ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ฮาร์บิน"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: ผู้ใช้ใหม่เพิ่มลิงก์ไปยังเว็บอื่น |
ล ย้อนการแก้ไขที่ 3473911 สร้างโดย 58.8.219.114 (พูดคุย)แก้ไขการแอบแฝงโฆษณา |
||
บรรทัด 48:
[[ไฟล์:Hue Er.JPG|right|thumb|250px|ถนนหัวเอ๋อในเขตเต้าหลี่]]
'''
คำว่า
* จำนวนประชากร: 9.54 ล้านคน อาศัยอยู่ในเขตเมือง 4.64 ล้านคน
บรรทัด 56:
* GDP: 183.04 พันล้านหยวน (22.88 พันล้านเหรีญสหรัฐ) ใน พ.ศ. 2548
== เขตการปกครองย่อย ==
บรรทัด 86:
== ประวัติศาสตร์ ==
ประวัติการตั้งถิ่นฐานในบริเวณเมือง
ในปี พ.ศ. 2441 หมู่บ้านเล็กๆถูกพัฒนาและขยายเป็นเมืองสมัยใหม่ พร้อมกับการเริ่มต้นการสร้าง[[ทางรถไฟจีนสายตะวันออก]] (KWZhD) โดย[[รัสเซีย]] และการขยายเส้น[[ทางรถไฟสายทรานส์-ไซบีเรียน]] ซึ่งช่วยย่นระยะทางไปสู่วลาดิวอสตอกและเชื่อมโตเส้นทางไปสู่เมืองท่า Dairen (Dalnii) และฐานทัพเรือรัสเซีย Port Arthur
บรรทัด 92:
หลังจากที่รัสเซียพ่ายแพ้ในสงครามกับ[[ญี่ปุ่น]] (2447-2448) อิทธิพลและอำนาจของรัสเซียก็เสื่อมถอยลง ทำให้มีผู้คนหลายพันเชื้อชาติจาก 33 ประเทศ ซึ่งมี[[สหรัฐอเมริกา]] [[เยอรมนี]] และ[[ฝรั่งเศส]]รวมอยู่ด้วย เดินทางเข้ามายังฮาร์บิน มี 16 ประเทศก่อตั้งสถานกงสุล และสร้างบริษัททางด้านอุตสาหกรรม การพาณิชย์ และการเงินหลายร้อยแห่งขึ้นในฮาร์บิน ทางจีนเองก็ได้ริเริ่มธุรกิจในอุตสาหกรรมด้านการผลิตเหล้า อาหาร และสิ่งทอ การเจริญเติบโตเช่นนี้ทำให้ฮาร์บินมีสถานะเป็นศูนย์กลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน และเป็นเมืองธุรกิจระดับนานาชาติ
ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2461 ระหว่าง[[สงครามกลางเมืองรัสเซีย]] กองกำลัง White Guards ของรัสเซียซึ่งเป็นฝ่ายแพ้ ได้รวมตัวกับผู้ลี้ภัย หลบหนีมายัง
ในปี พ.ศ. 2478 หลังจากที่ทางรถไฟสาย KWZhD ถูกขายให้แก่[[ญี่ปุ่น]] ฮาร์บินได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของรัฐ แมนจูกัว ในอาณัติของญี่ปุ่น ต่อมาหลังปี พ.ศ. 2489 ฮาร์บินตกอยู่ภายใต้การควบคุมของ[[สหภาพโซเวียต]] ซึ่งมีอำนาจเหนือภูมิภาคแถบนั้น ในช่วงปี พ.ศ. 2493-2497 กลุ่มชาวยุโรปที่อาศัยอยู่ในเมือง ซึ่งมีทั้งชาวรัสเซีย เยอรมัน โปแลนด์ กรีก และอื่นๆ ได้อพยพออกจากเมืองไปยัง[[ออสเตรเลีย]] [[บราซิล]] และสหรัฐอเมริกา บางส่วนก็ถูกส่งตัวกลับประเทศเดิม ขณะที่ชาวรัสเซียอีกหลายพันคนที่หลบหนีจากกองกำลังคอมมิวนิสต์ก่อนเกิดสงครามได้ถูกสังหารโดยทหารโซเวียต และมีอีกจำนวนมากที่ถูกส่งตัวไปยังสหภาพโซเวียต จนถึงปี พ.ศ. 2531 ชุมชนชาวรัสเซียเดิมมีผู้อาศัยอยู่เพียง 30 คน ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้สูงอายุทั้งสิ้น
|