123,860
การแก้ไข
ล (ย้อนการแก้ไขของ Treabshows (พูดคุย) ไปยังรุ่นก่อนหน้าโดย KamikazeBot) |
ล (replaceViaLink) |
||
| year = 1964 }}</ref>
การศึกษาดาวฤกษ์มีความก้าวหน้าขึ้นอย่างมากตลอดช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 [[ภาพถ่าย]]กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่มีค่ายิ่งสำหรับการศึกษาทางดาราศาสตร์ [[คาร์ล สวาซชิลด์]]ค้นพบว่า สีของดาวฤกษ์ซึ่งหมายถึงอุณหภูมิของมันนั้น สามารถตรวจสอบได้โดยการเปรียบเทียบค่า[[
| author = Michelson, A. A.; Pease, F. G.
| title = Measurement of the diameter of Alpha Orionis with the interferometer
| accessdate = 2007-07-05 }}</ref> ดังนั้นอุณหภูมิที่แท้จริงในย่านแกนกลางของดาวจะสูงมากถึงหลายล้านเคลวิน<ref name="aps_mss" />
อุณหภูมิของดาวฤกษ์เป็นตัวบ่งบอกถึงอัตราการแผ่พลังงานหรือการแผ่ประจุของธาตุที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลถึงคุณสมบัติการดูดกลืนเส้นสเปกตรัมที่แตกต่างกันด้วย เมื่อเราทราบค่าอุณหภูมิพื้นผิวของดาวฤกษ์ ค่า[[
ดาวฤกษ์มวลมากในแถบลำดับหลักอาจมีอุณหภูมิพื้นผิวสูงถึง 50,000 เคลวิน ดาวฤกษ์ที่มีขนาดเล็กลงมาเช่น[[ดวงอาทิตย์]] จะมีอุณหภูมิพื้นผิวเพียงไม่กี่พันเคลวิน [[ดาวยักษ์แดง]]จะมีอุณหภูมิพื้นผิวค่อนข้างต่ำ ประมาณ 3,600 เคลวินเท่านั้น แต่จะมีความส่องสว่างมากกว่าเนื่องจากมีพื้นที่ผิวชั้นนอกที่ใหญ่กว่ามาก<ref name=zeilik>{{cite book | last=Zeilik | first=Michael A. | coauthors=Gregory, Stephan A. | title=Introductory Astronomy & Astrophysics | edition=4th ed. | year=1998 | publisher=Saunders College Publishing | isbn=0030062284 | pages=321 }}</ref>
พื้นผิวบางส่วนของดาวที่มีอุณหภูมิต่ำและความส่องสว่างต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั้งหมด จะเรียกว่า [[จุดมืดดวงอาทิตย์|จุดมืดดาวฤกษ์]] จุดมืดของดาวฤกษ์แคระหรือดาวฤกษ์ที่มีขนาดเล็กจะไม่ค่อยเป็นที่สังเกตโดดเด่น ขณะที่จุดมืดของดาวยักษ์หรือดาวฤกษ์ขนาดใหญ่จะยิ่งสังเกตเห็นได้ง่าย<ref name="Michelson Starspots">{{cite journal | author= Michelson, A. A.; Pease, F. G. | title=Starspots: A Key to the Stellar Dynamo | journal=Living Reviews in Solar Physics | publisher=Max Planck Society | year=2005 | url=http://www.livingreviews.org/lrsp-2005-8 }}</ref> และทำให้เกิดลักษณะ[[การมืดคล้ำที่ขอบ]]ของดาวฤกษ์ได้มาก นั่นคือ ความสว่างของดาวทางด้านขอบ (เมื่อมองเป็นแผ่นจานกลม) จะลดลงไปเรื่อยๆ<ref>{{cite journal | author=Manduca, A.; Bell, R. A.; Gustafsson, B. | title=Limb darkening coefficients for late-type giant model atmospheres | journal=Astronomy and Astrophysics | year=1977 | volume=61 | issue=6 | pages=809–813 | url=http://adsabs.harvard.edu/abs/1977A&A....61..809M }}</ref> ดาวแปรแสงที่เป็นดาวแคระแดง (หรือ flare star) บางดวง เช่นดาว [[ยูวี ซีตัส]] ก็อาจมีจุดมืดดาวฤกษ์ที่โดดเด่นเช่นกัน<ref>{{cite journal | author= Chugainov, P. F. | title=On the Cause of Periodic Light Variations of Some Red Dwarf Stars | journal=Information Bulletin on Variable Stars | year=1971 | volume=520 | pages=1–3 | url=http://adsabs.harvard.edu/abs/1977A&A....61..809M }}</ref>
=== ความส่องสว่าง ===
{{บทความหลัก|
[[ความสว่าง]]ของดาวฤกษ์ที่ปรากฏวัดได้จากค่า[[
{| class="wikitable" style="float: right; margin-left: 1em;"
|+ ''จำนวนของดาวฤกษ์ที่สว่างกว่าค่าปรากฏ''
!
!จำนวน<br />ดาวฤกษ์<ref>{{cite web | url = http://www.nso.edu/PR/answerbook/magnitude.html | title = Magnitude | publisher = National Solar Observatory—Sacramento Peak | accessdate = 2006-08-23 }}</ref>
|-
|}
ทั้งค่า
ทั้ง
:<math> \Delta{m} = m_\mathrm{f} - m_\mathrm{b} </math>
:<math>2.512^{\Delta{m}} = \Delta{L}</math>
เมื่อเทียบค่า
ดวงอาทิตย์มีค่า
นับถึงปี ค.ศ. 2006 ดาวฤกษ์ที่มีค่า
| author = Hoover, Aaron | date =2004-01-05
| url = http://www.napa.ufl.edu/2004news/bigbrightstar.htm
| accessdate = 2006-07-19 }}</ref>
นอกเหนือจากนี้ ดาวฤกษ์ยังอาจจัดประเภทได้จากผลกระทบความส่องสว่างที่พบในเส้นสเปกตรัมของมัน ซึ่งสอดคล้องกันกับขนาดที่ว่างในอวกาศอันระบุได้จากแรงโน้มถ่วงพื้นผิว ค่าในประเภทนี้จะจัดได้ตั้งแต่ ''0'' (สำหรับดาวแบบ[[ไฮเปอร์ไจแอนท์]]) ไปเป็น ''III'' (สำหรับ[[ดาวยักษ์]]) จนถึง ''V'' (สำหรับดาวแคระในแถบลำดับหลัก) นักดาราศาสตร์บางคนเพิ่มประเภท ''VII'' ([[ดาวแคระขาว]]) เข้าไปด้วย ดาวฤกษ์ส่วนใหญ่จะอยู่บน[[แถบลำดับหลัก]]ซึ่งมีกระบวนการเผาผลาญไฮโดรเจนแบบปกติ หากพิจารณาบนเส้นกราฟระหว่าง
ยังมีการตั้งรหัสเพิ่มเติมด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวเล็ก ตามหลังค่าของเส้นสเปกตรัม เพื่อระบุถึงคุณสมบัติเฉพาะบางประการของเส้นสเปกตรัมนั้น ตัวอย่างเช่น ตัว "''e''" หมายถึงมีการตรวจพบเส้นสเปกตรัมที่แผ่ประจุ "''m''" หมายถึงมีระดับโลหะที่เข้มผิดปกติ และ "''var''" หมายถึงเส้นสเปกตรัมมีการเปลี่ยนแปลง<ref name="spectrum" />
| accessdate = 2006-06-08 }}</ref> โนวาบางชนิดยังเกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก ทำให้เกิดคาบการระเบิดเป็นช่วงๆ<ref name="variables" />
นอกจากนี้ดาวฤกษ์ยังอาจเปลี่ยนแปลงความส่องสว่างได้จากปัจจัยภายนอก เช่น การเกิดคราสในระบบดาวคู่ หรือดาวฤกษ์ที่หมุนรอบตัวเองและเกิดจุดมืดดาวฤกษ์ที่ใหญ่มากๆ<ref name="variables" /> การเกิดคราสในระบบดาวคู่ที่โดดเด่นได้แก่ ดาวอัลกอล (Algol) ซึ่งจะมีค่า
== โครงสร้าง ==
|