ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ผ้าซิ่นทิวมุก"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Sudsanan (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Sudsanan (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 4:
== ความเป็นมา ==
[[ไฟล์: อัญญานางเมืองอุบล.jpg|thumb|left|120px|อัญญานาง(เจ้านายสตรี)เมืองอุบล นุ่งซิ่นทิวมุกและซิ่นไหมคำ]]
"สิ่นทิวมุก หัวจกดาว" (ออกเสียงตามสำเนียงอุบล) เป็นผ้าที่มีแหล่งกำเนิดในเมืองอุบลราชธานี ในอดีตเป็นผ้านุ่งสำหรับ [[อัญญานาง]] หรือเจ้านายสตรีสายเมืองอุบลราชธานีศรีวนาลัยประเทศราช แต่ละคุ้มแต่ละโฮงมีกันผืนสองผืนเท่านั้น เล่าสืบกันมาว่าช่างทอผู้ริเริ่มก็คือ อัญญานางเลื่อน เชื้อสายเจ้านายเมืองอุบล ในราวสมัยรัชกาลที่ 5<ref>สุนัย ณ อุบล และคณะ. (2536). ผ้ากับวิชีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ไท-ลาว สายเมืองอุบล. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ</ref> ครั้นท่านสิ้นวิธีการทอก็สูญหายหาคนทอไม่ได้ไปนับหลายสิบปี จนกระทั่งมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ร่วมกับกลุ่มสตรีทอผ้าบ้านลาดสมดี อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี ได้เริ่มโครงการฟื้นฟูผ้าพื้นเมืองลายโบราณจังหวัดอุบลราชธานี จึงมีการฟื้นฟูการทอซิ่นทิวมุกขึ้นใหม่อีกครั้งในปี พ.ศ.2551<ref>มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (2551) www.ubu.ac.th/~research/new_art/.../pamai%20's%20news.pdf</ref>

ซิ่นทิวมุกโบราณที่หลงเหลือในปัจจุบันนั้นส่วนหนึ่งจัดเก็บไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุบลราชธานี บริจาคโดยนางสงวนศักดิ์ คูณผล ซึ่งเก็บรักษาต่อมาจากมารดา คือ นางวรเวธวรรณกิจ (ทับทิม โชติบุตร) ซึ่งเป็นพระสหารสหชาติกับ [[หม่อมเจ้าบุญจิราธร จุฑาธุช]]<ref>สุวิชช คูณผล (2545) ผ้าซิ่นไหมโบราณวัตถุอายุ 100 ปี www.ubu.ac.th/~research/new_art/ACONTENT/Old-sin-mai.pdf</ref> อีกหนึ่งผืนเป็นผ้าห่อคัมภีร์ในพิพิธภัณฑสถาน วัดศรีอุบลรัตนาราม อีกส่วนหนึ่งอยู่ในความครอบครองของทายาทเจ้านายเชืื้อสายเมืองอุบล คือ เรือตรี[[สุนัย ณ อุบล]] และ นาย[[บำเพ็ญ ณ อุบล]]<ref>พิทยาธรี [นามแฝง] (2540). ผ้าทอเมืองอุบลของสุนัย ณ อุบล. ไลฟ์แอนด์เดคคอร์. ปีที่ 6, ฉบับที่ 71 (ก.ค. 2540) : หน้า 138-142.</ref>
==โครงสร้างลวดลายและสีสัน==
ซิ่นทิวมุก มีโครงสร้างหลัก แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนตัวซิ่น และหัวซิ่น เหมือนกับซิ่นทิว ซึ่งเป็นผ้าซิ่นชนิดเดียวของอีสานที่เป็นลายขวาง ซึ่งโดยปรกติการวางลวดลายจะวางแนวตั้งหรือลายล่อง กล่าวกันว่าเป็นซิ่นที่ทอยาก เนื่องจากต้องใช้สมาธิสูงในการนับเส้น ให้เป็นริ้วเป็นทิวเสมอกันทั้งผืน แต่ซิ่นทิวมุกจะมีลักษณะพิเศษมากกว่าสิ่นทิวทั่วไปคือ ต้องสืบเครือทำเป็นทิว คือเป็นลายขวางอันเป็นลักษณะที่ช่างชาวอีสานไม่ใคร่ถนัด แล้วทำการยกมุก อาจใช้ไหมเงิน หรือไหมสีขาว เป็นเส้นสีขาวตั้งเรียงถี่ จากนั้นก็จกเป็นลายดาวเล็กๆตามช่อง ต่อหัวด้วยหัวซิ่นจกดาว ดังนั้นซิ่นชนิดนี้จึงรวมสามเทคนิคการทออยู่ด้วยกันในผืนเดียวนั่นเอง
==การใช้สอย==
ผ้าซิ่นทิวมุก ถือเป็นผ้าที่ทอได้ยากยิ่ง ต้องอาศัยความอุตสาหะ ในการทอ หนึ่งผืนใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือน ด้วยการผสานเทคนิคที่ลงตัวทำให้ได้ลักษณะซิ่นที่เรียบหรู ทรงพลัง และบ่งบอกถึงเกียรติยศของผู้สวมใส่ ดังนั้นในอดีตจึงพบว่าซิ่นชนิดนี้มีเพียงเจ้านายสตรีชั้นสูงในเมืองอุบลเท่านั้นถึงมีสิทธิ์สวมใส่ ในโอกาสพิเศษโดยการนุ่งจะสวมซิ่นอีกหนึ่งผืนไว้ข้างใน แล้วจึงนุ่งซิ่นทิวมุกทับ เพื่อป้องกันการสัมผัสกับร่างกายโดยตรงอันจะทำให้ผ้าเสื่อมสภาพได้ง่าย<ref>มานิสา ปิยะสิงห์ (2541). เรือตรี ดร. สุนัย ณ อุบล ผู้รักษาผ้าสองแผ่นดิน. กินรี. ปีที่ 15 ฉบับที่ 7 (ก.ค. 2541) : หน้า 50-54.</ref> ปัจจุบันเมื่อมีการรื้อฟื้นการทอขึ้นมาใหม่แล้ว พบว่ามีการนำไปประยุกต์ใช้ในการแต่งกายในงานพิธีสำคัญ เช่นงานสดุดีวีรกรรมเจ้าคำผง เป็นต้น <ref>เชิดชูความดี สดุดีวีรกรรมเจ้าคำผง 2554, http://guideubon.com/news/view.php?t=140&s_id=42&d_id=42</ref>
 
== การทอในปัจจุบัน ==