ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง (เพ็ง เพ็ญกุล)"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Panyatham (คุย | ส่วนร่วม)
แจ้งต้องการหมวดหมู่ +ต้องการวิกิลิงก์ +เก็บกวาดทันใจด้วยสจห.
Panyatham (คุย | ส่วนร่วม)
จัดรูปแบบ +เก็บกวาดด้วยสจห.
บรรทัด 3:
{{ตรวจลิขสิทธิ์}}
 
'''เจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง''' (เพ็ง เพ็ญกุล ) เป็นคนโปรดใน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งท่านมีความสามารถ ทางด้านการละคร โดยเป็นผู้ริเริ่มการแสดงละคร แบบเก็บเงิน หรือตีตั๋วเป็นครั้งแรก และตั้งชื่อโรงละคร แบบฝรั่งว่า "Prince Theatre" รวมทั้งละครของท่าน ยังก่อให้เกิดคำว่า "วิก" อีกด้วย
เจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง
 
เจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง
(เพ็ง เพ็ญกุล ) เป็นคนโปรดใน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งท่านมีความสามารถ ทางด้านการละคร โดยเป็นผู้ริเริ่มการแสดงละคร แบบเก็บเงิน หรือตีตั๋วเป็นครั้งแรก และตั้งชื่อโรงละคร แบบฝรั่งว่า "Prince Theatre" รวมทั้งละครของท่าน ยังก่อให้เกิดคำว่า "วิก" อีกด้วย
เจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง เดิมชื่อ วันเพ็ง หรือวันเพ็ญ เนื่องจากท่านเกิด ในคืนวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 โดยต่อมาเรียกกันเพียงสั้นๆ ว่า "เพ็ง" เป็นบุตรของหลวงจินดาพิจิตร (ด้วง) เมื่อ ครั้งที่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังทรงเป็น เจ้าฟ้ามงกุฏ ทรงเสด็จไปศึกษา ในสำนักพระพุฒาจารย์ (ขุน) ซึ่งนายด้วง (หลวงจินดาพิจิตร) บวชเป็นสามเณรอยู่ สมเด็จพุฒาจารย์ (ขุน) จึงมอบหมายให้สามเณรด้วง ถวายการดูแล เจ้าฟ้ามงกุฏ จนเกิดความสนิทสนมกัน
เมื่อ ครั้งที่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังทรงเป็น เจ้าฟ้ามงกุฏ ทรงเสด็จไปศึกษา ในสำนักพระพุฒาจารย์ (ขุน) ซึ่งนายด้วง (หลวงจินดาพิจิตร) บวชเป็นสามเณรอยู่ สมเด็จพุฒาจารย์ (ขุน) จึงมอบหมายให้สามเณรด้วง ถวายการดูแล เจ้าฟ้ามงกุฏ จนเกิดความสนิทสนมกัน
ต่อ มา นายด้วงลาอุปสมบท ไปมีภรรยา และเข้ารับราชการ ในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เป็น หลวงจินดาพิจิตร มีบุตรธิดา 5 คน คนสุดท้ายคือ "วันเพ็ง" เมื่อหลวงจินดาพิจิตร มีโอกาสเข้าเฝ้า เจ้าฟ้ามงกุฏ เด็กชายเพ็งจึงตามไปด้วย ทรงทอดพระเนตรเห็น จึงออกพระโอษฐ์ ขอเด็กชายเพ็งวัย 13 ปี จากหลวงจินดาพิจิตร เพื่อรับเลี้ยง เป็นบุตรบุญธรรม โดยทรงเรียก "พ่อเพ็ง" เรื่อยมา เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์ จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้พ่อเพ็งเป็น "เจ้าหมื่นสรรเพธภักดี" หัวหมื่นมหาดเล็ก
เส้น 18 ⟶ 14:
ด้วย เหตุนี้ พระองค์จึงทรงดำริให้ ไพร่มีหน้าที่ ต่อราชการ เท่าเทียมกัน โดยให้มีการแลกตัวเลก ซึ่งจะให้มีฐานะเสมอกัน (ตัวเลกหมายถึงไพร่) โดยขณะนั้น พระยาราชสุภาวดี สมุหพระสุรัสวดี ทำหน้าที่ ดูแลกรมพระสุรัสวดี ซึ่งเป็นเพียงกรมเล็กๆ ที่มีหน้าที่สักเลก ในเขตความรับผิดชอบเท่านั้น (งานสักเลก เป็นงานหลัก ของกรมมหาดไทย ,กรมพระกลาโหม และกรมท่า) ในปี พ.ศ. 2417 จึงมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนพระยาราชสุภาวดี เจ้ากรมพระสุรัสวดีเป็น "เจ้าพระยามหินทรศักดิธำรง สกูลวงศ์อรเอกดิเรกยศ มธุรพจนสุนทรธรรมยุติยานุวัติ บุรุษรัตนทุวาธิราชนิกรวรยุคลบาท บรมนาถสวามิภักดิสนิท วิสิฐคุณศรีรัตนธาดา อภัยพิริยบรากรมพาหุ" เท่าเทียมกับสมุหนายก สมุหพระกลาโหม และกรมท่า เพื่อให้มีอำนาจ ในการจัดระเบียบ การควบคุมกำลังคน และการสักเลกมากกว่าเดิม รวมทั้งการเกณฑ์ไพร่ มาทำราชการ ในกรณีพิเศษ เช่น การปราบปรามโจรผู้ร้าย การปราบกบฎ เป็นต้น
ต่อ มาในปี [[พ.ศ. 2418]] เกิดการชุมนุม ของพวกฮ่อ (ชาวจีนอพยพ เข้ามาทำมาหากิน ในภาคเหนือ ของประเทศไทย) ที่ทุ่งเชียงคำ เพื่อหมายจะตีเมืองหลวงพระบาง ทางการ จึงจัดกำลังเข้าปราบปราม โดยแบ่งเป็น 4 กอง ซึ่งหนึ่งในนั้น มีกองทัพของ เจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง เป็นแม่ทัพ และยกกำลัง มาจากกรุงเทพฯ ไปหนองคาย โดยสามารถ ปราบปรามพวกฮ่อ ให้ล่าถอยไปได้
 
== อ้างอิง ==
{{รายการอ้างอิง}}