ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โทกูงาวะ อิเอโยชิ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
NewFrontierHistoryThai (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
NewFrontierHistoryThai (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 15:
'''โทะกุงะวะ อิเอะโยะชิ''' ({{ญี่ปุ่น|徳川 家慶|Tokugawa Ieyoshi||[[22 มิถุนายน]] [[ค.ศ. 1793]] - [[27 กรกฎาคม]] [[ค.ศ. 1853]]}}) เป็น [[โชกุน]] คนที่ 12 แห่ง [[ตระกูลโทะกุงะวะ]] (ช่วงสมัย: [[ค.ศ. 1837]] ถึง [[ค.ศ. 1853]]) เป็นบุตรชายคนที่สองของโชกุน[[โทะกุงะวะ อิเอะนะริ]] เกิดกับนางโครินอิน (Korin-in, 香琳院) เกิดในปีเดียวกับที่พี่ชายคนโตต่างมารดาเสียชีวิต จึงได้เป็นทายาทสืบทอดตำแหน่งโชกุน ในค.ศ. 1837 โชกุนอิเอะนะริจึงได้สละตำแหน่งโชกุนให้แก่อิเอะโยะชิ โดยบิดาคืออิเอะนะริยังคงดำรงตำแหน่งเป็น''โอโงโช'' (Ōgōshō, 大御所) จนกระทั่งถึงแก่อสัญกรรมในค.ศ. 1841
 
ในสมัยของโชกุนอิเอะโยะชิการปกครองอยู่ภายใต้อิทธิพลของ''โรจู''[[มิซุโนะ ทะดะกุนิ]] (Mizuno Tadakuni, 水野 忠邦) ผู้นำใน[[การปฎิรูปปีเท็นโป]] (Tenpo-no-kaikaku, 天保の改革) ในค.ศ. 1841 เป็นความพยายามที่จะจัดระเบียบสังคมญี่ปุ่นให้เรียบง่ายลงและเคร่งครัดมากขึ้น<ref>http://www.man-pai.com/Artigos/reformas_tenpo_e.htm</ref> ยกตัวอย่างเช่นการห้ามการแต่งตัวและการประดับประดาที่หรูหรา การห้ามการพิมพ์ภาพสี และการกดขี่ละครคาบูกิ หลังจาก[[เหตุการณ์มอร์ริสัน]] (Morrison Incident) ในค.ศ. 1837 ทำให้''บะกุฟุ''มีทัศนคติที่เลวร้ายต่อชาวตะวันตกลงอย่างมาก ส่งผลให้เกิดการกวาดล้างขุนนางใน''บะกุฟุ''ในค.ศ. 1839 ด้วยข้อหาข้องแวะกับ''[[รังงะกุ]]'' (Rangaku, 蘭学) หรือศิลปวิทยาการตะวันตกมากเกินไป เรียกว่า การกวาดล้างขุนนางตะวันตก (Bansha-no-guku, 蛮社の獄) แต่ทว่าการปฏิรูปปีเท็นโปเป็นที่ต่อต้านอย่างมากมาย ทำให้การปฏิรูปในครั้งนี้ล้มเหลวและ''โรจู''ทะดะกุนิต้องออกจากตำแหน่งไปในค.ศ. 1843 ช่วงสมัยของโชกุนอิเอะโยะชิตรงกับสมัยของ''ไดเมียว''[[ชิมะสึ นะริอะกิระ|ชิมะสุ โนะนะริอะกิระ]] (Shimazu Noriakira, 島津斉彬) แห่งแคว้น[[แคว้นซัตสึมะ|ซะสุมะ]]
 
{{main|การเปิดประเทศของญี่ปุ่น}}
ในเดือนกรกฎาคมค.ศ. 1853 พลเรือจัตวา [[แมททิว เพอร์รี่]] (Commodore Matthew C. Perry) จากสหรัฐอเมริกา ได้นำเรือรบ (ซึ่งชาวญี่ปุ่นเรียกว่า เรือดำ Kurofune, 黒船) จำนวนสี่ลำเข้ามาจอดปิดอ่าวอุระงะ (Uraga, 浦賀) ของเมืองเอะโดะ โดยข่มขู่ว่าจะยิงปืนใหญ่โจมตีเมืองเอะโดะหากไม่ยอมเปิดประเทศทำการค้ากับสหรัฐอเมริกา เป็นการใช้นโยบายทางการฑูตแบบเรือปืนบังคับ (Gunboat diplomacy) ''โรจู''อะเบะ มะซะฮิโระ (Abe Masahiro, 阿部 正弘) เป็นตัวแทนฝ่ายญี่ปุ่นเจรจากับพลเรือจัตวาเพอร์รี่ ยอมรับสาส์นจากประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา พลเรือจัตวาเพอร์รี่จึงนำเรือรบไปเทียบท่าที่เมืองคุริฮะมะ (Kurihama, 久里浜) เพื่อรอคอยคำตอบ
 
เพียงสิบสามวันหลังจากที่เรือดำของพลเรือจัตวาเพอร์รี่ได้ย้ายไปจอดที่เมืองคุริฮะมะ โชกุนอิเอะโยะชิก็ได้ถึงแก่อสัญกรรมลงในค.ศ. 1853 มี[[โทะกุงะวะ อิเอะซะดะ]] (Tokugawa Iesada, 徳川家定) บุตรชายคนที่สี่เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งโชกุนต่อมา ท่ามกลางบ้านเมืองที่กำลังสับสนวุ่นวายจากการคุกคามของชาวตะวันตก
 
{{เริ่มกล่อง}}