ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เอโบ โมราเลส"
หน้าใหม่: {{ผู้นำประเทศ |name = เอโบ โมราเลส<br />Evo Morales |image = Evo Morales.jpg |order = [[ประธานา... |
(ไม่แตกต่าง)
|
รุ่นแก้ไขเมื่อ 16:25, 10 สิงหาคม 2554
ฮวน เอโบ โมราเลส ไอย์มา (สเปน: Juan Evo Morales Ayma) เป็นประธานาธิบดีคนปัจจุบันของประเทศโบลิเวีย เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ของโบลิเวีย ที่ผู้นำประเทศเป็นชนพื้นเมืองหรืออินเดียนแดง โมราเลสเข้ารับตำแหน่งตั้งแต่ปี ค.ศ. 2006 จากการเลือกตั้งของโบลิเวีย เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ค.ศ. 2005 ด้วยคะแนนเสียง 53.7% ในระหว่าง 2 ปีครึ่งหลังดำรงตำแหน่ง เขาได้รับความนิยมสูงมากถึง 2 ใน 3 และได้รับเลือกต่ออีกสมัยในปี ค.ศ. 2009 ด้วยคะแนนเสียง 63% โมราเลสเป็นนักการเมืองซ้ายจัดเน้นนโยบายสังคมนิยม ได้แก่ การปฏิรูปที่ดิน แปรรูปองค์กรอุตสาหกรรมต่างๆ ให้เป็นของรัฐ ต่อต้านทุนนิยมเสรี และสหรัฐอเมริกา
เอโบ โมราเลส Evo Morales | |
---|---|
ประธานาธิบดีแห่งโบลิเวีย คนที่ 80 | |
เริ่มดำรงตำแหน่ง 22 มกราคม ค.ศ. 2006 | |
รองประธานาธิบดี | อัลวาโร การ์เซีย ลีเนรา |
ก่อนหน้า | เอดูอาร์โด โรดริเกซ |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | โอริโนกา, แคว้นโอรูโร, ประเทศโบลิเวีย | 26 ตุลาคม ค.ศ. 1959
เชื้อชาติ | โบลิเวีย |
ศาสนา | โรมันคาทอลิก[1] / ประเพณีอินคา[2] |
พรรคการเมือง | MAS |
อาชีพ | Trade unionist |
ประวัติ
เอโบ โมราเลส เป็นชาวเมสติโซ เกิด วันที่ 26 ตุลาคม ค.ศ. 1959 มีเชื้อสายอินเดียนแดงชาวไอย์มารา เกิดในชนชั้นกรรมกร ทำงานเป็นแรงงานหลากหลาย ตั้งแต่การเป็นคนเลี้ยงฝูงลามะ, รับจ้างเป่าทรัมเป็ต, วิ่งมาราธอนล่าเงินรางวัล, รับจ้างก่อกำแพงด้วยอิฐ, เป็นโค้ชทีมฟุตบอล และเป็นเกษตรกรปลูกโคคา เขาสำเร็จการศึกษาแค่ระดับมัธยมศึกษาภายในประเทศ
การทำงาน
ราวปี ค.ศ. 1985 โมราเลส ได้รับเลือกให้เป็นเลขาธิการสหภาพเกษตรกรโคคาโบลิเวีย โดยปัจจุบันยังอยู่ตำแหน่งนี้ เขากลายเป็นผู้นำขบวนการเกษตรกรต่อต้านสหรัฐอเมริกาและรัฐบาล เมื่อไร่โคคาของเขาถูกทหารทำลายล้างภายใต้การหนุนหลังจากสหรัฐอเมริกาที่ต้องการปราบปรามการผลิตโคเคน ทั้งๆ ที่โคคา ในโบลิเวียยุคนั้นเป็นพืชเศรษฐกิจที่ใช้เคี้ยว และใช้ชงชาดื่มกันทั่วไป ตั้งแต่นั้นมาเขาผันตัวเองมาเล่นการเมืองเต็มตัว[3]
การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
เริ่มดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีตั้งแต่ปี ค.ศ. 2006 หลังจากนั้นไม่กี่เดือน เขาเดินหน้ายึดกิจการน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของต่างชาติในโบลิเวียกลับคืนมาเป็นของชาติ สร้างความตกตะลึงให้แก่บรรดานายทุน-บรรษัทข้ามชาติน้ำมัน ที่กำลังจะสูญเสียผลประโยชน์ขนานใหญ่จากกิจการน้ำมันในโบลิเวีย รวมไปถึงประเทศเสรีนิยมทั่วโลกที่มุ่งเดินหน้าแปรรูปรัฐวิสาหกิจ หรือโอนกิจการของชาติให้ไปอยู่ในตลาดทุนที่เสรีมากขึ้น
อีโว โมราเลส กล่าวถึงเหตุผลเบื้องหลังความยากจนของประชาชนในประเทศของตนว่า "เป็นผลมาจากการเอารัดเอาเปรียบ การฉกฉวยผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติที่โบลิเวียมีอยู่ใต้ผืนมาตุภูมิของตนเองไปแบบหน้าตาเฉย ของบรรดาบริษัทต่างชาติตะวันตกที่เข้ามาในประเทศ" โมราเลสเรียกพฤติกรรมดังกล่าวว่าเป็น "การปล้นสะดมภ์" จากประชาชนโบลิเวีย เขาจึงแก้ปัญหาที่ว่านี้ ด้วยการส่งกำลังทหารเข้าไปยึดที่ทำการของบริษัท โรงกลั่นและโรงแปรรูป และหลุมขุดเจาะน้ำมันรวมทั้งสิ้น 56 จุดทั่วประเทศเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 2006 มาเป็นทรัพย์สินของรัฐ และประชาชนโบลิเวีย
ในขณะเดียวกันก็ได้ให้เวลาบรรดาบริษัทต่างชาติทั้งหลาย 180 วัน เพื่อเปิดการเจรจา และทำสัญญาใหม่โดยที่บริษัททั้งหมดต้องถือหลักที่ว่าด้วย "การเคารพในเกียรติภูมิของชาวโบลิเวีย" โดยการให้ผลตอบแทนจากการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรต่อประชาชนเจ้าของประเทศอย่างเหมาะสม[4]
โมลาเรสเน้นสร้างความเป็นปึกแผ่นในกลุ่มประเทศอเมริกาใต้ ที่เตรียมต่อกรกับทุนนิยมเสรี ระหว่างการครองตำแหน่งประธานาธิบดี โมราเลสเน้นสร้างความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับผู้นำซ้ายจัดของละตินอเมริกาอย่าง ฮูโก ชาเวซ ของ เวเนซูเอลา และ ฟิเดล กับ ราอูล คาสโตร แห่ง คิวบา ในเดือน กันยายน ค.ศ. 2008 ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกา กับ โบลิเวีย ตึงเครียดขึ้นสมัยรัฐบาลของโมราเลส ทั้งสองฝ่ายต่างถอนทูตของกันและกันกลับประเทศ[5] เมื่อโมราเลสสั่งห้ามการปฏิบัติงานของ ป.ป.ส. สหรัฐอเมริกาในโบลิเวีย
ในสมัยที่สองของตำแหน่งประธานาธิบดี เขามีนโยบายเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ และในปี ค.ศ. 2010 โมราเลสได้แปรรูปบริษัทพลังงานต่างชาติให้เป็นของรัฐ ทำการปฏิรูประบบบำนาญโดยการเข้ายึดกองทุนส่วนบุคคลเพื่อนำมาจ่ายให้คนยากจน โมราเลสได้พยายามยกเลิกกองทุนน้ำมัน เป็นผลให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นมากกว่า 70% จนเป็นเหตุให้มีการนัดหยุดงานในภาคการค้า และการชุมนุมประท้วง นับเป็นการเผชิญปัญหาทางการเมืองเป็นครั้งแรก[6]
มีกระแสวิพากย์วิจารณ์ที่มีต่อเขาเกี่ยวกับยาเสพติดมากมาย โมราเลสให้เหตุผลว่า การปลูกโคคาเป็นวัตนธรรมในสายเลือดของชาวพื้นเมืองแอนดีส ไม่ใช่เพื่อนำไปผลิตโคเคน