ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ปมเอดิเพิส"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 3:
ในทางทฤษฎีทางจิตวิทยา สำนักจิตวิเคราะห์ '''ปมเอดิเพิส''' ({{lang-en|Oedipus complex}}; {{IPA-en|ˈɛdəpəs-ˈkɒmplɛks}}) ได้รับการอธิบายว่าเป็นความคิดและความรู้สึกหมกมุ่นในระดับจิตไร้สำนึกที่บุคคลเริ่มใฝ่ใจเชิงสังวาสในบิดาหรือมารดาเพศตรงข้ามกับตน และเริ่มขัดใจในบิดาหรือมารดาเพศเดียวกับตน อาการเช่นนี้จะพัฒนาขึ้นในเด็กชายวัยระหว่างสามถึงห้าปี โดยเด็กจะแสดงอาการหึงหวง และมีปฏิกิริยาในเชิงต้องการครอบครองแม่ไว้เป็นของตัวเองคนเดียว เกิดความรู้สึกชิงชัง อิจฉา และไม่พอใจพ่อของตัวเอง และต้องการที่จะแทนที่ในตำแหน่งของพ่อ แล้วต่อมาเด็กจะพยายามเลียนแบบพฤติกรรมต่างๆ ของพ่อ ไม่ว่าจะเป็นคำพูด การกระทำ หรือรูปแบบการใช้ชีวิตต่างๆ เพื่อคาดหวังที่จะเป็นตัวแทนของพ่อ และได้อยู่กับแม่ตลอดไป อาจกล่าวได้ว่า ระยะนี้ เป็นระยะที่สำคัญมาก ต่อพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็ก และเป็นขั้นตอนหัวเลี้ยวหัวต่อที่เหมาะที่จะปลูกฝังเรื่องต่างๆ ให้เด็ก นักจิตวิเคราะห์สำนักนี้เชื่อว่า โดยปกติ เมื่อเด็กชายเติบโตขึ้นและมีพัฒนาการทางจิตไปอย่างถูกต้อง ปมนี้จะคลายไปเองเมื่อเด็กเริ่มยอมรับหรือผูกพันตนเองกับบุคลิกของผู้เป็นพ่อโดยยอมรับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบุคลิกของตนในระดับจิตสำนึก (แทนที่จะเป็นแรงขับดันในระดับจิตไร้สำนึก) และพยายามทำตัวเลียนแบบพ่อแทนที่จะชิงชังพ่อ ทำให้ปมดังกล่าวไม่เป็นปัญหาต่อไป
 
ชื่อของทฤษฎีนี้ นายแพทย์ [[ซิกมุนด์ ฟรอยด์]] [[จิตแพทย์]] และนักจิตวิทยาชาวออสเตรีย ผู้ที่เป็นผู้คิดค้นทฤษฎีนี้ ได้มาจาก[[เทพปกรณัมกรีก]]เรื่องของ "[[อีดิปุส|เอดิเพิส]]" ที่ฆ่า[[เลเอิส]] บิดาของตนเอง และ[[แต่งงาน]]กับ [[โจคาสตา]] ซึ่งเป็นมารดาแท้ ๆ ของตนโดยเข้าใจผิด และต่อมาได้นำโศกนาฏกรรมและความหายนะมาสู่นครธีบิสทั้งเมือง มีผู้เปรียบเทียบปกรณัมกรีกเรื่องนี้กับตำนานพื้นบ้านไทย เรื่องพระยากงพระยาพาน หรือตำนานพระปฐมเจดีย์ (ผู้ศึกษาเกี่ยวกับทฤษฎีจิตวิเคราะห์และยกตัวอย่างนิทานพื้นบ้านไทยประกอบ มีอาทิ น.พ. ยรรยง โพธารามิก จิตแพทย์แห่งโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา)
 
ทฤษฎีนี้ถูกคัดค้านและปฏิเสธจากนักจิตวิทยาหลายต่อหลายคน แต่ตัวฟรอยด์เองกลับเชื่อมั่น พร้อมกับทำการทดลองจนเผยแพร่ออกมาได้ในที่สุด
 
สืบจากทฤษฎีนี้ คาร์ล กุสตาฟ จุง ([[Carl Gustav Jung]]) นักจิตวิเคราะห์อีกคนหนึ่งร่วมสมัยกับฟรอยด์ ได้พัฒนาอีกทฤษฎีหนึ่งที่เหมือนกับด้านกลับของปมเอดิเพิส และมุ่งศึกษาพัฒนาการทางจิตในเด็กหญิง เรียกว่า [[ปมอีเลกตรา]] (Electra complex) ที่เชื่อว่า เด็กหญิงจะรู้สึกชิงชิงแม่ของตัวเอง เพราะรู้สึกอิจฉาที่ตัวเองไม่มี[[องคชาติ]]เหมือนเด็กผู้ชาย ด้วยคิดว่าแม่เป็นฝ่ายเอาองคชาติของตนเองไป (ปมอีเลกตราได้ชื่อมาจากเทพปกรณัมกรีกอีกเรื่องหนึ่ง คือเรื่องของนางอีเลกตรา ซึ่งร่วมมือกับพี่ชายแท้ๆ ของตนเอง วางแผนฆาตกรรมนางไคลเทมเนสตรา แม่แท้ๆ ของทั้งสอง เป็นการแก้แค้นที่ไคลเทมเนสตราทรยศและฆ่าอะกาเมมนอน พ่อของทั้งสองคน) แต่เช่นเดียวกันกับในเด็กชาย นักจิตวิทยาสำนักนี้เชื่อว่าปมดังกล่าวจะคลี่คลายไปเองเมื่อเด็กหญิงเติบโตขึ้นและสามารถยอมรับแม่ได้ อย่างไรก็ดี บุคคล (ทั้งหญิงและชาย) ที่มีปมเหล่านี้ฝังใจจนโตเป็นผู้ใหญ่ อาจจะมี[[อาการสับสนทางเพศ]]ได้<ref>[http://rama41.ob.tc/-View.php?N=322 Psychosexual development ของ Sigmund Freud]</ref>
 
== ดูเพิ่ม ==