ผลต่างระหว่างรุ่นของ "นวนิยาย"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
SieBot (คุย | ส่วนร่วม)
โรบอต เพิ่ม: tl:Nobela
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
<nowiki>
[[นวนิยาย]] เป็นรูปแบบหนึ่งของ[[วรรณกรรม]]ลายลักษณ์ แต่งในรูปของ[[ร้อยแก้ว]] มีลักษณะแตกต่างจากเรื่องแต่งแบบเดิม ที่เรียกว่า [[นิยาย]] หรือ[[นิทาน]] ที่เรียกว่า "นวนิยาย" ก็เพราะถือเป็นนิยายแบบใหม่ (novel) ตามแบบตะวันตก นั่นเอง อย่างไรก็ตาม ในภาษาพูดโดยทั่วไปนิยมเรียกว่า "นิยาย" ซึ่งกะทัดรัดกว่า
 
หลังจากอัลเบิตสอนหนังสือเสร็จ ด้วยความเหนื่อยล้าเขาจึงรีบมุ่งหน้าไปที่บาร์เครเมอร์ ร้านเหล้าที่ถนนฮาวาดสแคว เขาสั่งมาตินี่มากิน แล้วก็นั่งมองกีฬาเบสบอล มันเป็นการแข่งขันของทีมบอสตันเรดซอก ทีมโปรดของเขา แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมันเท่าไหร่นัก เพราะวันนี้เขาเหนื่อยมากจริงๆ อัลเบิตเป็นอาจารญ์สอนวิชาฟิสิกส์อยู่ที่ MIT เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านฟิสิกส์นิวเคลียร์ ระหว่างที่เขากำลังดื่มด่ำกับรสแอลกอฮอล หูของเขาก็ได้ยินเรื่องแปลกประหลาดเรื่องหนึ่ง ที่ทำให้ชีวิตของเขาต้องมาเจอกับกับสิ่งต่างๆมากมาย มันเป็นเสียงของชายใส่สูทชุดดำสองคนคุยกัน
นวนิยายนั้น เป็นเรื่องราวที่มีลักษณะสมจริงมากกว่านิทานหรือนิยายแบบเดิม บางครั้งอาศัยฉากหรือเหตุการณ์จริง หรืออิงความเป็นจริง มีบทสนทนา และบรรยายเหตุการณ์อย่างปุถุชนทั่วไป
<br />
“ไม่อย่าทำอย่างนั้น ได้โปรดเถิด” ชายคนนึงพูด
“คุณไม่มีอำนาจต่อรองใดๆ” ชายอีกคนพูดเสียงแข็ง
แล้วชายทั้งสองคนก็คุยอะไรกันอีกด้วยเสียงอันดัง แต่อัลเบิตจับความไม่ได้ แล้วทั้งสองคนก็เดินออกจากร้านไป อัลเบิตก็เลิกสนใจ และสั่งมาตินีเพิ่มอีกแก้ว พอหกโมงเย็น เขามีนัดไปดูบาสเกตบอลกับฟาราเดย์ อาจารย์ภาควิชาปรัชญาที่ MIT เขาสองคนสนิทกันมากเพราะทั้งอัลเบิตและฟาราเดย์ชอบถกปัญหาปรัชญาและการเมืองกัน อัลเบิตเชื่อว่าถ้าฟาราเดย์เลือกเรียนฟิสิกส์ เขาจะต้องเป็นคนที่มีชื่อสียงมากแน่นอน เพราะเขาไม่เคยเจอใครที่เข้าใจความเป็นไปของโลกเท่าฟาราเดย์มาก่อน แต่วันนี้ฟาราเดย์ต้องพาลูกไปโรงพยาบาล เขาพึ่งโทรมาบอก ทำให้อัลเบิตมีเวลาว่างสักพัก เขาจึงพามาเรียไปทานมื้อเย็น หลังจากแยกกัน ตอนสี่ทุ่ม อัลเบิตก็กลับมาถึงบ้าน เขานั่งเขียนบทความเรื่องใหม่ของเขา สักพักนึงก็มีข่าวการฆาตกรรม อัลเบิตหยุดเขียนและดูข่าว “..นายกิโกวิช เชพเชงโก นักวิจัยของกระทรวงกลาโหมสหรัฐถูกยิง คาดว่าจะเป็นการปล้นทรัพย์จากแก๊งข้างถนน” และแล้วอัลเบิตก็ตกใจเพราะใบหน้านั้นคือชายที่เขาพบในบาร์เครเมอร์นั่นเอง และการชิงทรัพย์ในย่านนี้เกิดขึ้นไม่มากนัก ยิ่งการฆ่าชิงทรัพย์นั้นเขาจำไม่ได้แล้วว่าได้ยินข่าวครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ เขาโทรไปหาผู้หมวดวัตสัน เขารู้จักกับวัตสันเพราะเคยไปให้ข้อมูลเทคนิคเรื่องอาวุธปืน
“ว่าไงอัลเบิต”
“หวัดดีเพื่อน กุว่าวันนี้กุเจอไอ้คนที่โดนยิงตายด้วยแหละ เหมือนมันทะเลาะกับอีกคนนึงในร้านเหล้า เพราะเมื่อเย็นกุไปนั่งดริงค์อยู่ “
“แล้วมึงมาบอกกุทำไม”
“อ้าวไอ้เหี้ย ก็มิงเป็นตำรวจกุมีเบาะแส กุก็ต้องโทรมาบอกมิงดิ”
“ใช่กุเป็นตำรวจ แต่คดีนี้เอฟบีไอแม่งเสือกเอาไปทำเอง แม่งวันนี้มากันเต็มกรมกุเลย”
“แล้วทำไมเอฟบีไอถึงมาแย่งมิงทำคดีวะ มันพื้นที่ของมิงไม่ใช่หรอ”
“เห็นหัวหน้าบอกว่า คนที่ตายเป็นนักวิทย์ของกระทรวง รัฐบาลจึงให้มันมาทำ แม่งดูถูกพวกกุชิบหาย แค่คดีปล้นทรัพย์”
“เออ นั้นกุไม่กวนมิงแล้ว เดี๋ยวว่างๆกุไปเยี่ยมมิงที่บ้านแล้วกัน” อัลเบิตพูดตัดบท และวางสายไป
แค่คดีปล้นทรัพย์ คำนี้ติดอยู่ในหูของเขา อัลเบิตชอบอ่านนวนิยายสืบสวนเขาจึงชอบเอาตัวไปเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ เขาดีใจมากที่ครั้งหนึ่งศาลให้เขาไปเป็นลูกขุน ในคดีรถชนกัน แต่ตอนนี้เขาบอกกับตัวเองว่า “กุคงไม่จินตนาการไปเองแน่ ที่บอสตันไม่ค่อยมีคดีปล้นทรัพย์หรอก แล้วอีกอย่างทำไมเอฟบีไอต้องมาเอง มันต้องมีอะไรอีกแน<br />
่ๆ เขาคิด”
.......................................................................
หลังจากกินข้าวตอนกลางวันเสร็จ บ่ายนี้เขาไม่มีสอน อัลเบิตนั่งอยู่ในออฟฟิส เขากูเกิลข้อมูลชื่อของคนตายไป เขาได้ข้อมูลว่าผู้ตายเป็นนักวิจัยทางอาวุธของกระทรวงกลาโหม ดั้งเดิมเป็นคนรัสเซีย เขาอ่านข่าวการตายอย่างอะเลียด และไม่พบความแปลกประหลาดอันใดเลย เขาบอกกับบตัวเองว่าโลกนี้มีคนตายทุกวัน นี่ก็รัสเซียคนนึงที่หนีคอมมิวนิสมาอเมริกา แต่โชคไม่ดีที่ตายเร็วไปหน่อย มันอาจจะเป็นการปล้นทรัพย์จริงๆก็ได้ เขาเกือบจะเลิกตามข่าวนี้แล้ว แต่สายตาก็ไปเจอผลการค้นหาจากเว็บหนึ่ง เป็นเวบของไอ้พวกไม่เต็มแน่ๆ ใครออกแบบเว็บไซต์เชยๆนี่วะ พื้นหลังมีรูปอวกาศ มีข้อความยาวเหยียด พูดถึงมนุษย์ต่างดาวว่าเป็นคนควบคุมรัฐบาลของอมริกา และบอกว่ามีนักวิทย์หลายคนติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว ทุกชื่อเป็นชื่อที่เขาไม่รู้จักแต่มีอยู่ชื่อนึงที่เขาพึ่งได้ยินมา “กิโกวิช เชพเชงโก” เออมันไอเดียบรรเจิดจริงเว้ย เขาเปิดคลิปข้างล่างดูเป็นชายแก่หัวร้านพูดกับกล้องว่า “ถ้าผมตายไปแสดงว่า ทุกอย่างคือเรื่องจริง มนุษย์ต่างดาวมีจริง รัฐบาลมันหลวกลวงเรา...” ข้างล่างมีเบอร์ติดต่ออยู่ อัลเบิตจึงโทรไป
“ติ๊ดๆๆๆ” ไม่มีคนรับ
“ติ๊ดๆๆๆๆๆ ฮัลโหล”
“ครับ ผมโทรมาจากMIT ครับ ผมสนใจเรื่องของคุณมากเลย คุณนี่ช่างไอเดียบรรเจิดจริงๆ”
“ครับผม ว่าแต่ผมเรียนสายกับใครอยู่ครับ”
“ผม อัลเบิตครับ”
“คุณอัลเบิตครับ ผมเกรงว่าคนคงผิดหวัง”
“ผิดหวังเรื่องอะไรหล่ะครับ”
“เออ คือ คอแมนเจ้าของบ้านหลังนี้ตายไปแล้วครับ ผมนักสืบเบลล็อค”
“อะไรนะครับ “
“ครับเบลลอคตายแล้ว เราพึ่งเจอศพของเขา เรากำลังเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุอยู่ และคุณเป็นคนสุดท้ายที่โทรเข้ามาคุณมีความเกี่ยวพันอย่างไรกับผู้ตายครับ”
“ผมไม่รู้จักเขาหรอก ผมเข้าเวบไซต์เขา มีเบอติดต่อเอาไว้ ผมมีคำถามบางอย่างจะถามเขา เท่านี้เองหล่ะครับ”
“เออ นั้นผมต้องการให้คุณไปให้ปากคำที่โรงพักด้วยจะได้ไหมครับ”
อัลเบิตคิดในใจแล้วตอบไป “ได้อยู่แล้วครับ เดี๋ยวเลิกงานผมจะไปให้ปากคำ”
“ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือครับ คุณอัลเบิต” และก็วางสายไป
อัลเบิต งงไปชั่วครู่และก็ตั้งสติได้ ”ควย ทำไมกุไปทางไหนก็มีแต่คนตาย กุนี่มัน ซวยจริงๆ “
แต่อัลเบิตเลือกที่จะไปให้ปากคำตำรวจเพราะเขาอยากรู้เรื่องมากกว่านี้ เขารีบเคลียงาน ตกเย็น เขาขับรถไปโรงพัก โดยที่<br />
หารู้ไม่ว่าอันตรายกำลังรอเขาอยู่
.................................................................
อัลเบิตขับรถไปถึงกรมตำรวจเชอรีฟ เขาเดินลงมาจากรถ เข้าไปในสำนักงานที่ดูใหญ่โต มีตำรวจถามเขาว่า “มาทำอะไรครับ คุณ” ตำรวจถาม ” ผมมาให้ปากคำคดีคุณคอแมนครับ”
“ซักครู่นะครับ” สักพักตำรวจคนนั้นกดอะไรในคอมพิวเตอร์ และก็เดินเข้าไปโทรศัพท์ในห้องกระจก เขามองมาที่อัลเบิต ด้วยสายตาแปลกๆ ระหว่างนั้นเอง สายตาก็จ้องมาตรงกันอย่างมิได้นัดหมาย สักพักตำรวจวางสายแล้วเดินมาหาเขา
“ขอโทษนะครับ คงเป็นการเข้าใจอะไรผิด เราไม่ได้รับแจ้งเรื่องคดีของคุณคอแมน อืม ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ดูแลคดีนี้ครับ.”
“นักสืบเบลลอกครับ”
“กรมตำรวจเราไม่มีนักสืบชื่อเบลลอก มีแต่บารอก คุณมั่นใจใช่ไหมครับ”
อัลเบิต มั่นใจ สิ่งที่เขาได้ยินไม่ผิดแน่ เขาเป็นคนความจำดี “มั่นใจสิครับคุณตำรวจ “
“นั้นผมคิดว่าคงเปนการเข้าใจผิดกันมากกว่า ผมต้องขอโทษคุณตำรวจด้วยนะครับ”
แล้วอัลเบิตก็ขอตัวลาและเดินมาถึงลานจอดรถ
เขาขับรถกลับบ้านในใจก็คิดว่า “เรื่องนี้ชักไปกันใหญ่แล้ว นักสืบเบลลอกเป็นใคร ตำรวจปิดบังอะไรเขาอยู่ แต่ที่แน่ๆ เขาไว้ใจใครไม่ได้อีกแล้วแม้กระทั่งตำรวจ เขาต้องจัดการเรื่องนี้เอง”
ระหว่างถึงสี่แยกมีป้ายบอกทางขวาชี้ไป เขียนว่า ถนนเบบเบจ เขาจำชื่อนี้ได้จากอินเตอเนต นี่มันที่อยู่ของคอแมนนี่ เขาทบทวนความจำเรื่องที่อยู่ในเว็บไซต์ อ๋อเขาจำได้แล้ว บ้านเลขที่ หนึ่งเก้าแปด ถนนเบบเบจ เขาจึงตัดสินใจเลี่ยวขวา มุ่งตรงไปตามถนน
และก็ขับมาถึงบ้านเลขที่หนึ่งเก้าแปด บ้านดูหลังปานกลาง เหมือนบ้านของคนชั้นกลางทั่วไป แต่มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน เหมือนบ้านนี้อยู่ดีๆก็โผล่ขี้นมา ห่างไกลและแยกตัวจากหลังอื่นๆ อัลเบิตตัดสินใจขับรถเลยไปนิดนึงแล้วเดินย้อนไปยังหน้าบ้าน เขาเคาะประตูและกดกริ่ง ทว่าไม่มีใครตอบรับเลย เขาตัดสินใจที่จะบุกเข้าไป เขาเคยลองหัดสะเดาะกุญแจ ตอนเรียนมหาลับ เพราะเขามักลืมกุญแจไว้ในห้องบ่อยๆ เขาไม่ต้องเหนื่อยขนาดนั้นหรอก เขาลองบิดลูกบิดดู ปรากฏว่าประตูไม่ได้ล๊อค และมีรอยการงัดแงะ นั่นแสดงว่า เขาไม่ได้เป็นคนแรกที่มาถึงที่นี่
 
.................................................................
== ดูเพิ่ม ==
</nowiki>
* [[วรรณกรรม]]
* [[นิยาย]]
* [[นิทาน]]
* [[เรื่องสั้น]]
* [[ประวัติเรื่องสั้นและนวนิยายไทย]]
* [[นักเขียนนวนิยาย]]
 
[[หมวดหมู่:นวนิยาย| ]]
[[หมวดหมู่:วรรณกรรมแบ่งตามประเภท]]
{{โครงวรรณกรรม}}
 
[[af:Roman]]
เส้น 99 ⟶ 136:
[[ur:حادث]]
[[vi:Tiểu thuyết]]
[[wa:Roman]]
[[war:Nobela]]
[[yi:ראמאן]]
[[zh:長篇小說]]
[[zh-min-nan:Siáu-soat]]
[[zh-yue:小說]]</nowiki>uyết]]
[[wa:Roman]]
[[war:Nobela]]