ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ซามาร์กันต์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Idioma-bot (คุย | ส่วนร่วม)
r2.6.3) (โรบอต เพิ่ม: ky:Самаркан
Antelope (คุย | ส่วนร่วม)
เก็บกวาด
บรรทัด 1:
{{ต้องการอ้างอิง}}
{{กล่องข้อมูล มรดกโลก
| Image = [[ภาพ:Storks samarkand.jpg|248px]]
| imagecaption =
| Country = {{UZB}}
| Name = ซามาร์คันด์ - ชุมทางวัฒนธรรม
| Type = มรดกทางวัฒนธรรม
| Year = 2544
| Criteria = (i) (ii) (iv)
| Link = http://whc.unesco.org/en/list/603/
}}
 
'''ซามาร์คันด์''' ({{lang-fa|سمرقند}} ; [[ภาษาอุซเบก|อุซเบก]]: Самарқанд) เป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดเมืองหนึ่งในเอเชียกลาง ตั้งอยู่ใน[[ประเทศอุซเบกิสถาน]] เป็น[[โอเอซิส]]ซึ่งได้รับน้ำมาจากคลองที่ขุดมาจากแม่น้ำซารัฟชาน ชื่อเดิมของเมืองซามาร์คันด์ คือ เมืองมาระกันดะ เมื่อปี 329 ก่อนคริสต์ศักราช พระเจ้า[[อเล็กซานเดอร์มหาราช]]แห่ง[[มาซิโดเนีย]]เสด็จผ่านเมืองนี้เพื่อที่จะเดินทางไป[[อินเดีย]] จึงได้ยึดเอาไว้ ต่อจากนั้น พวก[[เติร์ก]] พวก[[อาหรับ]] และพวก[[เปอร์เซีย]]ก็เข้าปกครองเมืองนี้ต่อ ๆ กันมา เมืองซามาร์คันด์แห่งนี้เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในยุคกลาง และในปี [[พ.ศ. 1758]] (ค.ศ. 1215) [[เจงกิสข่าน]]แผ่อาณาจักรเข้าควบคุม[[เส้นทางสายไหม]] แล้วได้ยึดซามาร์คันด์ในปี [[พ.ศ. 1764]] (ค.ศ. 1221) อีก 100 ปีต่อมา เมืองนี้ก็เหลือแต่ซาก
 
ข่านติมูร์ เลงค์ เป็นผู้ทรงทำให้เมืองนี้เจริญขึ้น ติมุร์สถาปนาพระองค์เป็นกษัตริย์สืบสายวงศ์จากซากะไตข่าน ราวปี [[พ.ศ. 1910]] (ค.ศ. 1367) [[จักรวรรดิมองโกล]]เสื่อมลง ติมุร์มุ่งมั่นจะเป็นผู้นำความรุ่งโรจน์คืนสู่จักรวรรดิดังเดิม จึงนำทัพเข้ายัดดินแดนตั้งแต่ทะเลดำไปจรดลุ่มน้ำสินธุ บุกทำลายบ้านเมืองจนสิ้นซาก ฆ่าฟันผู้คนจนสิ้นเมือง แล้วนำกะโหลกมากองสร้างเป็น[[พีระมิด]] ติมุร์ไว้ชีวิตแต่พวกช่างฝีมือ ทั้ง จาก[[อาเซอร์ไบจาน]] [[อิสฟาฮาน]] ชิราซ [[เดลี]] และ[[ดามัสกัส]] ช่างเหล่านี้ได้ถูกส่งมาเนรมิตซามาร์คันด์ให้กลายเป็นนครที่สวยงามอีกครั้ง มีสิ่งก่อสร้างรูปโดม ประดับประดาไปด้วยลวดลายโมเสกที่สวยงาม และได้สร้าง[[สุเหร่า]]ที่ใหญ่ที่สุดในโลก[[อิสลาม]] สุเหร่าแห่งนี้ชื่อว่า บิบิ คะนุม เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม [[พ.ศ. 1942]] (ค.ศ. 1399) ใช้เวลาก่อสร้างนาน 5 ปี ใช้ช่างฝีมือ 200 คน แรงงาน 500 คน ช้างอีก 95 เชือก ปัจจุบันยังคงโดดเด่นตระหง่านเหนือเมือง และที่หน้าสุเหร่ายังมีแท่นซึ่งเดิมวาง[[คัมภีร์อัลกุรอาน]]ที่ใหญ่ถึง 2 เมตร
พระเจ้าติมุร์สิ้นพระชนม์ใน[[จีน]]เมื่อปี [[พ.ศ. 1948]] (ค.ศ. 1405) พระศพฝังอยู่ที่[[สุสาน]]ในเมืองซามาร์คันด์
 
ต่อมาในรัชสมัยของพระเจ้าอุลุค เบก ซามาร์คันด์ได้กลายเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและวิทยาการ พระองค์ทรงสร้างอาคารสองชั้นเพื่อใช้เป็นวิทยาลัยเทววิทยา ด้านหน้าอาคารประดับไปด้วยลวดลายที่งดงาม และยังทรงสร้างหอดูดาวที่มีเครื่องมือสังเกตการณ์ทันสมัยที่สุดในเวลานั้น และ ในปี [[พ.ศ. 1992]] (ค.ศ. 1449) พระเจ้าอุลุค เบก ถูกลอบปลงพระชนม์ หลังจากนั้นนครนี้ก็ได้เสือมถอยลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับ[[เส้นทางสายไหม]]ได้ถูกปิดลง และในปี [[พ.ศ. 2043]] (ค.ศ. 1500) นครนี้ก็ได้ถูกพวกโกลเดน ฮอร์ด มองโกลผู้ครอบดินแดนเหนือทะเลสาปแคสเปี่ยนจนไปถึงรัสเซีย มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองเคียฟ เข้ายึดครอบครอง และ ราวศตวรรติที่ 18 นครแห่งนี้จนเสื่อมและร้างผู้คนเป็นเวลา 50 ปี ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ก็ตกเป็นดินแดนของ[[รัสเซีย]] ซามาร์คันด์มีฐานะเป็นเมืองหลวงของเขตปกครองนี้ มีการตัดเส้นทางรถไฟในปี [[พ.ศ. 2439]] (ค.ศ. 1896) และกลายเป็นศูนย์กลางการส่งออกสินค้าเกษตร ภายหลังดินแดนนี้ได้ถูกแยกกลายเป็นส่วนหนึ่งประเทศอุซเบกิสถานปัจจุบันและก็ได้กลายเป็นเมือง[[มรดกโลก]]
 
{{Coor title dms|39|39|15|N|66|57|35|E|type:city}}