ผลต่างระหว่างรุ่นของ "วันพระ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
บรรทัด 27:
{{โครงส่วน}}
 
== ประวัติความเป็นมาของวันธรรมสวนะ ==
ในสมัยพุทธกาล พระเจ้าพิมพิสาร ได้เข้าเฝ้าพระสัมมา สัมพุทธเจ้า และกราบทูลว่า "นักบวชศาสนาอื่น เขามีวันประชุมสนทนาเกี่ยวกับหลักธรรม คำสั่งสอนในศาสนาของเขา แต่ว่าในศาสนาพุทธยังไม่มี"
มีวันประชุมสนทนาเกี่ยวกับหลักธรรมคำสั่งสอนในศาสนาของเขา แต่ว่าศาสนาพุทธยังไม่มี พระพุทธองค์จึงทรงอนุญาติอนุญาตให้ภิกษุสงฆ์ประชุมสนทนาและแสดงพระธรรมเทศนาแก่ ประชาชน ในวัน ๘ ค่ำ ๑๔ ค่ำ และ ๑๕ ค่ำ
แก่ประชาชน ในวัน ๘ ค่ำ ๑๔ ค่ำ และ ๑๕ค่ำ พุทธศาสนิกชนจึงถือเอาวันดังกล่าวเป็นวัน ธรรมสวนะ เพื่อกำหนดให้มีการประชุมพร้อมเพรียงกันฟังธรรม
 
ในสมัยพุทธกาล (พุทธกาล=สมัยที่พระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่) นั้น สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงประชุมพระสงฆ์สาวกเพื่อทรงสั่งสอนธรรม การประชุมสงฆ์วึ่งเป็นสาวกของพระพุทธองค์นั้น ก็ได้นัดหมายไปประชุมกัน และจะมีพระสงฆ์รูปหนึ่งเป็นผู้สวดพระปาฏิโมกข์ พระภิกษุทุกรูปก็จะนั่งฟังด้วยอาการอันสำรวม และตั้งใจจนกระทั่งจบ
พุทธศาสนิกชนจึงถือเอาวันดังกล่าวเป็น วันธรรมสวนะ ( สำหรับวันธรรมสวนะนี้ เมืองไทยมีมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย )
คำว่า "สวนะ" แปลว่า การฟัง, และคำว่า "ธรรมสวนะ" แปลว่า การฟังธรรม นั่นคือ วันธรรมสวนะ ก็แปลว่า กำหนดประชุมฟังธรรม หรือพูดตามภาษาชาวบ้านทั่วไปว่า วันไปฟังเทศน์กันนั่นเอง อนึ่ง วันพระ ในทางศาสนาก็ยังได้เรียกว่า วันอุโบสถ ซึ่งแปลว่า วันจำศีลของอุบาสกอุบาสิกาผู้ต้องการบุญกุสลเป็นกรณีพิเศษ
พิธีของชาวบ้าน โดยพุทธศาสนิกชนก็จะไปร่วมทำบุญตักบาตร ถวายอาหารหวานคาวแด่พระสงฆ์ สมาทานศีล (รับศีล) และฟังพระธรรมเทศนาที่วัด
ในวันธรรมสวนะนี้ ชาวบ้านก็จะพละเว้นการประพฤติกิจที่เป็นบาปต่าง ๆ การสมาทานศีลในวันนี้ เช่น รับศีล ๕ หรือ ศีล ๘ ซึ่งเรียกว่า อุโบสถศีล พระสงฆ์จะได้แสดงพระธรรมเทศนา หรือ ธรรมสากัจฉา หรือ สนทนาธรรมกัน ซึ่งนับว่าเกิดเป็นประโยชน์แก่ผู้ฟังเป็นอย่างยิ่ง<ref>http://www.watthasai.net/phra_day.htm</ref>
 
== กิจกรรมที่พุทธศาสนิกชนพึงปฏิบัติในวันพระ ==
เข้าถึงจาก "https://th.wikipedia.org/wiki/วันพระ"