลวดลายและสีสัน==
ซิ่นทิวมุกจกดาว มีโครงสร้างหลัก แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนตัวซิ่น และหัวซิ่น เหมือนกับซิ่นทิว ซึ่งเป็นผ้าซิ่นชนิดเดียวของอีสานที่เป็นลายขวาง ซึ่งโดยปรกติการวางลวดลายจะวางแนวตั้งหรือลายล่อง กล่าวกันว่าเป็นซิ่นที่ทอยาก เนื่องจากต้องใช้สมาธิสูงในการนับเส้น ให้เป็นริ้วเป็นทิวเสมอกันทั้งผืน แต่ซิ่นทิวมุกจกดาวจะมีลักษณะพิเศษมากกว่าสิ่นทิวทั่วไปคือ ต้องสืบเครือทำเป็นทิว คือเป็นลายขวางอันเป็นลักษณะที่ช่างชาวอีสานไม่ใคร่ถนัด แล้วทำการยกมุก อาจใช้ไหม
เมื่อพิจารณาลวดลายโดยภาพรวมของซิ่นทิวมุกจกดาวจะเห็นว่า เป็นซิ่นที่มีลายขวางลำดัว โดยลายมุก
== การใช้สอย ==
[[ไฟล์:ทิวมุก2.jpg|thumb|left|นางแบบสวมซิ่นทิวมุก ในงานแสดงแบบผ้าอุบลราชธานีเจริญศรีโสธร 2553]]
ผ้าซิ่นทิวมุกจกดาว ถือเป็นผ้าที่ทอได้ยากยิ่ง ต้องอาศัยความอุตสาหะ ในการทอ หนึ่งผืนใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือน ด้วยการผสานเทคนิคที่ลงตัวทำให้ได้ลักษณะซิ่นที่เรียบหรู ทรงพลัง และบ่งบอกถึงเกียรติยศของผู้สวมใส่ ดังนั้นจึงพบว่าซิ่นชนิดนี้มีเพียงเจ้านายสตรีชั้นสูงในเมืองอุบลเท่านั้นถึงมีสิทธิ์สวมใส่ โดยการนุ่งจะสวมซิ่นอีกหนึ่งผืนไว้ข้างใน แล้วจึงนุ่งซิ่นทิวมุกทับ เพื่อป้องกันการสัมผัสกับร่างกายโดยตรงอันจะทำให้ผ้าเสื่อมสภาพได้ง่าย<ref>มานิสา ปิยะสิงห์ (2541). เรือตรี ดร. สุนัย ณ อุบล ผู้รักษาผ้าสองแผ่นดิน. กินรี. ปีที่ 15 ฉบับที่ 7 (ก.ค. 2541) : หน้า 50-54.</ref> ต่อมาเมื่อมีการรื้อฟื้นการทอขึ้นใหม่ จึงมีการปรับประยุกต์ใช้ในโอกาสสำคัญ เช่น งานสดุดีวีรกรรมเจ้าคำผง หรืองานที่ต้องการความหรูหรา
== การทอในปัจจุบัน ==
ปัจจุบันการทอซิ่นทิวมุกจกดาว ได้รับการรื้อฟื้นขึ้นใหม่โดยมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี และในภาคเอกชนคือ [[บ้านคำปุน]] ซึ่งเป็นแหล่งผลิตผ้าไหมชั้นดีของเมืองอุบล ได้มีการทอขึ้นมาเพื่อสืบทอดภูมิปัญญาของบรรพบุรุษชาวอุบลอย่างต่อเนื่อง โดยการเลือกสรร วัสดุชั้นดี เช่น ไหมน้อย ดิ้นคำจากฝรั่งเศส เป็นต้น ในปีพ.ศ.2553 อาจารย์คำล่า มุสิกา อาจารย์ประจำคณะศิลปศาสตร์ [[มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี]] และอาจารย์วิศปัตย์ ชัยช่วย คณะโบราณคดี[[มหาวิทยาลัยศิลปากร]] ได้ร่วมกันรื้อฟื้นการทอซิ่นทิวมุกแบบโบราณขึ้นอีกครั้งหนึ่ง และในครั้งนั้นได้ทดลองทอซิ่นทิวมุกสีม่วงขึ้นอีกจำนวนหนึ่งด้วย
== อ้างอิง ==
{{รายการอ้างอิง}}
{{เรียงลำดับ|ซิ่นทิวมุกจกดาว}}
[[หมวดหมู่:ผ้าไทย]]
[[หมวดหมู่:จังหวัดอุบลราชธานี]]
|