ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระอุรุเวลกัสสปะ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Thanit (คุย | ส่วนร่วม)
Thanit (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 18:
พระปทุมมุตรสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพิจารณาเป็นถึงความเป็นไปในอนาคตกาลของกุลบุตรนั้น ไม่มีเหตุขัดข้องแต่ประการใด จึงทรงพยากรณ์ว่า '''เธอจะได้เป็นผู้เลิศฝ่ายมีบริวารมากสมตามความปารถนา ในศาสนาของพระสมณโคดมพุทธเจ้า โดยจะเสด็จขึ้นในหนึ่งแสนกับข้างหน้าโน้น'''
 
กุลบุตรนั้น ฟังคำพุทธพยากรณ์แล้ว เกิดความยินดีเป็นอย่างยิ่งราวกับว่า ความปรารถนาจะสำเร็จในวันพรุ่งนี้หรือมะรืนี้ แล้วสร้างกัลยาณกรรมต่อมาจนตลอดชีวิต เมื่อนับถอยหลังจากกัปนี้ไปอีก 92 กัป ซาติชาติหนึ่งท่านกลับมาเกิดเป็นพระอนุชาต่างพระมารดากับพระผู้มีภาคเจ้าผู้ทรงพระนามว่า พระปุสสสัมมาสัมพุทธเจ้า มีพระราชบิดานามว่า พระมหินทราชา และมีพระอนุชาอีก 2 พระองค์ รวมเป็น 3 พระองค์ และแต่ละองค์มียศฐาบรรดาศักดิ์ต่างๆ กัน
 
ครั้งหนึ่งที่ปลายเขตแดนของพระมหินทราชาเกิดมีข้าศึกศัตรูมารุกราน พระราชาจึงเรียกพระโอรสทั้ง 3 พระองค์ไปปราบข้าศึก และทรงสามารถปราบข้าศึกศัตรูจนราบคาบ ระหว่างทางกลับจึงปรึกษาหารือกันว่าเราทำงานได้สำเร็จเมื่อพระราชบิดาพระราชทานพรแก่ตนแล้ว จะเลือกรับพรอะไรดี แล้วมีดำริตรงกันว่า ไม่ว่าจะเป็นพระราชสมบัติใดๆ ก็ตาม ที่องค์สมเด็จพระราชบิดาจะพระประทาน ไม่มีอะไรจะสำคัญเท่ากับการได้ปฏิบัติบำรุงพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นพระเชฎฐาธิราชนั้นเลย เนื่องจากพระราชบิดานั้นคิดว่าพระพุทธเจ้าเป็นของพระองค์คนเดียว จึงทรงถวายทานและไม่ให้ผู้อื่นร่วมทำบุญด้วย ครั้นเมื่อพระราชโอรสทั้งสามพระองค์มาถึงพระนครก็กราบทูลชัยชนะให้ทรงทราบ และขอพระราชทานพรดังที่ปรึกษากันอันนั้น เมื่อได้รับพรแล้ว ก็ทำการสมาทานศีล 10 ประการ แต่งตั้งบุรุษ 3 คนให้เป็นผู้ดูแลโรงทาน คอยตกแต่งไทยธรรมถวายแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า โดยให้บุรุษผู้หนึ่งจัดหาธัญญาหาร บุรุษผู้หนึ่งเป็นพนักงานตรวจนับ และบุรุษอีกผู้หนึ่งเป็นพนักงานตกแต่งไทยธรรม พนักงานทั้งสามท่านนั้นใน ครั้นมาถึงในชาติปัจจุบัน ผู้เป็นพนักงานจัดหาธัญญาหาร กลับมาเกิดเป็น[[พระเจ้าพิมพิสาร]] ผู้เป็นพนักงานจัดหาธัญญาหารกลับมาเกิดเป็นวิสาขอุบาสิกา]] และผู้เป็นพนักงานตกแต่งไทยธรรมกลับมาเกิดเป็น[[พระรัฐบาลเถระ]]