ผลต่างระหว่างรุ่นของ "มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
บรรทัด 13:
ในระหว่างปี พ.ศ. 2487-88 ภัยสงครามทางอากาศรุนแรงขึ้น ทำให้ในกรุงเทพฯ ถูกระเบิดทำลาย ระบบสาธารณูปโภคถูกทำลายเช่นกัน มูลนิธิเป็นธุระเสาะหาน้ำสะอาดมาบรรเทาความขาดแคลน และยังจัดตั้งหน่วยบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยทางอากาศ และเก็บศพเหยื่อสงครามและผู้ตามไร้ญาติกว่าหมื่นศพ (ตลอดทั้งสงคราม)
 
เมื่อสงครามเริ่มซาลง (พ.ศ. 2489-90) ชาวจีนจำนวนมากถึง 170,000 คนอพยพมายังประเทศไทยโดยเรือกลไฟ นำ[[โรคระบาด]]มาคือ[[ริดสีดวงตา]] ซึ่งเป็นโรคติดต่อร้ายแรงเพราะทำให้ตาบอดได้ ทางการไทยสั่งกักผู้โดยสารที่มาถึงกรุงเทพฯ ไว้เกือบ 1 เดือน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งเข้ามาบรรเทาความเดือนร้อนแก่ชาวจีนอพยพ โดยนำข้าวต้ม น้ำสะอาดและเวชภัณฑ์ มาช่วยเหลือต่อเนื่อง 400 วัน และยังช่วยเหลือสงเคราะห์ชาวจีนโพ้นทะเล โดยช่วยเหลือด้านค่าธรรมเนียมและต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว โดยทำมายาวนาน 25 ปี รวมถึงยื่นขอใบอนุญาตทำงานแก่ชาวจีนถึงราว 80,000 คน
 
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ดำเนินงานสาธารณะสงเคราะห์มาเป็นลำดับ ทั้งกิจกรรมหลักแรกเริ่ม คือการเก็บศพไร้ญาติ ไปจนถึงบรรเทาสาธารณภัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอัคคีภัย ภัยแล้ง ภัยหนาว หรือุทกภัย รวมไปจนถึงความยากจน ในปัจจุบันภารกิจของหน่วยกู้ภัยป่อเต็กตึ๊งมิได้ทำเพียงการเก็บศพอย่างเดียว แต่ดูแลเรื่องศพจนจบสิ้นกระบวนการ โดยจะทำพิมพ์นิ้วมือ ทำประวัติและถ่ายรูปผู้ตาย จากนั้นส่งศพไปเก็บที่นิติเวชหรือโรงพยาบาลศูนย์ เพื่อให้ญาติมารับ หากไม่มีผู้มารับศพ มูลนิธิจะรับศพไปฝังชั่วคราว โดยที่สุสานของป่อเต็กตึ๊ง หากฝังครบ 3 ปี ไม่มีผู้มาขอรับศพ มูลนิธิจะทำพิธีฌาปนกิจให้ (ภายหลังจากทางราชการออก[[ใบมรณบัตร]])
 
งานสังคมสงเคราะห์ที่สำคัญและถือเป็นประเพณีบุญของมูลนิธิมายาวนาน คือ งานทิ้งกระจาด ซึ่งจัดขึ้นทุกปีใน[[เทศกาลสารทจีน]] มีผู้ร่วมรับทานกว่า 70,000 คนต่อปี ส่วนในด้านการรักษาพยาบาล นอกเหนือจากบริการหลักที่[[โรงพยาบาลหัวเฉียว]] (ขนาด 750 เตียง) แล้วยังมีบริการหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน ซึ่งเป็นหน่วยแพทย์อาสาสมัครจากโรงพยาบาลหัวเฉียว ออกไปให้บริการแก่ผู้ยากไร้ในกรุงเทพฯ ปริมณฑลและต่างจังหวัด ทั้งในยามปกติและยามประสบสาธารณภัย โดยไม่คิดค่าใช้จ่างจ่ายใด ๆ
 
หลังจากที่มูลนิธิดำเนินกิจกรรมสาธารณสงเคราะห์มานานกว่า 4 ทศวรรษ คณะกรรมการบริหารมูลนิธิมีมติขยายวัตถุประสงค์ให้ครอบคลุมถึงด้านการศึกษาเพื่อพัฒนาคนด้วย จึงเกิดแนวคิดที่มาของสถาบันอุดมศึกษานามพระราชทาน [[มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ]] ซึ่งในปัจจุบันมหาวิทยาลัยเปิดสอนรวม 13 คณะวิชา
 
== รางวัล ==