ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จอห์น ทราโวลตา"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Luckas-bot (คุย | ส่วนร่วม)
r2.7.1) (โรบอต เพิ่ม: hy:Ջոն Տրավոլտա แก้ไข: ko:존 트래볼타
Octahedron80 (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
{{กล่องข้อมูล นักแสดง
| bgcolour =
| name = จอห์น ทราโวลตา
| image = John Travolta.jpg
| imagesize =
| caption = ปี 1983
| birthname = จอห์น โจเซฟ ทราโวลตา
| nickname =
| birthdate = [[18 กุมภาพันธ์]] [[ค.ศ. 1954]]
| location = [[เอ็นเกิลวูด]] [[รัฐนิวเจอร์ซีย์]]
| deathdate =
| deathplace =
| spouse = เคลลี เพรสตัน
| othername =
| occupation = นักแสดง,นักร้อง,นักเต้น
| yearsactive =
| notable role =
| homepage = [http://www.travolta.com/ travolta.com]
| academyawards =
| emmyawards =
| tonyawards =
| goldenglobeawards = '''Best Actor - Motion Picture Musical or Comedy''' </br>1996 Get Shorty
| baftaawards =
| cesarawards =
| goyaawards =
| afiawards =
| filmfareawards =
| olivierawards =
| ตุ๊กตาทอง =
| สุพรรณหงส์ =
| ชมรมวิจารณ์บันเทิง =
| โทรทัศน์ทองคำ =
| เมขลา =
| imdb_id =
| thaifilmdb_id =
}}
'''จอห์น โจเซฟ ทราโวลตา''' ({{Lang-en|John Joseph Travolta}}) เกิดเมื่อ [[18 กุมภาพันธ์]] [[ค.ศ. 1954]] เป็นนักแสดงชาวอเมริกัน รุ่งโรจน์ที่สุดในฮอลลีวูด ด้วยหนังดังอย่าง [[Saturday Night Fever]] และ [[Grease]] ตลอดจนซีรีส์ทางโทรทัศน์ และผลงานเพลงประกอบภาพยนตร์ เขาเหมือนกับคนดังคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ตรงจุดสูงสุดได้เพียงไม่นาน ช่วงทศวรรษที่ 80 ชื่อเสียงของเขาก็โรยเสียแล้ว และกลายเป็นเพียงความทรงจำจากยุคของเขา ช่วงทศวรรษต่อ ๆ มา เขายังสามารถคืนสู่ความเป็นซูเปอร์สตาร์ได้อีก
 
== ประวัติ ==
จอห์น ทราโวลตา เกิดที่ [[เอ็นเกิลวูด]] [[รัฐนิวเจอร์ซีย์]] เป็นลูกคนสุดท้องจากทั้งหมด 6 คน พ่อของเขาเป็นอดีต[[นักฟุตบอล]]กึ่งอาชีพ ส่วนแม่เป็นอดีตนักร้องในคณะ [[ซันไชน์ ซิสเตอร์]] และมีอาชีพเป็นครูสอนวิชาการละครในไฮสคูล จอห์นเริ่มเข้าสู่วงการแสดงเมื่ออายุเพียง 12 ขวบ กับการร่วมแสดง[[ละครเวที]]และ[[ละครเพลง]]ท้องถิ่น และยังได้เรียน[[การเต้นแท๊ป]]จาก เฟร็ด เคลลี่ ซึ่งเป็นน้องชายของ จีน เคลลี่ ด้วย
 
จอห์นตัดสินใจลาออกจากไฮสคูลเมื่ออายุได้ 16 ปี แล้วย้ายไปแมนฮัตตันเพื่อร่วมแสดงใน[[ละครออฟบรอดเวย์]]เรื่องแรกของเขา คือ Rain ในปี 1972 ต่อจากนั้น เขาได้รับบทเล็ก ๆ ในเรื่อง Grease ที่เดินสายแสดงตามที่ต่าง ๆ ปีต่อมา เขาได้แสดงกับ [[แอนดริวส์ ซิสเตอร์ส์]] ใน[[ละครบรอดเวย์]]เรื่อง Over Here! ในปี 1975 ต่อจากนั้นได้รับบทเป็นตัวประกอบในหนังน่ากลัวเรื่อง The Devil’s Rain และในปีเดียวกันนั้นเอง เขาได้รับบท วินนี่ บาร์บาริโน่ ใน[[ละครโทรทัศน์]]เบาสมองเรื่อง Welcome Back, Kotter หน้าของเขาอยู่บน[[เสื้อยืด]]และสินค้าต่าง ๆ มากมาย นับเป็นความสำเร็จก้าวแรก
 
ปี 1976 เขายังได้รับบทเล็ก ๆ อีกบทหนึ่ง ของ ไบรอัน เดอพัลมา เรื่อง Carrie เขาโด่งดังสุด ๆ จาก Kotter ทางด้านผลงานเพลงเขายังได้ออก[[อัลบั้ม]][[เพลง]]ป๊อปซีรีส์หนึ่ง ชื่อ LPs ซึ่งประกอบด้วยอัลบั้ม Can’t Let Go (1977), John Travolta (1976) และ Travolta Fever (1978) โดยเพลง Let Her In ได้รับความนิยมมากจนติดบนชาร์ทเพลง ต่อมาเขาได้แสดงภาพยนตร์ทางโทรทัศน์เรื่อง The Boy in the Plastic Bubble ของ แรนดัล คลัยเซอร์ ซึ่งได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์พอควร ในหนังเรื่องนี้ [[ไดแอน ไฮแลนด์]] แสดงเป็นแม่ของจอห์น และยังเป็นคู่รักนอกจอกันซึ่งต่อมาไดแอนเสียชีวิตด้วย[[โรคมะเร็ง]]ในปี 1977
 
และในช่วงนั้นเองเขาได้แสดงในภาพยนตร์เรื่อง Saturday Night Fever หนังฟอร์มใหญ่เรื่องแรกของจอห์นก็ออกฉาย แล้วตามด้วย Rebel Without a Cause หนัง[[ดิสโก้]]ท่ามกลางสีสันชีวิตราตรีในมหานคร[[นิวยอร์ก]] ที่ทำให้จอห์นมีชื่อเสียงในฮอลลีวูดและยังส่งผลให้เขาได้รับ[[รางวัลออสการ์]]เป็นครั้งแรก ตลอดจนกลายเป็นขวัญใจแห่งยุคนั้น ในภาพยนตร์เรื่องนี้ยังมีเพลงประกอบที่โด่งดังมาก ขับร้องโดยวงสามพี่น้อง[[บีจีส์]] ปีถัดมา เขาแสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง Grease สร้างโดย คลัยเซอร์ ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถทำเงินได้สูงกว่า Saturday Night Fever เสียอีก
 
ในปี 1978 จอห์น ทราโวลตา เขาแสดงเรื่อง Moment by Moment เรื่องราวรักโรแมนติกช่วงเดือนพฤษภาคม-ธันวาคม ที่เขาแสดงนำคู่กับ [[ลิลี่ ทอมลิน]] และถูกนักวิจารณ์สับเสียไม่มีชิ้นดี และทำรายได้ไม่ดี จากนั้น เขาก็ปฏิเสธการรับบทในหนัง American Gigolo ของ [[พอล ชาเรเดอร์]] (ซึ่งต่อมาได้ [[ริชาร์ด เกียร์]] มารับบทแทน) เพื่อที่จะไปเล่น Urban Cowboy (1980) ในบทคนงานแท่นขุดเจาะน้ำมันใน[[เท็กซัส]] ซึ่งช่วยกอบกู้สถานะทางการเงินกลับมาให้เขาได้มากโข ปีต่อมา เขารับบทนำในหนัง Blow Out ของ [[เดอพัลม่า]] ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเท่าที่ควร และทำรายได้น้อยกว่าที่หวังไว้ แต่ได้รับเสียงวิจารณ์ในทางบวกมากที่สุดในจำนวนหนังทั้งหมดที่เขาเคยแสดงมา เขาปฏิเสธบทนำอีกครั้ง ในหนังเรื่อง An Officer and a Gentleman (ริชาร์ด เกียร์ ตามมาเก็บงานนี้อีกตามเคย) เพื่อที่จะไปรับบท โทนี่ มาเนอโร ใน Staying Alive ซึ่งเป็นหนังภาคต่อของ Saturday Night Fever โดยเป็นฝีมือการกำกับของ [[ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน]] และได้ออกฉายในปี 1983 นับว่า จอห์น หวนคืนจอภาพยนตร์ได้ดีพอควร แต่ด้านรายได้ก็ยังน้อยกว่าที่คาดอยู่ดี
 
หลังจากนั้นไม่กี่เดือน เขาก็มีหนังออกฉายอีกเรื่องหนึ่ง คือ Two of a Kind ซึ่งเขาได้กลับมาประชันบทบาทกับ [[โอลิเวีย นิวตัน จอห์น]] อีกครั้ง หลังจากที่เคยแสดงคู่กันมาแล้ว ใน Grease อย่างไรก็ตาม หนังเรื่องนี้ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่หวัง และเส้นทางของ จอห์น ทราโวลตา ดูจะไม่ค่อยสวยหรูสักเท่าไร เขาหายหน้าหายตาไปจากวงการประมาณ 2 ปี แล้วกลับมาด้วยเรื่อง Perfect ในปี 1985 ซึ่งก็ไม่ประสบความสำเร็จอีกเช่นเคย เขาล้มลุกคลุกคลานเช่นนี้อยู่จนปี 1989 จึงมีผลงานเรื่อง The Experts ซึ่งความล้มเหลวจากเรื่องนี้อีก
 
ต่อมาในปีเดียวกัน เขาแสดงนำคู่กับ [[คริสตี้ อัลลีย์]] ในหนังเบาสมองทุนสร้างเพียง 8 ล้านดอลล่าร์ เรื่อง Look Who’s Talking แต่กลับประสบความสำเร็จอย่างยิ่งทำรายได้รวมคิดเป็นเงินถึง 150 ล้านดอลล่าร์ และได้มีการสร้างภาคต่ออีกถึง 2 ตอน คือ Look Who’s Talking Too ในปี 1991 และ Look Who’s Talking Now ในปี 1993 แต่ชื่อของเขาก็เริ่มจมหายไปอีกครั้ง หลังจากนั้น เขาตกลงรับแสดงเรื่อง Pulp Fiction ของ [[เคว็นติน ทารันติโน่]] ด้วยค่าตัวเพียง 140,000 ดอลล่าร์ หนังเรื่องนี้ เควนติน ทารันติโน่ ซึ่งเป็นแฟนที่เหนียวแน่นคนหนึ่งของจอห์น ได้สร้างตัวละครชื่อ วินเซ็นต์ เวก้า ในหนังเรื่องนี้ขึ้นมาโดยคิดไว้ตั้งแต่เริ่มเขียนบทว่า ได้วางตัวละครไว้ให้ จอห์น ทราโวลตา เป็นคนแสดงโดยเฉพาะ หนังประสบความสำเร็จทั้งเสียงวิจารณ์และรายได้ ส่วน จอห์น ทราโวลตา ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์อีกหน และในระยะเวลาเพียงสองปีหลังจากนั้น ค่าตัวของเขาได้เพิ่มขึ้นสูงเป็นเรื่องละ 20 ล้านดอลล่าร์
 
ต่อมาเขาได้แสดงในภาพยนตร์เรื่อง Get Shorty (1995) ตามคำแนะนำของ ทารันติโน่ Get Shorty เป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากเรื่องของ เอ็ลมอร์ เลนนาร์ด กำกับโดย [[แบร์รี่ ซอนเนนเฟลด์]] และยังเป็นหนังที่ได้รับความนิยมสูงมากอีกเรื่องหนึ่งด้วย ต่อมาได้แสดงหนังแอ๊คชั่นเรื่อง Broken Arrow ของ จอห์น วู ตามด้วยเรื่อง Phenomenon ในช่วงฤดูร้อน และ Michael ในช่วงคริสมาสปีเดียวกัน ปีถัดมา เขาร่วมงานกับ จอห์น วู อีกครั้ง ในหนังตื่นเต้น เรื่อง Face/Off ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากทำรายได้ 245 ล้านเหรียญทั่วโลก และได้นำให้เขามาแสดงเรื่อง She’s So Lovely ของ [[นิค คาสซาเวทส์]] หลังจากแสดงเรื่อง Mad City ในปี 1997 จอห์น ทราโวลตา ก็ได้ร่วมงานกับ [[ไมค์ นิโคล]] ในหนังเสียดสีการเมือง ชื่อ Primary Colors ตามด้วยหนังดัดแปลงจากหนังสือ เรื่อง A Civil Action และ เรื่อง The General’s Daughter ในปี 1999 ที่เขาร่วมแสดงกับ มาเดลีน สโตว์ ส่วนในปี 2000 เขาได้แสดงในหนัง[[ไซไฟ]]เรื่อง Battlefield Earth ซึ่งสร้างจากนิยายวิทยาศาสตร์ของ [[แอล ร็อบ ฮับบาร์ด]] ซึ่งเขาเป็นผู้อำนวยการสร้างด้วย แต่ไม่ประสบความสำเร็จและได้รับตำแหน่งภาพยนตร์ยอดแย่แห่งปีด้วย และต่อมากับภาพยนตร์เบาสมอง ใน Lucky Numbers กำกับโดยนอร่า เอฟรอน เขารับบทเป็นผู้รายงานข่าวพยากรณ์อากาศทางโทรทัศน์ ซึ่งประสบปัญหาทางการเงิน ส่วนหนังที่ออกฉายในปี 2001 เป็นหนังแอ๊คชั่น เรื่อง Swordfish ซึ่งเขาร่วมแสดงกับ [[แฮลล์ เบอร์รี่]] และ [[ฮิวจ์ แจ็คแมน]]
 
ในปี 2007 เขาได้แสดงในภาพยนตร์เพลงเรื่อง Hairspray ที่ต้องมาสวมบทบาทเป็นผู้หญิงแท้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้ 127 ล้านเหรียญสหรัฐ จอห์น ทราโวลตา ได้รับรางวัลเกียรติยศ อวอร์ด ฟอร์ เอ็กเซลเลนซ์ ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติซานตาบาร์บาราอินเตอร์เนชั่นแนลฟิล์มเฟสติวัล