ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โจนี มิตเชลล์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
SieBot (คุย | ส่วนร่วม)
โรบอต เพิ่ม: ro:Joni Mitchell
MerlLinkBot (คุย | ส่วนร่วม)
Bot: repairing outdated link allmusic.com
บรรทัด 25:
'''โจนี มิตเชลล์''' ({{lang-en|Joni Mitchell}}), CC เกิดเมื่อวันที่ [[7 พฤศจิกายน]] [[ค.ศ. 1943]] เป็นนักดนตรี นักร้อง นักแต่งเพลง และ[[จิตรกร]]ชาวแคนาดา<ref>[http://www.jonimitchell.com/biography/bio.cfm?id=230 JoniMitchell.com - Biography<!-- Bot generated title -->]</ref>
 
มิตเชลล์เริ่มร้องเพลงใน[[ไนต์คลับ]]เล็ก ๆ ในแถบตะวันตกของ[[แคนาดา]]จากนั้นแสดงดนตรีในที่สาธารณะตามท้องถนนใน[[โตรอนโต]] กลางทศวรรษ 1960 เธอออกจากเมืองไป[[นิวยอร์กซิตี]]ที่เต็มไปด้วยเพลงโฟล์ก บันทึกเสียงอัลบั้มแรกในปี 1968 และประสบความสำเร็จครั้งแรกในฐานะนักแต่งเพลง ("Urge for Going", "Chelsea Morning", "Both Sides Now", "Woodstock") และเธอก็ก้าวมาเป็นนักร้อง<ref>[http://www.independent.co.uk/arts-entertainment/music/features/joni-mitchell-the-legendary-singersongwriter-is-back-460871.html The Independent, 10 August 2007]</ref> จากนั้นมาตั้งรกรากทางใต้ของแคลิฟอร์เนีย มิตเชลล์ถือเป็นบุคคลสำคัญของดนตรีแนว[[โฟล์กร็อก]] อัลบั้ม ''Blue'' ในปี 1971 ถือเป็นผลงานที่แข็งแรงและมีอิทธิพลที่สุดอัลบั้มหนึ่ง<ref>[http://www.rollingstone.com/news/story/5938174/the_rs_500_greatest_albums_of_all_time The Rolling Stone 500 Greatest Albums of All Time (''Blue'' is listed at #30)]</ref> มิตเชลล์มีผลงานเพลงป็อปเช่นกัน อย่างเช่นเพลงดัง "Big Yellow Taxi", "Free Man in Paris" และ "Help Me" สองเพลงหลังจากอัลบั้มขายดีที่สุดในปี 1974 ชุด ''Court and Spark''<ref>[http://www.allmusic.com/cgalbum/amg.dll?p=amg&sql=10:hn8n1vajzzbacourt-and-spark-r44890 Ankeny, Jason. All Music Guide]</ref>
 
มิตเชลล์มีเสียงแบบ[[โซปราโน]] กับสไตล์กีตาร์ที่กลมกลืนเด่นชัด และการเรียบเรียง[[เปียโน]] ที่ประสานกันอย่างซับซ้อน ผ่านแนวเพลงสไตล์ยุค 70 ที่เธอได้รับอิทธิพลจากเพลงแจ๊สอย่างมาก ผสมผสานกับเพลง[[ป็อป]] [[โฟล์ก]]และ[[ร็อก]] อย่างเช่นในผลงานชุดทดลองอย่าง ''Hejira'' ในปี 1976 เธอยังร่วมทำงานกับศิลปินแจ๊สอย่าง เวย์น ชอร์เตอร์, เจโค พาสโทเรียส, [[เฮอร์บีย์ แฮนค็อก]] และชาร์ลส มินกัส<ref>[http://jazz.com/encyclopedia/mitchell-joni-roberta-joan-anderson Mitchell, Joni (Roberta Joan Anderson) at Encyclopedia of Jazz Musicians]</ref> จากทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา มิตเชลล์เริ่มมีผลานบันทึกเสียงและออกทัวร์น้อยลง เนื่องจากเธอหันหลังให้กับเพลงป็อป โดยจะทำผลงานที่ดียิ่งขึ้นโดยใช้เครื่องสังเคราะห์เสียงและมีเนื้อหาทักท้วงการเมืองในเนื้อเพลง ที่มักเอ่ยอ้างถึงสังคมผู้ชายและประเด็นสิ่งแวดล้อม ร่วมกับเนื้อหาความรักและอารมณ์
 
งานของมิตเชลล์เป็นที่ยอมรับทั้งกับนักวิจารณ์และนักดนตรี [[นิตยสารโรลลิงสโตน]] เรียกเธอว่า "หนึ่งในนักเขียนเพลงที่ดีที่สุด"<ref>{{cite news |last=Wild |first=David |url=http://jmdl.com/library/view.cfm?id=935 |title=Joni Mitchell |publisher=Rolling Stone |date=2002-10-31 |accessdate=2007-03-09 |format = reprint}}</ref> ขณะที่[[ออลมิวสิก]] พูดว่า "เมื่อธุลีเกิดขึ้น โจนี มิตเชลล์จะยืนเป็นสิ่งสำคัญและมีอิทธิพลให้กับศิลปินหญิงในปลายศตวรรษที่ 20"<ref>[http://www.allmusic.com/cgartist/amg.dll?joni-mitchell-p=amg&sql=11:3ifexqe5ldte~T14930 allmusic ((( Joni Mitchell > Biography )))<!-- Bot generated title -->]</ref> ในช่วงสิ้นสุดศตวรรษ มิตเชลล์มีอิทธิพลให้กับศิลปินหลากหลายแนวเพลงตั้งแต่[[อาร์แอนด์บี]]ไปถึง[[อัลเทอร์เนทีฟร็อก]]จนถึง[[แจ๊ส]]<ref>[http://www.prefixmag.com/news/prince-bjork-sufjan-stevens-cover-joni-mitchell/8855/ A Tribute to Joni Mitchell]</ref> มิตเชลล์ ยังเป็นจิตรกร เธอสร้างสรรค์ผลงานศิลปินบนปกอัลบั้มของเธอเอง และในปี 2000 เธออธิบายตัวเองไว้ว่า "จิตรกรบังเอิญโดยสภาวะแวดล้อม"<ref>Interview with the Toronto ''[[Globe and Mail]]''</ref> เธอหยุดการทำงานเพลงหลายปี โดยมุ่งเน้นไปที่งานจิตรกรรม แต่ปี 2007 เธอออกผลงานอัลบั้มชุด ''Shine'' ถือเป็นผลงานอัลบั้มแรกในรอบ 9 ปี
 
== อ้างอิง ==